วันที่ 26 ส.ค 63 เวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รองผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจติดตามการเตรียมความพร้อมด้านสรรพกำลังและทรัพยากรเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย พร้อมรับชมการฝึกซ้อมเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบในการรับสถานการณ์อุทกภัย
นายนิพนธ์ กล่าว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อม รับมือ ป้องกัน เผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพก่อนที่จะถึงช่วงฤดูมรสุม กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ได้บูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนธิกำลังด้านหน่วยปฏิบัติการและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยในพื้นที่ เพื่อให้มีความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการเตรียมพร้อมด้านกำลังคน เครื่องมือเครื่องจักรกล แผนปฏิบัติการ รวมถึงระบบการสื่อสาร ให้สามารถรองรับและจัดการสถานการณ์ภัยต่างๆ ทั้งก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และวางแผนการฟื้นฟู ดังนั้นการเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้การปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ มีประสิทธิภาพ สามารถลดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างทันท่วงที
“ ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการแจ้งเตือนภัยที่เป็นระบบ รวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนได้ตรงจุด สร้างเครือข่ายภาคประชาสังคม อาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัยในพื้นที่ เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีบทเรียนในการเกิดอุทกภัยบ่อยครั้งเช่น ผลกระทบจากพายุโพดุล ก่อให้เกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาจัดการในภาวะฉุกเฉินตามแผนที่กำหนด จัดสรรพกำลังร่วมกับทุกหน่วยงาน ซักซ้อมแผนให้พร้อมดูแลประชาชนและสามารถบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อีกประการสำคัญ คือ เรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วยเช่นเดียวกัน เพราะต้นทุนน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆของประเทศไทยได้มาจากน้ำฝน โดยเมื่อตกลงมาแล้วจะนำน้ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนได้อย่างไร ซึ่งได้ย้ำอยู่เสมอว่า ต้องสร้างที่ให้น้ำอยู่ ทำทางให้น้ำไหล จึงเป็นแนวคิดที่ทุกฝ่ายต้องบูรณาการให้เกิดขึ้นต่อไป” นายนิพนธ์ กล่าว.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 24, 2024
November 21, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
นิพนธ์ กำชับ ภาคกลางเตรียมความพร้อมรับมือฤดูมรสุม เน้นย้ำ การบริหารจัดการ”สร้างที่ให้น้ำอยู่ ทำทางให้น้ำไหล” ลดความเสี่ยง น้ำท่วม-น้ำแล้ง
วันที่ 26 ส.ค 63 เวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รองผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจติดตามการเตรียมความพร้อมด้านสรรพกำลังและทรัพยากรเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย พร้อมรับชมการฝึกซ้อมเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบในการรับสถานการณ์อุทกภัย
นายนิพนธ์ กล่าว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อม รับมือ ป้องกัน เผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพก่อนที่จะถึงช่วงฤดูมรสุม กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ได้บูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนธิกำลังด้านหน่วยปฏิบัติการและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยในพื้นที่ เพื่อให้มีความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการเตรียมพร้อมด้านกำลังคน เครื่องมือเครื่องจักรกล แผนปฏิบัติการ รวมถึงระบบการสื่อสาร ให้สามารถรองรับและจัดการสถานการณ์ภัยต่างๆ ทั้งก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และวางแผนการฟื้นฟู ดังนั้นการเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้การปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ มีประสิทธิภาพ สามารถลดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างทันท่วงที
“ ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการแจ้งเตือนภัยที่เป็นระบบ รวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนได้ตรงจุด สร้างเครือข่ายภาคประชาสังคม อาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัยในพื้นที่ เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีบทเรียนในการเกิดอุทกภัยบ่อยครั้งเช่น ผลกระทบจากพายุโพดุล ก่อให้เกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเตรียมความพร้อมจึงถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาจัดการในภาวะฉุกเฉินตามแผนที่กำหนด จัดสรรพกำลังร่วมกับทุกหน่วยงาน ซักซ้อมแผนให้พร้อมดูแลประชาชนและสามารถบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อีกประการสำคัญ คือ เรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วยเช่นเดียวกัน เพราะต้นทุนน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆของประเทศไทยได้มาจากน้ำฝน โดยเมื่อตกลงมาแล้วจะนำน้ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนได้อย่างไร ซึ่งได้ย้ำอยู่เสมอว่า ต้องสร้างที่ให้น้ำอยู่ ทำทางให้น้ำไหล จึงเป็นแนวคิดที่ทุกฝ่ายต้องบูรณาการให้เกิดขึ้นต่อไป” นายนิพนธ์ กล่าว.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาคที่ 2 ช่วยเหลือเหตุเรืออับปางในทะเล บริเวณทางทิศตะวันออกของร่องน้ำสงขลา
November 24, 2024
JUBILEE DIAMOND ฉลองครบรอบ 95 ปี เปิดบ้าน THE ...
November 24, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024