นักศึกษาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มรภ.สงขลา ทำโครงการผีเสื้อพระราชา ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ช่วยนักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประกวดผลงานเยาวชนอาสาสานต่อพระราชดำริ
นายณัฐภัทร ทุ่งแซะ นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ หาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้โครงการผีเสื้อพระราชา (RAMA Butterfly) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกนิสัยรักการอ่านและการเขียนของนักเรียน อีกทั้งเพื่อให้เรียนรู้ศาสตร์พระราชาผ่านกระบวนการพัฒนาทักษะให้อ่านได้และอ่านเป็น จัดทำโดยตนและเพื่อนๆ สมาชิกทีม “เรามา (ทำ) ดี” อีก 3 คนคือ นายยุทธภพ เรืองฤทธิ์ นายฐิติพงศ์ พันธ์ดี และ นายกฤษณพงศ์ สิทธิชัย โดยมี ผศ.นิตยา ธัญญพาณิชย์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 พร้อมทุนการศึกษา 15,000 บาท และถ้วยรางวัลจากเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) จากการประกวดผลงานเยาวชนอาสาสานต่อพระราชดำริ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนส่งโครงการเข้าร่วมการประกวด ซึ่งโครงการผีเสื้อพระราชาของ มรภ.สงขลา เป็น 1 ใน 20 ทีมที่ผ่านการคัดเลือก จากทั้งหมดกว่า 80 ทีมทั่วประเทศ
นายณัฐภัทร กล่าวว่า ผีเสื้อพระราชาเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมและกระบวนการเรียนรู้ ภายใต้โมเดล ชื่อว่า “Butterfly Model” โดยแบ่งออกเป็น 4 ระยะคือ ระยะวางไข่ ระยะหนอน ระยะดักแด้ และ ระยะผีเสื้อ เนื่องจากเล็งเห็นถึงปัญหานักเรียนจำนวนมากที่ไม่สามารถอ่าน-เขียนได้ตามที่คาดหวัง หรือขาดนิสัยรักการอ่าน ตนและเพื่อนๆ จึงจัดโครงการผีเสื้อพระราชาขึ้น กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนโรงเรียนสาธิต มรภ.สงขลา จำนวน 30 คน ซึ่งนอกจากจะช่วยพัฒนาผู้เรียนสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตแล้ว ยังสามารถสานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงสอดแทรกโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ เข้ามาบูรณาการในกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักและเห็นคุณค่า พร้อมที่จะน้อมนำศาสตร์พระราชามาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและพัฒนาประเทศ ทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองในการใฝ่เรียนรู้ อดออม ที่ไม่ใช่ออมเงินตราที่มีวันหมดค่า แต่เป็นการออมความรู้ที่ไม่มีวันสูญสิ้น
“ในนามกลุ่มเรามา (ทำ) ดี ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ และเป็นเมล็ดพันธุ์วิชาชีพครูภาษาไทยในอนาคต มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ด้านการสอนและศาสตร์ด้านภาษาไทย พวกเราตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านและการเขียนของเยาวชนในปัจจุบัน จึงเข้าร่วมโครงการพี่สอนน้องให้อ่านเขียน ซึ่งเป็นโครงการจิตอาสา จุดประสงค์เพื่อพัฒนาเยาวชนให้สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ ผลปรากฏว่านักเรียนสามารถอ่านออกเขียนได้ถึงร้อยละ 80 อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ข้างต้นพวกเราเห็นถึงปัญหาสำคัญประการหนึ่งคือ ผู้เรียนไม่มีใจรักในการอ่านและการเขียน ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการเรียนรู้ และจะส่งผลต่อในอนาคตอีกด้วย จึงร่วมกันจัดทำโครงการผีเสื้อพระราชาขึ้นมา เพื่อช่วยจุดประกายการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ก่อเกิดแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนพัฒนาตนเอง”
นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย กล่าวและว่า กระบวนการเรียนรู้ตามแนวคิด Butterfly Model แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้ 1. ระยะวางไข่ สร้างแรงบันดาลใจให้มีทัศนคติที่ดีและเห็นคุณค่าของการอ่าน การเขียน เป็นการสร้างรากฐานในการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน หากเป็นผีเสื้อก็คือการฟักไข่ให้เป็นหนอนพร้อมที่จะออกสู่โลกภายนอก 2. ระยะหนอน กิจกรรมสั่งสมการอ่าน เมื่อนักเรียนมีแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือแล้ว เปรียบดังหนอนที่กำลังหิวหลังออกจากไข่ ก็จะใช้โอกาสนี้จัดกิจกรรมสั่งสมการอ่าน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ศาสตร์ของพระราชา ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 3. ระยะดักแด้ กิจกรรมนำเสนอผลงานผ่านกระบวนการงานเขียน โดยกำหนดหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์พระราชา กลวิธีนี้ช่วยให้ผู้เรียนทบทวนความรู้ที่สั่งสมมา ได้ตกตะกอนความรู้อีกขั้นหนึ่ง เกิดเป็นความรู้ที่คงทนสามารถนำไปต่อยอดได้ และ 4. ระยะผีเสื้อ กิจกรรมต่อยอดนิสัยรักการอ่าน โดยนักเรียนแต่ละคนต้องกระจายนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง เสมือนการแพร่พันธุ์ผีเสื้อให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเยาวชนผู้รู้งานที่พร้อมจะสานต่อและแบ่งปันประโยชน์ให้ผู้อื่นด้วย.
ภาพ/ข่าว มรภ.สงขลา
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 21, 2025
November 19, 2025
November 18, 2025
November 17, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
นศ.ครุ มรภ.สงขลา ใช้ “ผีเสื้อพระราชา” แก้ปัญหาเด็กขาดนิสัยรักการอ่าน คว้ารองชนะเลิศอันดับ 1 ประกวดผลงานเยาวชนอาสาสานต่อพระราชดำริ
นักศึกษาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มรภ.สงขลา ทำโครงการผีเสื้อพระราชา ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ช่วยนักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประกวดผลงานเยาวชนอาสาสานต่อพระราชดำริ
นายณัฐภัทร ทุ่งแซะ นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ หาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้โครงการผีเสื้อพระราชา (RAMA Butterfly) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกนิสัยรักการอ่านและการเขียนของนักเรียน อีกทั้งเพื่อให้เรียนรู้ศาสตร์พระราชาผ่านกระบวนการพัฒนาทักษะให้อ่านได้และอ่านเป็น จัดทำโดยตนและเพื่อนๆ สมาชิกทีม “เรามา (ทำ) ดี” อีก 3 คนคือ นายยุทธภพ เรืองฤทธิ์ นายฐิติพงศ์ พันธ์ดี และ นายกฤษณพงศ์ สิทธิชัย โดยมี ผศ.นิตยา ธัญญพาณิชย์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 พร้อมทุนการศึกษา 15,000 บาท และถ้วยรางวัลจากเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) จากการประกวดผลงานเยาวชนอาสาสานต่อพระราชดำริ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนส่งโครงการเข้าร่วมการประกวด ซึ่งโครงการผีเสื้อพระราชาของ มรภ.สงขลา เป็น 1 ใน 20 ทีมที่ผ่านการคัดเลือก จากทั้งหมดกว่า 80 ทีมทั่วประเทศ
นายณัฐภัทร กล่าวว่า ผีเสื้อพระราชาเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมและกระบวนการเรียนรู้ ภายใต้โมเดล ชื่อว่า “Butterfly Model” โดยแบ่งออกเป็น 4 ระยะคือ ระยะวางไข่ ระยะหนอน ระยะดักแด้ และ ระยะผีเสื้อ เนื่องจากเล็งเห็นถึงปัญหานักเรียนจำนวนมากที่ไม่สามารถอ่าน-เขียนได้ตามที่คาดหวัง หรือขาดนิสัยรักการอ่าน ตนและเพื่อนๆ จึงจัดโครงการผีเสื้อพระราชาขึ้น กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนโรงเรียนสาธิต มรภ.สงขลา จำนวน 30 คน ซึ่งนอกจากจะช่วยพัฒนาผู้เรียนสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตแล้ว ยังสามารถสานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงสอดแทรกโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ เข้ามาบูรณาการในกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักและเห็นคุณค่า พร้อมที่จะน้อมนำศาสตร์พระราชามาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและพัฒนาประเทศ ทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองในการใฝ่เรียนรู้ อดออม ที่ไม่ใช่ออมเงินตราที่มีวันหมดค่า แต่เป็นการออมความรู้ที่ไม่มีวันสูญสิ้น
“ในนามกลุ่มเรามา (ทำ) ดี ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ และเป็นเมล็ดพันธุ์วิชาชีพครูภาษาไทยในอนาคต มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ด้านการสอนและศาสตร์ด้านภาษาไทย พวกเราตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านและการเขียนของเยาวชนในปัจจุบัน จึงเข้าร่วมโครงการพี่สอนน้องให้อ่านเขียน ซึ่งเป็นโครงการจิตอาสา จุดประสงค์เพื่อพัฒนาเยาวชนให้สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ ผลปรากฏว่านักเรียนสามารถอ่านออกเขียนได้ถึงร้อยละ 80 อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ข้างต้นพวกเราเห็นถึงปัญหาสำคัญประการหนึ่งคือ ผู้เรียนไม่มีใจรักในการอ่านและการเขียน ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการเรียนรู้ และจะส่งผลต่อในอนาคตอีกด้วย จึงร่วมกันจัดทำโครงการผีเสื้อพระราชาขึ้นมา เพื่อช่วยจุดประกายการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ก่อเกิดแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนพัฒนาตนเอง”
นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย กล่าวและว่า กระบวนการเรียนรู้ตามแนวคิด Butterfly Model แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้ 1. ระยะวางไข่ สร้างแรงบันดาลใจให้มีทัศนคติที่ดีและเห็นคุณค่าของการอ่าน การเขียน เป็นการสร้างรากฐานในการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน หากเป็นผีเสื้อก็คือการฟักไข่ให้เป็นหนอนพร้อมที่จะออกสู่โลกภายนอก 2. ระยะหนอน กิจกรรมสั่งสมการอ่าน เมื่อนักเรียนมีแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือแล้ว เปรียบดังหนอนที่กำลังหิวหลังออกจากไข่ ก็จะใช้โอกาสนี้จัดกิจกรรมสั่งสมการอ่าน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ศาสตร์ของพระราชา ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 3. ระยะดักแด้ กิจกรรมนำเสนอผลงานผ่านกระบวนการงานเขียน โดยกำหนดหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์พระราชา กลวิธีนี้ช่วยให้ผู้เรียนทบทวนความรู้ที่สั่งสมมา ได้ตกตะกอนความรู้อีกขั้นหนึ่ง เกิดเป็นความรู้ที่คงทนสามารถนำไปต่อยอดได้ และ 4. ระยะผีเสื้อ กิจกรรมต่อยอดนิสัยรักการอ่าน โดยนักเรียนแต่ละคนต้องกระจายนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง เสมือนการแพร่พันธุ์ผีเสื้อให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเยาวชนผู้รู้งานที่พร้อมจะสานต่อและแบ่งปันประโยชน์ให้ผู้อื่นด้วย.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ม.ทักษิณ เปิดสนามประลองไอเดียธุรกิจ TSU Premier Pitch 2025 ดันนิสิตสู่ธุรกิจสตาร์ทอัพ
November 21, 2025
มรภ.สงขลา เยือน มรภ.วไลยอลงกรณ์ฯ จัดอบรมใช้งานระบบ “Big Data” ครั้งที่ ...
November 19, 2025
สกสว. จัดงาน Thailand Talent Summit 2025 รวมพลนักวิจัยไทยกว่า ...
November 18, 2025
มรภ.สงขลา มอบประกาศนียบัตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ หลักสูตรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนดิจิทัลฯ ยกระดับขีดความสามารถบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาผู้เรียนอย่างยั่งยืน
November 17, 2025