19 มิถุนายน 2556 เวลา 10.30 น. ที่ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมด้วย พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามสถานการณ์และผลการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่ พร้อมทั้ง ร่วมประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและผู้บังคับการตำรวจ ตลอดจนหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลโทสกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ,นายเสรีย์ ศรีหะไตร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า(ฝ่ายพลเรือน), ตลอดจนกองกำลังทั้ง 3 ฝ่าย ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม
โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มอบนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ ให้มีการพัฒนาการไปในทิศทางที่ก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการที่เป็นเอกภาพของกลไกหลักในการแก้ไขปัญหา ซึ่งประกอบด้วย ส่วนราชการปกติ คือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้.และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยมีปัจจัยสำคัญคือ การแก้ปัญหาโดยเน้นให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการขับเคลื่อนแผนงาน โครงการในพื้นที่ ได้ให้แนวทาง อาทิ โครงการฟื้นฟูนาร้าง ,โครงการส่งเสริมกลุ่มอาชีพสตรี รวมถึงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถดูแลพื้นที่ได้ ทั้งนี้ จะต้องเน้นให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วย มุ่งเน้นการพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับผู้นำศาสนา และผู้นำชุมชน ให้มากขึ้น โดยให้จัดทำเป็นแผนให้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ นอกจากนี้ การปฏิบัติงานต่างๆนั้น จะต้องสร้างความเข้าใจกับสื่อมวลชนทุกระดับ ทั้งในระดับพื้นที่และส่วนกลางรวมถึงจะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เข้าใจปัญหา และมีมุมมองต่อแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น อาทิ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ตามอำนาจหน้าที่ของกฎหมาย รวมถึง การกำหนดมาตรการเพื่อรองรับการลดความรุนแรงในพื้นที่ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาภัยแทรกซ้อน ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจากผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณและชมเชยทุกหน่วยที่ให้ความสำคัญและเข้ามาร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างมีเอกภาพ ทำให้การแก้ปัญหามีพัฒนาการ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตามลำดับ รวมถึง การพัฒนาทางด้านการศึกษา ต้องให้กระทรวงศึกษาธิการเข้าดำเนินการอย่างจริงจังและควรปรับหลักสูตรให้สอดคล้องต่อความต้องการของพื้นที่ เช่น โครงการทวิภาษา เป็นต้น
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็เพื่อมาให้ขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลในพื้นที่ ซึ่งทางด้านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการมาโดยตรงว่า ให้ทางกองทัพบกเฝ้าติดตามผลการดำเนินงาน การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งที่ผ่านมา เป็นที่น่ายินดีว่า ในการปฏิบัติงานดังกล่าว เราได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าดำเนินการ ทำให้ในพื้นที่มีความปลอดภัยพอสมควร เพื่อให้ฝ่ายพัฒนาได้ลงพื้นที่ทำงานได้ ก็คงต้องใช้เวลา เนื่องจากทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ส่วนในเดือนรอมฏอนที่จะมาถึงนั้น การที่จะลดการก่อเหตุ ต้องขอสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ดังนั้นฝ่ายใดที่เป็นผู้ก่อเหตุ ก็ควรที่จะต้องลดการก่อเหตุให้ได้ การพุดคุยอย่าไปเป็นกังวล เพราะอย่างไรก็ต้องมีการพุดคุย ให้เกิดผลประโยชน์กันในทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชนเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ มันไม่ใช่เป็นการตอบรับ อย่าคิดว่าการพูดคุยเป็นการตอบรับ ซึ่งมันไม่ใช่ การตอบรับคือ การเอาปัญหาทั้งสองฝ่ายมาพุดคุยกัน แล้วนำปัญหาให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจ เป็นผู้ตัดสินใจ เรื่องดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ที่จะร่วมกันตัดสินใจว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยซึ่งถือเป็นขบวนการประชาธิปไตย และก็เริ่มต้นว่าจะทำอะไรกัน และใช้เวลาเท่าไหร่ เช่น จะลดการก่อเหตุในเดือนรอมฏอน ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2556 นั้น จะต้องดูว่า ฝ่ายตรงข้ามนั้นจะต้องร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นด้วย
จากนั้น เวลา 14.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวัดทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจแก่กลุ่มพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชน ๒ วิถี คือชุมชนไทยพุทธและชุมชนไทยมุสลิมที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน โดยมีพี่น้องประชาชนร่วมให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก.
ขอขอบคุณภาพ/ข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
ผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่ จชต. เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่พร้อมให้กำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
19 มิถุนายน 2556 เวลา 10.30 น. ที่ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมด้วย พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามสถานการณ์และผลการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่ พร้อมทั้ง ร่วมประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและผู้บังคับการตำรวจ ตลอดจนหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลโทสกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ,นายเสรีย์ ศรีหะไตร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า(ฝ่ายพลเรือน), ตลอดจนกองกำลังทั้ง 3 ฝ่าย ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม
โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มอบนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ ให้มีการพัฒนาการไปในทิศทางที่ก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการที่เป็นเอกภาพของกลไกหลักในการแก้ไขปัญหา ซึ่งประกอบด้วย ส่วนราชการปกติ คือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้.และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยมีปัจจัยสำคัญคือ การแก้ปัญหาโดยเน้นให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการขับเคลื่อนแผนงาน โครงการในพื้นที่ ได้ให้แนวทาง อาทิ โครงการฟื้นฟูนาร้าง ,โครงการส่งเสริมกลุ่มอาชีพสตรี รวมถึงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถดูแลพื้นที่ได้ ทั้งนี้ จะต้องเน้นให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วย มุ่งเน้นการพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับผู้นำศาสนา และผู้นำชุมชน ให้มากขึ้น โดยให้จัดทำเป็นแผนให้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ นอกจากนี้ การปฏิบัติงานต่างๆนั้น จะต้องสร้างความเข้าใจกับสื่อมวลชนทุกระดับ ทั้งในระดับพื้นที่และส่วนกลางรวมถึงจะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เข้าใจปัญหา และมีมุมมองต่อแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น อาทิ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ตามอำนาจหน้าที่ของกฎหมาย รวมถึง การกำหนดมาตรการเพื่อรองรับการลดความรุนแรงในพื้นที่ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาภัยแทรกซ้อน ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจากผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณและชมเชยทุกหน่วยที่ให้ความสำคัญและเข้ามาร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างมีเอกภาพ ทำให้การแก้ปัญหามีพัฒนาการ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตามลำดับ รวมถึง การพัฒนาทางด้านการศึกษา ต้องให้กระทรวงศึกษาธิการเข้าดำเนินการอย่างจริงจังและควรปรับหลักสูตรให้สอดคล้องต่อความต้องการของพื้นที่ เช่น โครงการทวิภาษา เป็นต้น
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็เพื่อมาให้ขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลในพื้นที่ ซึ่งทางด้านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการมาโดยตรงว่า ให้ทางกองทัพบกเฝ้าติดตามผลการดำเนินงาน การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งที่ผ่านมา เป็นที่น่ายินดีว่า ในการปฏิบัติงานดังกล่าว เราได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าดำเนินการ ทำให้ในพื้นที่มีความปลอดภัยพอสมควร เพื่อให้ฝ่ายพัฒนาได้ลงพื้นที่ทำงานได้ ก็คงต้องใช้เวลา เนื่องจากทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ส่วนในเดือนรอมฏอนที่จะมาถึงนั้น การที่จะลดการก่อเหตุ ต้องขอสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ดังนั้นฝ่ายใดที่เป็นผู้ก่อเหตุ ก็ควรที่จะต้องลดการก่อเหตุให้ได้ การพุดคุยอย่าไปเป็นกังวล เพราะอย่างไรก็ต้องมีการพุดคุย ให้เกิดผลประโยชน์กันในทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชนเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ มันไม่ใช่เป็นการตอบรับ อย่าคิดว่าการพูดคุยเป็นการตอบรับ ซึ่งมันไม่ใช่ การตอบรับคือ การเอาปัญหาทั้งสองฝ่ายมาพุดคุยกัน แล้วนำปัญหาให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจ เป็นผู้ตัดสินใจ เรื่องดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ที่จะร่วมกันตัดสินใจว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยซึ่งถือเป็นขบวนการประชาธิปไตย และก็เริ่มต้นว่าจะทำอะไรกัน และใช้เวลาเท่าไหร่ เช่น จะลดการก่อเหตุในเดือนรอมฏอน ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2556 นั้น จะต้องดูว่า ฝ่ายตรงข้ามนั้นจะต้องร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นด้วย
จากนั้น เวลา 14.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังวัดทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจแก่กลุ่มพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชน ๒ วิถี คือชุมชนไทยพุทธและชุมชนไทยมุสลิมที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน โดยมีพี่น้องประชาชนร่วมให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก.
ขอขอบคุณภาพ/ข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
There is no related posts.