เล่าเรื่องคนเมืองเพชร” เพชรบุรียินดีต้อนรับผู้บัญชาการสถาณีตำรวจภูธรที่กับมารับรับตำแหน่งใหม่ ประชาชนเมืองเพชรต่างพากันดีใจพอได้ยินว่ามีรายชื่อใครบ้างที่กับมารับตำแหน่ง ท่าน พ.ต.อ.ศิลปชัย มีช่วย มารับตำแหน่ง ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี ฉายามือปราบหน้าหยก พ.ต.อ.บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ มารับตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี  และคงเป็นใครไม่ได้กับเจ้าของฉายาคนนี้  “ปิดคดี ตำนาน คดีดัง ” คดีอะไรจับไม่หมดสักที!!
“แก๊งคอลเซ็นเตอร์” คงรวมอยู่ในคำตอบนั้นด้วย

กลายเป็นคดีหนักใจของ พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง หรือ “พี่กุ่ย” รอง ผบก. กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี(บก.ปอศ.) แต่ก็ไม่ได้ทำให้ย่อท้อยังคงสวมบท “มือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์” อยู่ตลอดเวลา

บก.ปอศ.พยายามเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำข้อความให้นำไปติดไว้หน้าตู้เอทีเอ็ม เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ อย่างข้อความเตือนภัยที่ระบุว่า “เตือนภัย ใกล้ตัว แก๊ง Call Center อย่าเชื่ออย่ากด!! ถูกหลอกเต็มถ้ากดเอทีเอ็ม โดยรับโทรศัพท์จากคนที่ไม่รู้จัก”!!

กว่าจะมาเป็นมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น เส้นทางสีกากีของ “พี่กุ่ย” เริ่มจากโรงเรียนภูธรภาค 7 เริ่มทำงานในตำแหน่งพลสำรองพิเศษ ตำแหน่งลูกแถว ผ.3 กก.สส.ภ.1 ก่อนไต่เต้าจนเป็น “ร้อยตำรวจตรี” ปี 2529 เส้นทางการทำงานวนเวียนอยู่ใน บช.ก. จนมาขึ้นสารวัตรที่กองปราบปราม สะสมประสบการณ์จนได้ย้ายมา บก.ปอศ.ได้ 3 ปีแล้ว

เหตุที่ พ.ต.อ.กิตติ มุ่งมั่นตามล่าแก๊งเหล่านี้ เพราะเมื่อต้นปีก่อน มีข้าราชการบำนาญอายุ 70 ปี มาร้องทุกข์ถูกหลอกเอาเงินที่สะสมมาทั้งชีวิต ด้วยอาการตรอมใจมากๆ จึงรับเรื่องและสืบสวนให้ จนผ่านไป 3 วันทนายของเขาโทรศัพท์มาบอกว่าเขาตรอมใจเสียชีวิตแล้ว

“พี่ตกใจมาก จนกลายเป็นเรื่องฝังใจว่า จะต้องช่วยเขาให้ได้ และการสืบสวนเรื่องนี้ต้องใช้ความรวดเร็วกว่าอาชญากรรมทั่วไปเพราะผู้เสียหายเขาเสียหายหมดตัว”

แก๊งเหล่านี้พยายามออกอุบายใหม่ๆ มาหลอกประชาชน พ.ต.อ.กิตติ มักกำชับลูกน้องเสมอว่า เมื่อผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ต้องพูดจาดีๆ กับเขา ห้ามพูดว่าข่าวออกเยอะแยะไม่ได้ดูข่าวหรือยังไง แต่ต้องรีบให้ความช่วยเหลือเขา

ช่วงที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาด พ.ต.อ.กิตติ ก็ยังตกเป็นเหยื่อ ถูกแอบอ้างชื่อไปหลอกลวงประชาชน จนมีคนโทรศัพท์เข้ามาด่ากันเพียบ (ฮา) ต้องอธิบายกันยืดยาวว่า คุณถูกหลอกแล้ว เพราะเบอร์ที่โทรมามีเครื่องหมายบวกนำหน้า จะเป็นเบอร์ที่โทรมาจากต่างประเทศ ให้รีบไปอายัดบัตรเอทีเอ็ม แต่กว่าจะอธิบายจนเข้าใจได้ก็โดนด่าหูชาไปเหมือนกัน

“แก๊งคอลเซ็นเตอร์เคยอ้างชื่อพี่แล้ว โทรไปหาอดีตรักษาการ ผบ.ตร.ท่านหนึ่งว่า “ผมจะให้ พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง

สุดท้ายนี้ก็อยากฝากเตือนประชาชนว่า อย่าให้ไปหลงเชื่อ หรือหากหลงเชื่อไปแล้ว ขอให้มาแจ้งความ เรายินดีช่วยเหลือเพราะอยากทำให้พวกนี้หมดไป!
20 มกราคม 2015 เวลา 18:01 น. ·

เขี้ยวเล็บ “รองกุ่ย” พ.ต.อ กิตติ สะเภาทอง  (มี GLOCK 26 เจอกันตัวๆไม่ต้องไปหนี)  ถ้าถามถึงตำรวจเมืองเพชร คนไหนบ้างที่ดัง ๆ ลุย ๆ บวกระห่ำๆ แล้ว เชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ “รองกุ่ย” พ.ต.อ กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก. ปอศ. รวมอยู่ด้วย

ลูกบู๊ลูกบ้าคบเครื่อง แต่เมื่อถามถึงเรื่องปืนคู่ใจ กลับอิดออดให้ตามง้อกว่าจะบอกได้ รองกุ่ยบอก แรกๆเริ่มเป็น ตร.

ใช้ COLT.11 มม. ที่ใช้เพราะนอกจากจะเป็นปืน US แล้ว ยังเห็นมือปราบรุ่นพี่ๆพวกชั้นประทวนเก่าๆแถวอยุธยาใช้กัน

ประสบการณ์ที่ต้องหามาใช้ เพราะหลังจากจบ ร.ร พลตำรวจภูธรภาค7 ปี 23 มาเป็นพลตำรวจลูกแถว ผ.3 บก.ภ.1

อยู่ชุดเฉพาะกิจของ พล.ต.ต ประจันต์ พราหมณ์พันธุ์ อดีต ผบก.ภ เขต1 หรือ ภาค 1 ในปัจจุบัน

ตามรุ่นพี่ไปจับแก๊งเรียกค่าไถ่ที่ออกอาละวาดแถว จ.ลพบุรี ระหว่างเข้าจับกุม คนร้ายอยู่บนรถเมล์ ใช้ปืนยิงสวนต่อสู้ขัดขวาง ดาบฯ ปรีชา ตร. รุ่นพี่ ใช้ COLT.11 ซัดกลับไปโป้งเดียวเข้าชายโครงหงายท้องนิ่ง เลยชอบมาตั้งแต่สมัยนั้น เพราะเห็นกับตาว่าแรงปะทะดี คนร้ายหยุดทันตา จากนั้นซื้อ COLT.11 มม. Mk iv มาใช้  ธรรมชาติปืนยี่ห้อนี้ สมบุกสมบัน เล็ก กระชับ ยิ่งเก่ายิ่งแพง

ช่วงเป็นรองสารวัตร อยู่ที่กองปราบฯ ได้เพิ่มมาอีก 1กระบอก เป็นขนาด 11มม. เหมือนเดิม ยี่ห้อ พาราออดเเนนซ์  ลูกดก 13นัด แมกกาซีนแบบ 2แถว
เจ้าของเดิมคือ พล.ต.ท จักรทิพย์ ชัยจินดา ผช.ผบ.ตร เจ้านายเก่าสมัยที่ยังเป็น สว.ผ2 กก.1 บก.ป มอบให้

อย่างไรก้อตาม เวลาไปจับโจร หรือได้รั้บมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เข้าชาร์จจับกุม จะใช้ปืนเอ็ม 16 เป็นหลัก
อย่างเหตุวิสามัญแก๊งค้ายาบ้า 5ศพที่อุทัยธานี จะใช้ปืน เอ็ม16 ของหลวง เป้นอาวุธคู่มือ เพราะศักยภาพจะดีกว่าปืนสั้น

เมื่อชีวิตราชการเติบโตขึ้นเรื่อยๆก้อเปลี่ยนมาใช้ปืนเล็กลงมาหน่อย โดยศึกษาหาข้อมูลจนมาลงตัวที่ GLOCK 26 ขนาด 9มม. เพราะนอกจากเบาแล้ว ยังเล็ก กระทัดรัด ไม่มีขัดลำ แมกกาซีนบรรจุลูกได้มาก 10+1

มีแมกกาซีนไว้ใช้ 2อัน เจอคนร้ายตัวๆมีกระบอกนี้ ไม่ต้องหนี แต่กระสุนจะใช้ลูก 9 แบบ ซิลเวอร์ทิป หรือหัวรู เพราะปกติแล้ว

กระสุนธรรมดา จะคม แต่พอเป็นหัวรูแล้ว ยิงแล้วแตกกระจาย แรงปะทะสูง หยุดยั้งดีกว่า ทำให้มั่นใจขึ้น
เขี้ยวเล็บมือปราบ คดีอะไรจับไม่หมดสักที!!

“แก๊งคอลเซ็นเตอร์” คงรวมอยู่ในคำตอบนั้นด้วย
กลายเป็นคดีหนักใจของ พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง หรือ “พี่กุ่ย” รอง ผบก. กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี(บก.ปอศ.) แต่ก็ไม่ได้ทำให้ย่อท้อยังคงสวมบท “มือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์” อยู่ตลอดเวลา
บก.ปอศ.พยายามเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำข้อความให้นำไปติดไว้หน้าตู้เอทีเอ็ม เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ อย่างข้อความเตือนภัยที่ระบุว่า “เตือนภัย ใกล้ตัว แก๊ง Call Center อย่าเชื่ออย่ากด!! ถูกหลอกเต็มถ้ากดเอทีเอ็ม โดยรับโทรศัพท์จากคนที่ไม่รู้จัก”!!
กว่าจะมาเป็นมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น เส้นทางสีกากีของ “พี่กุ่ย” เริ่มจากโรงเรียนภูธรภาค 7 เริ่มทำงานในตำแหน่งพลสำรองพิเศษ ตำแหน่งลูกแถว ผ.3 กก.สส.ภ.1 ก่อนไต่เต้าจนเป็น “ร้อยตำรวจตรี” ปี 2529 เส้นทางการทำงานวนเวียนอยู่ใน บช.ก. จนมาขึ้นสารวัตรที่กองปราบปราม สะสมประสบการณ์จนได้ย้ายมา บก.ปอศ.ได้ 3 ปีแล้ว

เหตุที่ พ.ต.อ.กิตติ มุ่งมั่นตามล่าแก๊งเหล่านี้ เพราะเมื่อต้นปีก่อน มีข้าราชการบำนาญอายุ 70 ปี มาร้องทุกข์ถูกหลอกเอาเงินที่สะสมมาทั้งชีวิต ด้วยอาการตรอมใจมากๆ จึงรับเรื่องและสืบสวนให้ จนผ่านไป 3 วันทนายของเขาโทรศัพท์มาบอกว่าเขาตรอมใจเสียชีวิตแล้ว

“พี่ตกใจมาก จนกลายเป็นเรื่องฝังใจว่า จะต้องช่วยเขาให้ได้ และการสืบสวนเรื่องนี้ต้องใช้ความรวดเร็วกว่าอาชญากรรมทั่วไปเพราะผู้เสียหายเขาเสียหายหมดตัว”

แก๊งเหล่านี้พยายามออกอุบายใหม่ๆ มาหลอกประชาชน พ.ต.อ.กิตติ มักกำชับลูกน้องเสมอว่า เมื่อผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ต้องพูดจาดีๆ กับเขา ห้ามพูดว่าข่าวออกเยอะแยะไม่ได้ดูข่าวหรือยังไง แต่ต้องรีบให้ความช่วยเหลือเขา

ช่วงที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาด พ.ต.อ.กิตติ ก็ยังตกเป็นเหยื่อ ถูกแอบอ้างชื่อไปหลอกลวงประชาชน จนมีคนโทรศัพท์เข้ามาด่ากันเพียบ (ฮา) ต้องอธิบายกันยืดยาวว่า คุณถูกหลอกแล้ว เพราะเบอร์ที่โทรมามีเครื่องหมายบวกนำหน้า จะเป็นเบอร์ที่โทรมาจากต่างประเทศ ให้รีบไปอายัดบัตรเอทีเอ็ม แต่กว่าจะอธิบายจนเข้าใจได้ก็โดนด่าหูชาไปเหมือนกัน

“แก๊งคอลเซ็นเตอร์เคยอ้างชื่อพี่แล้ว โทรไปหาอดีตรักษาการ ผบ.ตร.ท่านหนึ่งว่า “ผมจะให้ พ.ต.อ.กิตติ ไปจัดการกับคุณ” จนนายตำรวจท่านนั้นต้องบอกว่าผมก็เป็นตำรวจเหมือนกัน แต่พวกแก๊งนี้ไม่รู้จักเพราะไม่มีในสคริปต์ เคยจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์พวกนี้ได้ ก็ถามว่า “รู้ไหมว่าผมเป็นใคร” ผู้ต้องหารีบตอบทันใด อ๋อ พ.ต.อ.กิตติ คนนี้มีอยู่ในสคริปต์ จำได้ๆ (ฮา)”

สุดท้ายนี้ก็อยากฝากเตือนประชาชนว่า อย่าให้ไปหลงเชื่อ หรือหากหลงเชื่อไปแล้ว ขอให้มาแจ้งความ เรายินดีช่วยเหลือเพราะอยากทำให้พวกนี้หมดไป!!

มณฑิตา ประธานศูนย์ข่าวและทีมข่าวขอแสดงความยินดีกับท่านนะค่ะ.

เว็บไซต์  Bankaonews.com