เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 26 ส.ค.63 ที่รัฐสภาเกียกกาย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาของนายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ถึงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะในภาพรวมทั้งประเทศและในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีนโยบายในการเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่ประชาชนอย่างไร
นายนิพนธ์ ชี้แจงว่า กระทรวงมหาดไทยได้มอบให้กรมที่ดินดำเนินการในการรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เพื่อแสดงขอบเขตของที่ดินสาธารณประโยชน์ให้ชัดเจน ปัจจุบันได้ดำเนินการออก นสล. ไปแล้ว จำนวน 127,495 แปลง เนื้อที่ประมาณ 5,990,623 ไร่ คงเหลือที่ยังมิได้รังวัดออกนสล.อีกจำนวน 3,652 แปลง เนื้อที่ประมาณ 2,045,252 ไร่ และจะได้เร่งรัดดำเนินการให้มีการรังวัดออก นสล. ให้ครบทุกพื้นที่และในปีงบประมาณ 2564 มีเป้าหมายในการดำเนินการอีกปีละ 700-800 แปลงในส่วนของกรมที่ดิน โดยการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างอำเภอ องค์การปกครองส่วนท้องที่ และสำนักงานที่ดินท้องที่ในการดำเนินการ เพื่อตรวจสอบหาแนวทางที่ชัดเจน
ส่วนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ดินสาธารณะประโยชน์ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันที่ได้ออกหนังสือสำคัญที่หลวงไปแล้วจำนวน 740 แปลง มีเนื้อที่ประมาณ 88,000 ไร่ที่ยังไม่ได้ออกหนังสือสำคัญที่หลวงจำนวน 134 แปลง ซึ่งกรมที่ดินได้พยายามเร่งรัดในการดำเนินการออกหนังสือสำคัญที่หลวง(นสล.)ต่อไป โดยที่ผ่านมาจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้กำหนดพื้นที่ไปแล้ว 3 พื้นที่จำนวน 559 แปลง และส่วนในปี 2564 ได้เสนอโครงการแปลง”ป่าเขาหน้าแดง” ได้รับการสนับสนุนจากกรมที่ดินในการดำเนินโครงการ ซึ่งหากพิจารณางบประมาณปี 2564 ผ่าน กรมที่ดินจะดำเนินตามขั้นตอนต่อไป ส่วนปัญหาในการเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิเพื่อให้ประชาชนที่ได้ถือครองที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับการที่ประชาชนยื่นขอออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค.1 ตั้งปี 2553 มีที่ดินที่ตกค้างยังไม่สามารถออกโฉนดได้ เบื้องต้นได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด 1,725 แปลง อยู่ระหว่างดำเนินการและตรวจสอบแนวเขตที่ถูกต้องจำนวน 1,533 แปลง
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณะ กระทรวงมหาดไทยได้ให้จังหวัดได้คัดเลือกที่ดินที่มีผู้บุกรุกและเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ ดำเนินการจัดระเบียบการถือของที่ดินตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) โดยจะออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐในรูปแบบชุมชน เช่น สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร โดยให้อำเภอร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำโครงการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีการบุกรุกเพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทเพื่อร่วมกันบริหารจัดการที่ดินสาธารณประโยชน์ ส่วนกรณีที่ไม่มีผู้บุกรุกให้อำเภอร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำป้ายชื่อขอบเขตให้ชัดเจนโดยให้ประชาชนในนั้นที่มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาด้วย รวมทั้งมีการส่งเสริมในด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ถนน สระน้ำ การประกอบอาชีพ การตลาด อันเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมด้วย
จากนั้น นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.กระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมาย ให้ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงความเสียหายจากผลกระทบ“พายุฮีโกส” สร้างความเสียหายหนัก ภาครัฐจะช่วยเหลือเยียวยาและมีแผนพื้นฟูอย่างไร นายนิพนธ์ ชี้แจงว่า ตนได้ลงพื้นที่และได้เห็นความเดือนร้อนของประชาชน โดยกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)เป็นผู้ประสานดำเนินการ ก่อนเกิดภัย การลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยเป็นการดำเนินการป้องกัน การลด ผลกระทบ และการเตรียมความพร้อมขณะเกิดภัย การจัดการในภาวะฉุกเฉินโดยยึดหลักให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างรวดเร็วทั่วถึง และหลังเกิดภัยเป็นดำเนินงานภายหลังจากที่ภาวะฉุกเฉินบรรเทาลงหรือได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยยืดหลักการฟื้นฟูที่ดีกว่าเดิมทั้งสภาพแวดล้อมและสภาพจิตใจ ทั้งนี้ได้ย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัยของชีวิตเป็นอันดับแรก โดยให้ถอดบทเรียนจากพายุ“โพดุล”
นอกจากนี้การใช้จ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยนั้นมีในแผนอยู่แล้วเช่นเดียวกับทุกครั้ง ตามระเบียบกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลางว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกำหนดให้มีวงเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำรวจและให้ความช่วยเหลือในทุกมิติ เช่น การครองชีพพื้นฐาน ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร เครื่องมือทำมาหากิน ทั้งนี้ยังได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายสำหรับกรณีที่ต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์ หรือยานพาหนะพิเศษ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการช่วยเหลือด้านต่างๆ รวมถึงความจำเป็นในการจัดส่งเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่ที่น้ำท่วม ซึ่งรัฐบาลดูแลประชาชนผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ก่อนเกิดภัย ระหว่างเกิดภัย และหลังเกิดภัย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
December 5, 2025
December 4, 2025
December 3, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
นิพนธ์ แจงสภา ย้ำ แนวทางให้ความช่วยเหลือปชช.ในเรื่องที่ดินทำกิน และ การเร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ฯ สู่ เป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมทางสังคม
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 26 ส.ค.63 ที่รัฐสภาเกียกกาย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาของนายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ถึงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะในภาพรวมทั้งประเทศและในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีนโยบายในการเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่ประชาชนอย่างไร
นายนิพนธ์ ชี้แจงว่า กระทรวงมหาดไทยได้มอบให้กรมที่ดินดำเนินการในการรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เพื่อแสดงขอบเขตของที่ดินสาธารณประโยชน์ให้ชัดเจน ปัจจุบันได้ดำเนินการออก นสล. ไปแล้ว จำนวน 127,495 แปลง เนื้อที่ประมาณ 5,990,623 ไร่ คงเหลือที่ยังมิได้รังวัดออกนสล.อีกจำนวน 3,652 แปลง เนื้อที่ประมาณ 2,045,252 ไร่ และจะได้เร่งรัดดำเนินการให้มีการรังวัดออก นสล. ให้ครบทุกพื้นที่และในปีงบประมาณ 2564 มีเป้าหมายในการดำเนินการอีกปีละ 700-800 แปลงในส่วนของกรมที่ดิน โดยการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างอำเภอ องค์การปกครองส่วนท้องที่ และสำนักงานที่ดินท้องที่ในการดำเนินการ เพื่อตรวจสอบหาแนวทางที่ชัดเจน
ส่วนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ดินสาธารณะประโยชน์ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันที่ได้ออกหนังสือสำคัญที่หลวงไปแล้วจำนวน 740 แปลง มีเนื้อที่ประมาณ 88,000 ไร่ที่ยังไม่ได้ออกหนังสือสำคัญที่หลวงจำนวน 134 แปลง ซึ่งกรมที่ดินได้พยายามเร่งรัดในการดำเนินการออกหนังสือสำคัญที่หลวง(นสล.)ต่อไป โดยที่ผ่านมาจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้กำหนดพื้นที่ไปแล้ว 3 พื้นที่จำนวน 559 แปลง และส่วนในปี 2564 ได้เสนอโครงการแปลง”ป่าเขาหน้าแดง” ได้รับการสนับสนุนจากกรมที่ดินในการดำเนินโครงการ ซึ่งหากพิจารณางบประมาณปี 2564 ผ่าน กรมที่ดินจะดำเนินตามขั้นตอนต่อไป ส่วนปัญหาในการเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิเพื่อให้ประชาชนที่ได้ถือครองที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับการที่ประชาชนยื่นขอออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค.1 ตั้งปี 2553 มีที่ดินที่ตกค้างยังไม่สามารถออกโฉนดได้ เบื้องต้นได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด 1,725 แปลง อยู่ระหว่างดำเนินการและตรวจสอบแนวเขตที่ถูกต้องจำนวน 1,533 แปลง
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณะ กระทรวงมหาดไทยได้ให้จังหวัดได้คัดเลือกที่ดินที่มีผู้บุกรุกและเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ ดำเนินการจัดระเบียบการถือของที่ดินตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) โดยจะออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐในรูปแบบชุมชน เช่น สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร โดยให้อำเภอร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำโครงการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีการบุกรุกเพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทเพื่อร่วมกันบริหารจัดการที่ดินสาธารณประโยชน์ ส่วนกรณีที่ไม่มีผู้บุกรุกให้อำเภอร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำป้ายชื่อขอบเขตให้ชัดเจนโดยให้ประชาชนในนั้นที่มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาด้วย รวมทั้งมีการส่งเสริมในด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ถนน สระน้ำ การประกอบอาชีพ การตลาด อันเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมด้วย
จากนั้น นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.กระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมาย ให้ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงความเสียหายจากผลกระทบ“พายุฮีโกส” สร้างความเสียหายหนัก ภาครัฐจะช่วยเหลือเยียวยาและมีแผนพื้นฟูอย่างไร นายนิพนธ์ ชี้แจงว่า ตนได้ลงพื้นที่และได้เห็นความเดือนร้อนของประชาชน โดยกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)เป็นผู้ประสานดำเนินการ ก่อนเกิดภัย การลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยเป็นการดำเนินการป้องกัน การลด
ผลกระทบ และการเตรียมความพร้อมขณะเกิดภัย การจัดการในภาวะฉุกเฉินโดยยึดหลักให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างรวดเร็วทั่วถึง และหลังเกิดภัยเป็นดำเนินงานภายหลังจากที่ภาวะฉุกเฉินบรรเทาลงหรือได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยยืดหลักการฟื้นฟูที่ดีกว่าเดิมทั้งสภาพแวดล้อมและสภาพจิตใจ ทั้งนี้ได้ย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัยของชีวิตเป็นอันดับแรก โดยให้ถอดบทเรียนจากพายุ“โพดุล”
นอกจากนี้การใช้จ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยนั้นมีในแผนอยู่แล้วเช่นเดียวกับทุกครั้ง ตามระเบียบกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลางว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกำหนดให้มีวงเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำรวจและให้ความช่วยเหลือในทุกมิติ เช่น การครองชีพพื้นฐาน ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร เครื่องมือทำมาหากิน ทั้งนี้ยังได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายสำหรับกรณีที่ต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์ หรือยานพาหนะพิเศษ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการช่วยเหลือด้านต่างๆ รวมถึงความจำเป็นในการจัดส่งเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่ที่น้ำท่วม ซึ่งรัฐบาลดูแลประชาชนผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ก่อนเกิดภัย ระหว่างเกิดภัย และหลังเกิดภัย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธินายช่างไทยฯ ผนึกกำลังจิตอาสา กฟผ. ระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.สงขลา
December 5, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จัดการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ...
December 4, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ส่งต่อถุงยังชีพ AOT ให้ชุมชนรอบสนามบิน
December 3, 2025
โรงเรียน นานาชาติ The American School of Bangkok ...
December 3, 2025