มีความคืบหน้าการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นชิงรถกระบะ 7 คันเพื่อนำไปทำคาร์บอมบ์ เหตุเกิดเมื่อวันพุธที่ 16 ส.ค.60 โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพุ่งเป้าไปยังคนใกล้ชิดของ นายนูร์ฮาซัน อาแว หนุ่มวัย 26 ปีที่เสียชีวิตอยู่ในรถกระบะที่ถูกปล้นคันหนึ่ง หลังถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมบริเวณใกล้ด่านเกาะหม้อแกง รอยต่อ อ.เทพา จ.สงขลา กับ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจบุคคลแวดล้อมนายนูร์ฮาซัน เพราะเมื่อตรวจสอบประวัติผู้ตายรายนี้ ไม่พบว่าเคยเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อีกทั้งเขายังเป็นคนเคร่งศาสนา ทำงานอยู่ที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาแห่งหนึ่ง แต่กลับไปร่วมในเหตุการณ์อุกอาจจนแม้แต่คนในครอบครัวก็ยังประหลาดใจ เมื่อวันพุธที่ 23 ส.ค. ซึ่งครบ 7 วันการเสียชีวิตของนายนูร์ฮาซัน ครอบครัวของเขาได้จัดพิธีทำบุญ ที่หมู่บ้านแบรอจะรัง หมู่ 2 ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้นำศาสนา เพื่อนบ้าน และประชาชนทั่วไปมาร่วมพิธีกว่า 200 คน ทั้งหมดได้ร่วมกันอ่านอัลกุรอานให้กับผู้เสียชีวิต ขณะที่ครอบครัวของนายนูร์ฮาซัน ดูคลายความเศร้าโศกลง แต่ก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่าทุกคนหนีความตายไม่พ้น จะตายเร็วหรือตายช้าเท่านั้น และไม่มีใครรู้จะตายเมื่อไหร่ ขณะเดียวกัน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และอาสารักษาดินแดน (อส.) กว่า 60 นาย กระจายกันเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดในเขต ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี ประกอบด้วย 1.หมู่ 6 บ้านจือแรบองอ 2.บ้านพักของผู้อำนวยการศูนย์ตาดีกาบ้านแบรอจะรัง และอุสตาซโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่ง 3.บ้านผู้นำศาสนา และ 4.ศูนย์ตาดีกา โดย 3 จุดหลังอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 บ้านแบรอจะรัง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกับบ้านของนายนูร์ฮาซัน โดยบุคคลทั้งหมดเป็นผู้สนิทสนมกับ นายนูร์ฮาซัน การตรวจค้นบ้านพักของครูใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของนายนูร์ฮาซันเพียง 50 เมตร และมีความสนิทสนมกับนายนูร์ฮาซัน ช่วงที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนา เจ้าหน้าที่ได้เชิญโต๊ะอีหม่ามในพื้นที่มาเป็นพยานในการเข้าตรวจค้นด้วย ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ยึดสิ่งของต่างๆ ไปตรวจสอบ เช่น ตราประทับของโรงเรียน เอกสาร คอมพิวเตอร์ และสมุดบัญชีธนาคาร พร้อมทั้งคุมตัวผู้ต้องสงสัย คือครูใหญ่ และเพื่อนบ้านรวม 4 คน ส่งเข้าศูนย์ซักถาม ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ที่เข้าตรวจค้น ไม่พบบุคคลเป้าหมายและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พล.ต.จตุพร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนว่าทำไมผู้ตายถึงไปร่วมก่อเหตุ โดยสอบถามทั้งครอบครัวและคนใกล้ชิด ทราบว่าผู้ตายเป็นคนดี เคร่งศาสนา ตั้งใจทำงาน เป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้าน คนใกล้ชิดบางคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทราบว่าสาเหตุน่าจะมีแรงจูงใจจากความเชื่อผิดๆ และถูกจ้างวานจากคนที่อยู่แวดล้อมบางคนรวมทั้งคนที่ควบคุมตัว ซึ่งเป็นครูใหญ่ มีข้อมูลว่ามีการประชุม มีการประสานงานกับผู้ตาย คาดว่าน่าจะจ้างวานไปก่อเหตุ แต่ครูใหญ่ยังให้การภาคเสธ จึงต้องใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเชิญตัวไปให้ข้อมูลข้อเท็จจริง ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็ต้องปล่อยตัวผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ยังสรุปความคืบหน้าการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ปล้นรถทำคาร์บอมบ์ว่า ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกแล้ว 4 คน ล่าสุดกลุ่มครูใหญ่และคนใกล้ชิดอีก 4 คน รวมเป็น 8 คน และยังมีการเชิญตัวโดยใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) อีก 6 คน ปล่อยตัวแล้ว 2 เหลือ 4 คน รวมเป็น 12 คน จากการซักถาม ทั้งหมดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สามารถขยายผลได้ แต่บางคนยังให้การภาคเสธ คืออ้างว่ามีส่วนรู้เห็น แต่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ ส่วน นายมะกอซี แนปิแน และ น.ส.แมะสง เจะแต สองสามีภรรยาชาว ต.ยาบี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเจ้าของรถมาสด้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียนนราธิวาส ที่ถูกกลุ่มคนร้ายปล้นขณะเดินทางไปตลาดเพื่อซื้อปลา เหตุเกิดที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อเช้ามืดของวันพุธที่ 16 ส.ค. ก่อนคนร้ายจะนำรถไปปล้นรถกระบะอีก 6 คันที่วังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จ.สงขลา แต่ไม่ทำร้ายสองสามีภรรยานั้น พล.ต.จตุพร บอกว่า เมื่อนำบุคคลทั้งสองมาสอบสวน โดยแยกสอบสวน ปรากฏว่าให้การมีพิรุธ จึงต้องควบคุมตัวเพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป “คดีนี้เริ่มมีความกระจ่างมากขึ้น ทำให้มีความมั่นใจในการติดตามกลุ่มคนร้าย โดยคนร้ายแบ่งการทำงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ปฏิบัติการปล้น กับ 2.กลุ่มที่สร้างแรงจูงใจให้ก่อเหตุ สำหรับกลุ่มที่ปฏิบัติการปล้น แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ปล้นรถกระบะมาสด้าสีบรอนซ์เทาจากสองสามีภรรยา กลุ่มที่สอง ปล้นรถที่ เต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ และกลุ่มที่สาม ประกอบระเบิด” “สามกลุ่มปฏิบัติการนี้ เราเจาะลึกไปในแต่ละกลุ่ม พบว่ากลุ่มปฏิบัติการปล้นรถ คือ กลุ่มนายมาหามะ สะอิ และพวก ส่วนกลุ่มที่ประกอบระเบิด คือ นายรอซาลี กับ บูคอลี หลำโซ๊ะ โดยได้หลักฐานจากดีเอ็นเอที่พบในรถที่ถูกปล้น และรถที่ใช้ก่อเหตุ จนสามารถออกหมายจับได้ (เป็นผู้ต้องหา 3 คนจาก 6 คนที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ อ่านประกอบ…6 คน 11 หมายจับ! ทีมปล้นรถทำคาร์บอมบ์) ขณะนี้กำลังอยุ่ระหว่างติดตามและค้นหาความจริงอว่า กลุ่มที่ประกอบระเบิดนำไปประกอบที่ไหน เคลื่อนย้ายอย่างไร เพื่อเป็นประโยชน์ในทางคดี และเป็นประโยชน์ในการที่เราจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีก” พล.ต.จตุพร ระบุ”ทีมข่าวอิศรา” รายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดสัปดาห์เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ปฏิบัติการไล่ล่ากดดันกลุ่มคนร้าย ทั้งในพื้นที่ อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพราะเชื่อว่าคนร้ายยังกบดานอยู่ในพื้นที่ โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกควบคุมตัว คือ นายมะรอยี ราแดง อายุ 30 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา ขณะพักอยู่ที่บ้านภรรยาใน อ.ยะรัง โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายมะรอยี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นรถกระบะ 6 คัน จากวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จึงควบคุมตัวส่งศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ด้านสถานการณ์ความไม่สงบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 23 ส.ค. คนร้ายใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักระเบิด 20 กิโลกรัม ที่ประกอบใส่ถังแก๊สขนาดเล็ก วางดักไว้ริมถนนสายบ้านโสร่ง-บ้านแลแวะ หมู่ 3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง เพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยครู แต่โชคดีที่แรงระเบิดไม่ได้ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.”
พิราบข่าว
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 21, 2024
November 20, 2024
November 19, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
“คุมตัว “ครูใหญ่” คนใกล้ชิด “นูร์ฮาซัน” สอบเครียดโยงปล้นรถทำคาร์บอมบ์”
มีความคืบหน้าการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นชิงรถกระบะ 7 คันเพื่อนำไปทำคาร์บอมบ์ เหตุเกิดเมื่อวันพุธที่ 16 ส.ค.60 โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพุ่งเป้าไปยังคนใกล้ชิดของ นายนูร์ฮาซัน อาแว หนุ่มวัย 26 ปีที่เสียชีวิตอยู่ในรถกระบะที่ถูกปล้นคันหนึ่ง หลังถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมบริเวณใกล้ด่านเกาะหม้อแกง รอยต่อ อ.เทพา จ.สงขลา กับ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจบุคคลแวดล้อมนายนูร์ฮาซัน เพราะเมื่อตรวจสอบประวัติผู้ตายรายนี้ ไม่พบว่าเคยเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อีกทั้งเขายังเป็นคนเคร่งศาสนา ทำงานอยู่ที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาแห่งหนึ่ง แต่กลับไปร่วมในเหตุการณ์อุกอาจจนแม้แต่คนในครอบครัวก็ยังประหลาดใจ เมื่อวันพุธที่ 23 ส.ค. ซึ่งครบ 7 วันการเสียชีวิตของนายนูร์ฮาซัน ครอบครัวของเขาได้จัดพิธีทำบุญ ที่หมู่บ้านแบรอจะรัง หมู่ 2 ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้นำศาสนา เพื่อนบ้าน และประชาชนทั่วไปมาร่วมพิธีกว่า 200 คน ทั้งหมดได้ร่วมกันอ่านอัลกุรอานให้กับผู้เสียชีวิต ขณะที่ครอบครัวของนายนูร์ฮาซัน ดูคลายความเศร้าโศกลง แต่ก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่าทุกคนหนีความตายไม่พ้น จะตายเร็วหรือตายช้าเท่านั้น และไม่มีใครรู้จะตายเมื่อไหร่ ขณะเดียวกัน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และอาสารักษาดินแดน (อส.) กว่า 60 นาย กระจายกันเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดในเขต ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี ประกอบด้วย 1.หมู่ 6 บ้านจือแรบองอ 2.บ้านพักของผู้อำนวยการศูนย์ตาดีกาบ้านแบรอจะรัง และอุสตาซโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่ง 3.บ้านผู้นำศาสนา และ 4.ศูนย์ตาดีกา โดย 3 จุดหลังอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 บ้านแบรอจะรัง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกับบ้านของนายนูร์ฮาซัน โดยบุคคลทั้งหมดเป็นผู้สนิทสนมกับ นายนูร์ฮาซัน การตรวจค้นบ้านพักของครูใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของนายนูร์ฮาซันเพียง 50 เมตร และมีความสนิทสนมกับนายนูร์ฮาซัน ช่วงที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนา เจ้าหน้าที่ได้เชิญโต๊ะอีหม่ามในพื้นที่มาเป็นพยานในการเข้าตรวจค้นด้วย ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ยึดสิ่งของต่างๆ ไปตรวจสอบ เช่น ตราประทับของโรงเรียน เอกสาร คอมพิวเตอร์ และสมุดบัญชีธนาคาร พร้อมทั้งคุมตัวผู้ต้องสงสัย คือครูใหญ่ และเพื่อนบ้านรวม 4 คน ส่งเข้าศูนย์ซักถาม ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ที่เข้าตรวจค้น ไม่พบบุคคลเป้าหมายและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พล.ต.จตุพร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนว่าทำไมผู้ตายถึงไปร่วมก่อเหตุ โดยสอบถามทั้งครอบครัวและคนใกล้ชิด ทราบว่าผู้ตายเป็นคนดี เคร่งศาสนา ตั้งใจทำงาน เป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้าน คนใกล้ชิดบางคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทราบว่าสาเหตุน่าจะมีแรงจูงใจจากความเชื่อผิดๆ และถูกจ้างวานจากคนที่อยู่แวดล้อมบางคนรวมทั้งคนที่ควบคุมตัว ซึ่งเป็นครูใหญ่ มีข้อมูลว่ามีการประชุม มีการประสานงานกับผู้ตาย คาดว่าน่าจะจ้างวานไปก่อเหตุ แต่ครูใหญ่ยังให้การภาคเสธ จึงต้องใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเชิญตัวไปให้ข้อมูลข้อเท็จจริง ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็ต้องปล่อยตัวผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ยังสรุปความคืบหน้าการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ปล้นรถทำคาร์บอมบ์ว่า ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกแล้ว 4 คน ล่าสุดกลุ่มครูใหญ่และคนใกล้ชิดอีก 4 คน รวมเป็น 8 คน และยังมีการเชิญตัวโดยใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) อีก 6 คน ปล่อยตัวแล้ว 2 เหลือ 4 คน รวมเป็น 12 คน จากการซักถาม ทั้งหมดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สามารถขยายผลได้ แต่บางคนยังให้การภาคเสธ คืออ้างว่ามีส่วนรู้เห็น แต่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ ส่วน นายมะกอซี แนปิแน และ น.ส.แมะสง เจะแต สองสามีภรรยาชาว ต.ยาบี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเจ้าของรถมาสด้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียนนราธิวาส ที่ถูกกลุ่มคนร้ายปล้นขณะเดินทางไปตลาดเพื่อซื้อปลา เหตุเกิดที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อเช้ามืดของวันพุธที่ 16 ส.ค. ก่อนคนร้ายจะนำรถไปปล้นรถกระบะอีก 6 คันที่วังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จ.สงขลา แต่ไม่ทำร้ายสองสามีภรรยานั้น พล.ต.จตุพร บอกว่า เมื่อนำบุคคลทั้งสองมาสอบสวน โดยแยกสอบสวน ปรากฏว่าให้การมีพิรุธ จึงต้องควบคุมตัวเพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป “คดีนี้เริ่มมีความกระจ่างมากขึ้น ทำให้มีความมั่นใจในการติดตามกลุ่มคนร้าย โดยคนร้ายแบ่งการทำงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ปฏิบัติการปล้น กับ 2.กลุ่มที่สร้างแรงจูงใจให้ก่อเหตุ สำหรับกลุ่มที่ปฏิบัติการปล้น แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ปล้นรถกระบะมาสด้าสีบรอนซ์เทาจากสองสามีภรรยา กลุ่มที่สอง ปล้นรถที่ เต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ และกลุ่มที่สาม ประกอบระเบิด” “สามกลุ่มปฏิบัติการนี้ เราเจาะลึกไปในแต่ละกลุ่ม พบว่ากลุ่มปฏิบัติการปล้นรถ คือ กลุ่มนายมาหามะ สะอิ และพวก ส่วนกลุ่มที่ประกอบระเบิด คือ นายรอซาลี กับ บูคอลี หลำโซ๊ะ โดยได้หลักฐานจากดีเอ็นเอที่พบในรถที่ถูกปล้น และรถที่ใช้ก่อเหตุ จนสามารถออกหมายจับได้ (เป็นผู้ต้องหา 3 คนจาก 6 คนที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ อ่านประกอบ…6 คน 11 หมายจับ! ทีมปล้นรถทำคาร์บอมบ์) ขณะนี้กำลังอยุ่ระหว่างติดตามและค้นหาความจริงอว่า กลุ่มที่ประกอบระเบิดนำไปประกอบที่ไหน เคลื่อนย้ายอย่างไร เพื่อเป็นประโยชน์ในทางคดี และเป็นประโยชน์ในการที่เราจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีก” พล.ต.จตุพร ระบุ”ทีมข่าวอิศรา” รายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดสัปดาห์เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ปฏิบัติการไล่ล่ากดดันกลุ่มคนร้าย ทั้งในพื้นที่ อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพราะเชื่อว่าคนร้ายยังกบดานอยู่ในพื้นที่ โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกควบคุมตัว คือ นายมะรอยี ราแดง อายุ 30 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา ขณะพักอยู่ที่บ้านภรรยาใน อ.ยะรัง โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายมะรอยี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นรถกระบะ 6 คัน จากวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จึงควบคุมตัวส่งศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ด้านสถานการณ์ความไม่สงบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 23 ส.ค. คนร้ายใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักระเบิด 20 กิโลกรัม ที่ประกอบใส่ถังแก๊สขนาดเล็ก วางดักไว้ริมถนนสายบ้านโสร่ง-บ้านแลแวะ หมู่ 3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง เพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยครู แต่โชคดีที่แรงระเบิดไม่ได้ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.”
พิราบข่าว
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024
อบจ.สงขลา ร่วมรับรางวัลประกาศเกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต จากโครงการ ...
November 20, 2024
อโกด้าเผย หาดใหญ่คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี
November 19, 2024