มีความคืบหน้าการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นชิงรถกระบะ 7 คันเพื่อนำไปทำคาร์บอมบ์ เหตุเกิดเมื่อวันพุธที่ 16 ส.ค.60 โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพุ่งเป้าไปยังคนใกล้ชิดของ นายนูร์ฮาซัน อาแว หนุ่มวัย 26 ปีที่เสียชีวิตอยู่ในรถกระบะที่ถูกปล้นคันหนึ่ง หลังถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมบริเวณใกล้ด่านเกาะหม้อแกง รอยต่อ อ.เทพา จ.สงขลา กับ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจบุคคลแวดล้อมนายนูร์ฮาซัน เพราะเมื่อตรวจสอบประวัติผู้ตายรายนี้ ไม่พบว่าเคยเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อีกทั้งเขายังเป็นคนเคร่งศาสนา ทำงานอยู่ที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาแห่งหนึ่ง แต่กลับไปร่วมในเหตุการณ์อุกอาจจนแม้แต่คนในครอบครัวก็ยังประหลาดใจ เมื่อวันพุธที่ 23 ส.ค. ซึ่งครบ 7 วันการเสียชีวิตของนายนูร์ฮาซัน ครอบครัวของเขาได้จัดพิธีทำบุญ ที่หมู่บ้านแบรอจะรัง หมู่ 2 ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้นำศาสนา เพื่อนบ้าน และประชาชนทั่วไปมาร่วมพิธีกว่า 200 คน ทั้งหมดได้ร่วมกันอ่านอัลกุรอานให้กับผู้เสียชีวิต ขณะที่ครอบครัวของนายนูร์ฮาซัน ดูคลายความเศร้าโศกลง แต่ก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่าทุกคนหนีความตายไม่พ้น จะตายเร็วหรือตายช้าเท่านั้น และไม่มีใครรู้จะตายเมื่อไหร่ ขณะเดียวกัน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และอาสารักษาดินแดน (อส.) กว่า 60 นาย กระจายกันเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดในเขต ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี ประกอบด้วย 1.หมู่ 6 บ้านจือแรบองอ 2.บ้านพักของผู้อำนวยการศูนย์ตาดีกาบ้านแบรอจะรัง และอุสตาซโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่ง 3.บ้านผู้นำศาสนา และ 4.ศูนย์ตาดีกา โดย 3 จุดหลังอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 บ้านแบรอจะรัง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกับบ้านของนายนูร์ฮาซัน โดยบุคคลทั้งหมดเป็นผู้สนิทสนมกับ นายนูร์ฮาซัน การตรวจค้นบ้านพักของครูใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของนายนูร์ฮาซันเพียง 50 เมตร และมีความสนิทสนมกับนายนูร์ฮาซัน ช่วงที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนา เจ้าหน้าที่ได้เชิญโต๊ะอีหม่ามในพื้นที่มาเป็นพยานในการเข้าตรวจค้นด้วย ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ยึดสิ่งของต่างๆ ไปตรวจสอบ เช่น ตราประทับของโรงเรียน เอกสาร คอมพิวเตอร์ และสมุดบัญชีธนาคาร พร้อมทั้งคุมตัวผู้ต้องสงสัย คือครูใหญ่ และเพื่อนบ้านรวม 4 คน ส่งเข้าศูนย์ซักถาม ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ที่เข้าตรวจค้น ไม่พบบุคคลเป้าหมายและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พล.ต.จตุพร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนว่าทำไมผู้ตายถึงไปร่วมก่อเหตุ โดยสอบถามทั้งครอบครัวและคนใกล้ชิด ทราบว่าผู้ตายเป็นคนดี เคร่งศาสนา ตั้งใจทำงาน เป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้าน คนใกล้ชิดบางคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทราบว่าสาเหตุน่าจะมีแรงจูงใจจากความเชื่อผิดๆ และถูกจ้างวานจากคนที่อยู่แวดล้อมบางคนรวมทั้งคนที่ควบคุมตัว ซึ่งเป็นครูใหญ่ มีข้อมูลว่ามีการประชุม มีการประสานงานกับผู้ตาย คาดว่าน่าจะจ้างวานไปก่อเหตุ แต่ครูใหญ่ยังให้การภาคเสธ จึงต้องใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเชิญตัวไปให้ข้อมูลข้อเท็จจริง ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็ต้องปล่อยตัวผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ยังสรุปความคืบหน้าการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ปล้นรถทำคาร์บอมบ์ว่า ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกแล้ว 4 คน ล่าสุดกลุ่มครูใหญ่และคนใกล้ชิดอีก 4 คน รวมเป็น 8 คน และยังมีการเชิญตัวโดยใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) อีก 6 คน ปล่อยตัวแล้ว 2 เหลือ 4 คน รวมเป็น 12 คน จากการซักถาม ทั้งหมดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สามารถขยายผลได้ แต่บางคนยังให้การภาคเสธ คืออ้างว่ามีส่วนรู้เห็น แต่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ ส่วน นายมะกอซี แนปิแน และ น.ส.แมะสง เจะแต สองสามีภรรยาชาว ต.ยาบี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเจ้าของรถมาสด้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียนนราธิวาส ที่ถูกกลุ่มคนร้ายปล้นขณะเดินทางไปตลาดเพื่อซื้อปลา เหตุเกิดที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อเช้ามืดของวันพุธที่ 16 ส.ค. ก่อนคนร้ายจะนำรถไปปล้นรถกระบะอีก 6 คันที่วังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จ.สงขลา แต่ไม่ทำร้ายสองสามีภรรยานั้น พล.ต.จตุพร บอกว่า เมื่อนำบุคคลทั้งสองมาสอบสวน โดยแยกสอบสวน ปรากฏว่าให้การมีพิรุธ จึงต้องควบคุมตัวเพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป “คดีนี้เริ่มมีความกระจ่างมากขึ้น ทำให้มีความมั่นใจในการติดตามกลุ่มคนร้าย โดยคนร้ายแบ่งการทำงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ปฏิบัติการปล้น กับ 2.กลุ่มที่สร้างแรงจูงใจให้ก่อเหตุ สำหรับกลุ่มที่ปฏิบัติการปล้น แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ปล้นรถกระบะมาสด้าสีบรอนซ์เทาจากสองสามีภรรยา กลุ่มที่สอง ปล้นรถที่ เต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ และกลุ่มที่สาม ประกอบระเบิด” “สามกลุ่มปฏิบัติการนี้ เราเจาะลึกไปในแต่ละกลุ่ม พบว่ากลุ่มปฏิบัติการปล้นรถ คือ กลุ่มนายมาหามะ สะอิ และพวก ส่วนกลุ่มที่ประกอบระเบิด คือ นายรอซาลี กับ บูคอลี หลำโซ๊ะ โดยได้หลักฐานจากดีเอ็นเอที่พบในรถที่ถูกปล้น และรถที่ใช้ก่อเหตุ จนสามารถออกหมายจับได้ (เป็นผู้ต้องหา 3 คนจาก 6 คนที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ อ่านประกอบ…6 คน 11 หมายจับ! ทีมปล้นรถทำคาร์บอมบ์) ขณะนี้กำลังอยุ่ระหว่างติดตามและค้นหาความจริงอว่า กลุ่มที่ประกอบระเบิดนำไปประกอบที่ไหน เคลื่อนย้ายอย่างไร เพื่อเป็นประโยชน์ในทางคดี และเป็นประโยชน์ในการที่เราจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีก” พล.ต.จตุพร ระบุ”ทีมข่าวอิศรา” รายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดสัปดาห์เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ปฏิบัติการไล่ล่ากดดันกลุ่มคนร้าย ทั้งในพื้นที่ อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพราะเชื่อว่าคนร้ายยังกบดานอยู่ในพื้นที่ โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกควบคุมตัว คือ นายมะรอยี ราแดง อายุ 30 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา ขณะพักอยู่ที่บ้านภรรยาใน อ.ยะรัง โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายมะรอยี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นรถกระบะ 6 คัน จากวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จึงควบคุมตัวส่งศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ด้านสถานการณ์ความไม่สงบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 23 ส.ค. คนร้ายใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักระเบิด 20 กิโลกรัม ที่ประกอบใส่ถังแก๊สขนาดเล็ก วางดักไว้ริมถนนสายบ้านโสร่ง-บ้านแลแวะ หมู่ 3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง เพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยครู แต่โชคดีที่แรงระเบิดไม่ได้ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.”
พิราบข่าว
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
December 5, 2025
December 4, 2025
December 3, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
“คุมตัว “ครูใหญ่” คนใกล้ชิด “นูร์ฮาซัน” สอบเครียดโยงปล้นรถทำคาร์บอมบ์”
มีความคืบหน้าการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นชิงรถกระบะ 7 คันเพื่อนำไปทำคาร์บอมบ์ เหตุเกิดเมื่อวันพุธที่ 16 ส.ค.60 โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพุ่งเป้าไปยังคนใกล้ชิดของ นายนูร์ฮาซัน อาแว หนุ่มวัย 26 ปีที่เสียชีวิตอยู่ในรถกระบะที่ถูกปล้นคันหนึ่ง หลังถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมบริเวณใกล้ด่านเกาะหม้อแกง รอยต่อ อ.เทพา จ.สงขลา กับ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจบุคคลแวดล้อมนายนูร์ฮาซัน เพราะเมื่อตรวจสอบประวัติผู้ตายรายนี้ ไม่พบว่าเคยเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อีกทั้งเขายังเป็นคนเคร่งศาสนา ทำงานอยู่ที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาแห่งหนึ่ง แต่กลับไปร่วมในเหตุการณ์อุกอาจจนแม้แต่คนในครอบครัวก็ยังประหลาดใจ เมื่อวันพุธที่ 23 ส.ค. ซึ่งครบ 7 วันการเสียชีวิตของนายนูร์ฮาซัน ครอบครัวของเขาได้จัดพิธีทำบุญ ที่หมู่บ้านแบรอจะรัง หมู่ 2 ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้นำศาสนา เพื่อนบ้าน และประชาชนทั่วไปมาร่วมพิธีกว่า 200 คน ทั้งหมดได้ร่วมกันอ่านอัลกุรอานให้กับผู้เสียชีวิต ขณะที่ครอบครัวของนายนูร์ฮาซัน ดูคลายความเศร้าโศกลง แต่ก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่าทุกคนหนีความตายไม่พ้น จะตายเร็วหรือตายช้าเท่านั้น และไม่มีใครรู้จะตายเมื่อไหร่ ขณะเดียวกัน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และอาสารักษาดินแดน (อส.) กว่า 60 นาย กระจายกันเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดในเขต ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี ประกอบด้วย 1.หมู่ 6 บ้านจือแรบองอ 2.บ้านพักของผู้อำนวยการศูนย์ตาดีกาบ้านแบรอจะรัง และอุสตาซโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่ง 3.บ้านผู้นำศาสนา และ 4.ศูนย์ตาดีกา โดย 3 จุดหลังอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 บ้านแบรอจะรัง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกับบ้านของนายนูร์ฮาซัน โดยบุคคลทั้งหมดเป็นผู้สนิทสนมกับ นายนูร์ฮาซัน การตรวจค้นบ้านพักของครูใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของนายนูร์ฮาซันเพียง 50 เมตร และมีความสนิทสนมกับนายนูร์ฮาซัน ช่วงที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนา เจ้าหน้าที่ได้เชิญโต๊ะอีหม่ามในพื้นที่มาเป็นพยานในการเข้าตรวจค้นด้วย ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ยึดสิ่งของต่างๆ ไปตรวจสอบ เช่น ตราประทับของโรงเรียน เอกสาร คอมพิวเตอร์ และสมุดบัญชีธนาคาร พร้อมทั้งคุมตัวผู้ต้องสงสัย คือครูใหญ่ และเพื่อนบ้านรวม 4 คน ส่งเข้าศูนย์ซักถาม ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ที่เข้าตรวจค้น ไม่พบบุคคลเป้าหมายและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พล.ต.จตุพร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนว่าทำไมผู้ตายถึงไปร่วมก่อเหตุ โดยสอบถามทั้งครอบครัวและคนใกล้ชิด ทราบว่าผู้ตายเป็นคนดี เคร่งศาสนา ตั้งใจทำงาน เป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้าน คนใกล้ชิดบางคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทราบว่าสาเหตุน่าจะมีแรงจูงใจจากความเชื่อผิดๆ และถูกจ้างวานจากคนที่อยู่แวดล้อมบางคนรวมทั้งคนที่ควบคุมตัว ซึ่งเป็นครูใหญ่ มีข้อมูลว่ามีการประชุม มีการประสานงานกับผู้ตาย คาดว่าน่าจะจ้างวานไปก่อเหตุ แต่ครูใหญ่ยังให้การภาคเสธ จึงต้องใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเชิญตัวไปให้ข้อมูลข้อเท็จจริง ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็ต้องปล่อยตัวผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ยังสรุปความคืบหน้าการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ปล้นรถทำคาร์บอมบ์ว่า ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกแล้ว 4 คน ล่าสุดกลุ่มครูใหญ่และคนใกล้ชิดอีก 4 คน รวมเป็น 8 คน และยังมีการเชิญตัวโดยใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) อีก 6 คน ปล่อยตัวแล้ว 2 เหลือ 4 คน รวมเป็น 12 คน จากการซักถาม ทั้งหมดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สามารถขยายผลได้ แต่บางคนยังให้การภาคเสธ คืออ้างว่ามีส่วนรู้เห็น แต่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ ส่วน นายมะกอซี แนปิแน และ น.ส.แมะสง เจะแต สองสามีภรรยาชาว ต.ยาบี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเจ้าของรถมาสด้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียนนราธิวาส ที่ถูกกลุ่มคนร้ายปล้นขณะเดินทางไปตลาดเพื่อซื้อปลา เหตุเกิดที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อเช้ามืดของวันพุธที่ 16 ส.ค. ก่อนคนร้ายจะนำรถไปปล้นรถกระบะอีก 6 คันที่วังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จ.สงขลา แต่ไม่ทำร้ายสองสามีภรรยานั้น พล.ต.จตุพร บอกว่า เมื่อนำบุคคลทั้งสองมาสอบสวน โดยแยกสอบสวน ปรากฏว่าให้การมีพิรุธ จึงต้องควบคุมตัวเพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป “คดีนี้เริ่มมีความกระจ่างมากขึ้น ทำให้มีความมั่นใจในการติดตามกลุ่มคนร้าย โดยคนร้ายแบ่งการทำงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ปฏิบัติการปล้น กับ 2.กลุ่มที่สร้างแรงจูงใจให้ก่อเหตุ สำหรับกลุ่มที่ปฏิบัติการปล้น แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ปล้นรถกระบะมาสด้าสีบรอนซ์เทาจากสองสามีภรรยา กลุ่มที่สอง ปล้นรถที่ เต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ และกลุ่มที่สาม ประกอบระเบิด” “สามกลุ่มปฏิบัติการนี้ เราเจาะลึกไปในแต่ละกลุ่ม พบว่ากลุ่มปฏิบัติการปล้นรถ คือ กลุ่มนายมาหามะ สะอิ และพวก ส่วนกลุ่มที่ประกอบระเบิด คือ นายรอซาลี กับ บูคอลี หลำโซ๊ะ โดยได้หลักฐานจากดีเอ็นเอที่พบในรถที่ถูกปล้น และรถที่ใช้ก่อเหตุ จนสามารถออกหมายจับได้ (เป็นผู้ต้องหา 3 คนจาก 6 คนที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ อ่านประกอบ…6 คน 11 หมายจับ! ทีมปล้นรถทำคาร์บอมบ์) ขณะนี้กำลังอยุ่ระหว่างติดตามและค้นหาความจริงอว่า กลุ่มที่ประกอบระเบิดนำไปประกอบที่ไหน เคลื่อนย้ายอย่างไร เพื่อเป็นประโยชน์ในทางคดี และเป็นประโยชน์ในการที่เราจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีก” พล.ต.จตุพร ระบุ”ทีมข่าวอิศรา” รายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดสัปดาห์เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ปฏิบัติการไล่ล่ากดดันกลุ่มคนร้าย ทั้งในพื้นที่ อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพราะเชื่อว่าคนร้ายยังกบดานอยู่ในพื้นที่ โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกควบคุมตัว คือ นายมะรอยี ราแดง อายุ 30 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา ขณะพักอยู่ที่บ้านภรรยาใน อ.ยะรัง โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายมะรอยี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นรถกระบะ 6 คัน จากวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จึงควบคุมตัวส่งศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ด้านสถานการณ์ความไม่สงบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 23 ส.ค. คนร้ายใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักระเบิด 20 กิโลกรัม ที่ประกอบใส่ถังแก๊สขนาดเล็ก วางดักไว้ริมถนนสายบ้านโสร่ง-บ้านแลแวะ หมู่ 3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง เพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยครู แต่โชคดีที่แรงระเบิดไม่ได้ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.”
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธินายช่างไทยฯ ผนึกกำลังจิตอาสา กฟผ. ระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.สงขลา
December 5, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จัดการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ...
December 4, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ส่งต่อถุงยังชีพ AOT ให้ชุมชนรอบสนามบิน
December 3, 2025
โรงเรียน นานาชาติ The American School of Bangkok ...
December 3, 2025