วันที่  31 มกราคม  2560  ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ยืนยันทุกภาคส่วนเร่งเดินหน้าสร้างบ้านแก่ผู้ประสบภัยโดยกำหนด Kick off พร้อมกันทั้งจังหวัดในวันนี้ ซึ่งเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ผ่านมาส่งผลให้มีประชาชนผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนสิ่งสาธารณะประโยชน์เป็นจำนวนมากซึ่งภาคส่วนต่างๆ ในทุกระดับได้เร่งเข้าให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายและเกือบทุกพื้นที่เข้าสู่ภาวะปกติ ยกเว้นในพื้นที่ลุ่มและพื้นที่รับน้ำเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ส่วนการช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ประสบภัยบ้านเรือนพังเสียหาย จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดกิจกรรม Kick off เพื่อเร่งสร้างบ้านให้ผู้ประสบภัยที่บ้านเรือนพังเสียหาย จำนวนทั้งสิ้น 469 หลัง ในจำนวนนี้เป็นบ้านเรือนที่พังเสียหายทั้งหลัง จำนวน 99 หลัง เสียหายมาก 183 หลัง และเสียหายเล็กน้อย จำนวน 187 หลัง โดยจะ Kick off และสร้างบ้านหลังแรกแก่

นายกระจ่าง พันธุ บ้านเลขที่ 12 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าดี อำเภอลานสกา ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยที่ถูกน้ำไหลหลากบ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลัง จากนั้นจะเดินหน้าสร้างบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยให้ครบทั้ง 99 หลัง ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 30 วันต่อหลังคาเรือน มีลักษณะบ้านเป็นบ้านโปร่ง 2 ชั้น ขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 3.60 เมตร พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 52 ตารางเมตร ความสูงจากพื้นที่ชั้นล่างถึงพื้นที่ชั้นบน 2.50 เมตร มี 1 ห้องนอน 1 ห้องครัว  1 ห้องน้ำ มีระเบียงนั่งเล่นชั้นบนและพื้นที่ใช้สอยเอนกประสงค์ มีฐานรากและเสาเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ใช้งบประมาณค่าวัสดุก่อสร้างไม่เกิน 230,000 บาทต่อหลัง ส่วนการก่อสร้างจะบูรณาการกำลังพลจากทุกภาคส่วนเข้าดำเนินการ และให้ประชาชนในท้องที่เป็นฝ่ายจัดหาอาหารในลักษณะข้าวหม้อแกงหม้อ เข้าช่วยเหลือตามกำลัง

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการสร้างรายได้และอาชีพเสริมแก่ผู้ประสบภัยว่า ได้มอบนโยบายแก่ทุกส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร ให้มีการปรับเปลี่ยนการกิจกรรมที่จะมีขึ้นในแต่ละพื้นที่เพื่อให้ตอบสนองและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยให้ผู้ประสบภัยได้มีรายได้ไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน กำหนดจัดกิจกรรมเพื่อสร้างอาชีพเสริมตามความถนัด ลดความเดือดร้อนและผ่อนคลายความตึงเครียด พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการและภาคเอกชนเพื่อลดค่าครองชีพแก่ผู้ประสบภัย เพิ่มเติมจากมาตรการดูแลช่วยเหลือทางด้านการเงินการคลังของรัฐบาล และการจัดคาราวานจำหน่ายสินค้าราคาถูกพิเศษในพื้นที่ประสบภัย.