ประธานหลักสูตรสาธารณสุขฯ มรภ.สงขลา ให้ความรู้รองรับสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 เผยเหตุผลสำคัญทำไมต้องใช้แอลกอฮอล์ (alcohol) 70% ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค
ดร.วรพล หนูนุ่น ประธานหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยถึงเหตุผลที่ต้องใช้แอลกอฮอล์ (alcohol) 70% ในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ว่า แอลกอฮอล์จะช่วยให้เกิดการขับน้ำออกจากเซลล์ของเชื้อโรค (dehydrate) หรือการทำให้แห้ง โดยไปรบกวนเยื่อหุ้มเซลล์ด้วยการละลายไขมันที่อยู่ในเยื่อหุ้มเซลล์ และทำให้โปรตีนตกตะกอน ในที่สุดเชื้อโรคก็ตาย (และแน่นอนผิวหนังเราก็จะรู้สึกแห้ง หยาบ ด้าน ด้วยเมื่อใช้ไปสักระยะ) การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือหมดอายุ นอกจากจะป้องกันไม่ได้แล้วยังอันตรายซ้ำเข้าไปอีก ตรงที่เราหลงคิดว่าป้องกันได้แล้ว จึงทำอะไรลงไปโดยไม่ได้ป้องกัน การแพร่ระบาดก็จะดำเนินต่อไปไม่ยุติ ความเสียหายก็จะบังเกิดตามมาเป็นลูกโซ่ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม
ดร.วรพล กล่าวว่า แอลกอฮอล์สามารถเป็นได้ทั้ง disinfectant (กำจัดเชื้อจุลินทรีย์บนพื้นผิวสิ่งของต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต) และ antiseptic (ใช้กำจัดเชื้อจุลินทรีย์บนผิวหรือเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต) เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อจุลินทรีย์ ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนแต่ติดไฟได้ ระเหยได้ง่ายเมื่อละลายกับน้ำจะสามารถแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ดีขึ้น จึงทำให้โปรตีนเสียสภาพ และยังทำให้เยื่อหุ้มเซลล์แตกและเข้าไปรบกวนระบบ metabolism ของเชื้อโรค แต่ถ้าเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 100% จะทำให้โปรตีนด้านนอกของเยื่อหุ้มเซลล์เสียสภาพได้อย่างเดียว ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์สูงเกินไปก็จะระเหยเร็วเกินไป ในขณะที่เจือจางก็จะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้น้อยลง
ดังนั้น ในทางปฏิบัติแล้ว แอลกอฮอล์ต้อง 70% หรือตามคำแนะนำของกลุ่มพัฒนาระบบวัตถุอันตราย สำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข คือ ความเข้มข้นปกติที่นิยมใช้กันจะอยู่ในช่วง 60-90% (ถ้าความเข้มข้นมากกว่านี้จะไม่สามารถเข้าเซลล์ได้) เช่น แอลกอฮอล์ผสมความเข้มข้นสูงของ 80% ethanol ร่วมกับ 5% isopropanol จะสามารถยับยั้งไวรัสที่มีเยื่อหุ้มเป็นลิปิดได้ด้วย (HIV ไวรัสตับอักเสบ B และ C) ส่วนการ disinfect บนพื้นผิวเปียกจะต้องใช้ความเข้มข้นมากขึ้น
นอกจากนั้น ประสิทธิภาพของแอลกอฮอล์จะเพิ่มขึ้นได้อีกเมื่อผสม wetting agent เช่น dodecanoate (coconut soap) เช่น ของผสม 29.4% ethanol กับ dodecanoate จะออกฤทธิ์ได้ดีกับทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส จึงมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค เพื่อป้องตนเองจากการแพร่ระบาดของ COVID-19.
ภาพ/ข่าว มรภ.สงขลา
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 21, 2025
November 19, 2025
November 18, 2025
November 17, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
นักวิชาการสาธารณสุขฯ มรภ.สงขลา เผยเหตุผลสำคัญ ทำไมต้องใช้แอลกอฮอล์ 70% ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ COVID-19
ประธานหลักสูตรสาธารณสุขฯ มรภ.สงขลา ให้ความรู้รองรับสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 เผยเหตุผลสำคัญทำไมต้องใช้แอลกอฮอล์ (alcohol) 70% ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค
ดร.วรพล หนูนุ่น ประธานหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยถึงเหตุผลที่ต้องใช้แอลกอฮอล์ (alcohol) 70% ในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ว่า แอลกอฮอล์จะช่วยให้เกิดการขับน้ำออกจากเซลล์ของเชื้อโรค (dehydrate) หรือการทำให้แห้ง โดยไปรบกวนเยื่อหุ้มเซลล์ด้วยการละลายไขมันที่อยู่ในเยื่อหุ้มเซลล์ และทำให้โปรตีนตกตะกอน ในที่สุดเชื้อโรคก็ตาย (และแน่นอนผิวหนังเราก็จะรู้สึกแห้ง หยาบ ด้าน ด้วยเมื่อใช้ไปสักระยะ) การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือหมดอายุ นอกจากจะป้องกันไม่ได้แล้วยังอันตรายซ้ำเข้าไปอีก ตรงที่เราหลงคิดว่าป้องกันได้แล้ว จึงทำอะไรลงไปโดยไม่ได้ป้องกัน การแพร่ระบาดก็จะดำเนินต่อไปไม่ยุติ ความเสียหายก็จะบังเกิดตามมาเป็นลูกโซ่ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม
ดร.วรพล กล่าวว่า แอลกอฮอล์สามารถเป็นได้ทั้ง disinfectant (กำจัดเชื้อจุลินทรีย์บนพื้นผิวสิ่งของต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต) และ antiseptic (ใช้กำจัดเชื้อจุลินทรีย์บนผิวหรือเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต) เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อจุลินทรีย์ ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนแต่ติดไฟได้ ระเหยได้ง่ายเมื่อละลายกับน้ำจะสามารถแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ดีขึ้น จึงทำให้โปรตีนเสียสภาพ และยังทำให้เยื่อหุ้มเซลล์แตกและเข้าไปรบกวนระบบ metabolism ของเชื้อโรค แต่ถ้าเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 100% จะทำให้โปรตีนด้านนอกของเยื่อหุ้มเซลล์เสียสภาพได้อย่างเดียว ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์สูงเกินไปก็จะระเหยเร็วเกินไป ในขณะที่เจือจางก็จะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้น้อยลง
ดังนั้น ในทางปฏิบัติแล้ว แอลกอฮอล์ต้อง 70% หรือตามคำแนะนำของกลุ่มพัฒนาระบบวัตถุอันตราย สำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข คือ ความเข้มข้นปกติที่นิยมใช้กันจะอยู่ในช่วง 60-90% (ถ้าความเข้มข้นมากกว่านี้จะไม่สามารถเข้าเซลล์ได้) เช่น แอลกอฮอล์ผสมความเข้มข้นสูงของ 80% ethanol ร่วมกับ 5% isopropanol จะสามารถยับยั้งไวรัสที่มีเยื่อหุ้มเป็นลิปิดได้ด้วย (HIV ไวรัสตับอักเสบ B และ C) ส่วนการ disinfect บนพื้นผิวเปียกจะต้องใช้ความเข้มข้นมากขึ้น
นอกจากนั้น ประสิทธิภาพของแอลกอฮอล์จะเพิ่มขึ้นได้อีกเมื่อผสม wetting agent เช่น dodecanoate (coconut soap) เช่น ของผสม 29.4% ethanol กับ dodecanoate จะออกฤทธิ์ได้ดีกับทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส จึงมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค เพื่อป้องตนเองจากการแพร่ระบาดของ COVID-19.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ม.ทักษิณ เปิดสนามประลองไอเดียธุรกิจ TSU Premier Pitch 2025 ดันนิสิตสู่ธุรกิจสตาร์ทอัพ
November 21, 2025
มรภ.สงขลา เยือน มรภ.วไลยอลงกรณ์ฯ จัดอบรมใช้งานระบบ “Big Data” ครั้งที่ ...
November 19, 2025
สกสว. จัดงาน Thailand Talent Summit 2025 รวมพลนักวิจัยไทยกว่า ...
November 18, 2025
มรภ.สงขลา มอบประกาศนียบัตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ หลักสูตรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนดิจิทัลฯ ยกระดับขีดความสามารถบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาผู้เรียนอย่างยั่งยืน
November 17, 2025