สมาคมกีฬาจักรยานฯ เปิดเส้นทางศึกสองล้อทางไกลนานาชาติ ชิงถ้วยพระราชทานฯ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ในปีหน้า ปั่นลงภาคใต้เลาะริมชายทะเลฝั่งอ่าวไทย “สมุทรสงคราม-เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง-สุราษฎร์ธานี” เน้นเที่ยวเมืองรองตามนโนยบายรัฐบาล และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย “เสธ.หมึก” เผยทีมต่างชาติสนใจสมัครร่วมการแข่งขันกันล้นหลาม แต่คงรับได้ในจำนวนจำกัด ยืนยันจะเชิญทีมอาชีพระดับ “เวิลด์ทีม” มาชิงชัยทั้งประเภททีมชายและทีมหญิง ประเภทละ 1 ทีมเป็นอย่างน้อย ด้าน “ไทยพีบีเอส” ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ และ ยูทูป ไปทั่วโลกตลอดการแข่งขัน

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้จัดการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “The Princess Maha Chakri Sirindhorn’s Cup Tour of Thailand” หรือ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์” ต่อเนื่องกันมา 20 ปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 2 เมษายน โดยจัดการแข่งขันขึ้นระหว่างวันที่ 1-10 เมษายน ของทุกปี สำรับการแข่งขันปี 2563 จะแข่งขันระหว่างวันที่ 1-10 เมษายน เช่นเดิม เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ท่าน เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 65 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2563

พลเอกเดชา กล่าวว่า ส่วนเส้นทางแข่งขันจะเน้นผ่านเมืองรอง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ตามนโยบายรัฐบาล และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยได้กำหนดเส้นทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นเส้นทางที่ลงไปภาคใต้เลาะริมชายทะเลฝั่งอ่าวไทย ประเภททีมชายจะเริ่มต้นจาก จ.สมุทรสงคราม ต่อไปยัง จ.เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร แล้วโยกไป จ.ระนอง ก่อนวกกลับมาเข้า จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนทีมหญิงก็ใช้เส้นทางภายใน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งแต่ละจังหวัดแม้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยอยู่เช่นกัน ตนมั่นใจว่าการแข่งขันครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเมืองไทยได้เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญที่สุดเราจะเน้นใช้เส้นทางรอง หลีกเลี่ยงเส้นทางหลัก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนมากนัก

“เสธ.หมึก” กล่าวอีกว่า การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ในปีหน้า ได้รับความสนใจจากทีมต่างประเทศเป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ามีการจัดการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม มีการต้อนรับที่อบอุ่น สร้างความประทับใจให้แก่นักกีฬาทุกทีม บางทีมก็เคยมาแล้วและติดใจประเทศไทย เราจะเป็นรองการแข่งขันนานาชาติรายการต่าง ๆ แค่จำนวนเงินรางวัลน้อยกว่าเท่านั้น ส่วนด้านอื่น ๆ รับประกันว่า “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์” ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน ล่าสุด มีทีมต่างชาติทั้งระดับอาชีพ และระดับทีมชาติ ติดต่อสมัครเข้าแข่งขันเป็นจำนวนมาก แต่เราคงไม่สามารถรับได้ทั้งหมด ต้องจำกัดจำนวนทีม เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาเรื่องการดูแลต้อนรับที่อาจจะไม่ทั่วถึง อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ตั้งเป้าหมายจะเชิญทีมอาชีพระดับสูงสุดของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) หรือระดับ เวิลด์ทีม มาร่วมการแข่งขันให้ได้อย่างน้อย 1 ทีมในประเภททีมชาย และอีก 1 ทีมในประเภททีมหญิง

“การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020 จะมีการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ กับ ยูทูป ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งจะมีการใช้โดรนบินขึ้นไปถ่ายภาพมุมสูง ให้เห็นการแข่งขันที่ตื่นเต้นเร้าใจ เห็นภาพแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของแต่ละจังหวัด อีกทั้งยังได้เห็นวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตามเส้นทางที่นักกีฬาผ่าน เพื่อแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของพี่น้องชาวใต้อย่างแท้จริง เชื่อว่าหลังจากที่การแข่งขันผ่านพ้นไปแล้ว บรรดานักกีฬาและทีมงานต่างชาติที่มาร่วมแข่งขัน จะต้องกลับมาเที่ยวอีกแน่นอน รวมทั้งผู้ชมทั่วโลกที่ชมผ่านการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ กับ ยูทูป ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ก็อยากจะมาท่องเที่ยวเมืองไทยเช่นกัน” พลเอกเดชา กล่าว

นอกจากนี้ พลเอกเดชา ยังกล่าวถึงแหล่งท่องเที่ยวตามเส้นทางแข่งขัน รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในแต่ละจังหวัดที่ร่วมเป็นเจ้าภาพด้วยว่า การแข่งขัน “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” จะเริ่มต้นจากอุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ อุทยาน ร.2 อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโขนกลางแปลง เป็นประจำทุกปี หลังจากนั้นก็จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดหลวงพ่อบ้านแหลม), ตลาดน้ำอัมพวา, ตลาดร่มหุบ, ป่าชายเลนคลองโคน, โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ ที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี, ชมวาฬบรูด้า ที่อ่าวบางตะบูน และ แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม, หาดเจ้าสำราญ อ.เมือง รวมทั้ง หาดชะอำ, พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

“ส่วนเส้นทางใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะเลาะเลียบ 3 อ่าว คือ อ่าวน้อย-อ่าวประจวบ-อ่าวมะนาว ผ่านสถานีรถไฟหัวหิน-พลับพลามหามงกุฎ อ.หัวหิน, เขาช่องกระจก อ.เมือง (จุดรับส่งดวงตะวันของเมือง 3 อ่าว), ถ้ำพระยานคร (พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์) ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด , พระราชวังไกลกังวล, จุดชมวิวเหยี่ยวอพยพ (เขาเรดาร์) อ.บางสะพาน, อุทยานประวัติศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ และ อ่าวมะนาว ใน อ.เมือง, อุทยานราชภักดิ์ และสวนสนประดิพัทธ์ ใน อ.หัวหิน”

“ด้านเส้นทางใน จ.ชุมพร ก็ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ที่ ต.หาดทรายรี, เขาทะลุ และชิมกาแฟเขาทะลุที่ขึ้นชื่อ ที่ อ.สวี, หาดทุ่งวัวแล่น ที่ อ.ประทิว รวมทั้งเทศกาลล่องแพพะโต๊ะ ที่ อ.พะโต๊ะ ขณะที่ จ.ระนอง ก็จะผ่านบ่อน้ำร้อนสาธารณะรักษาะวาริน, น้ำพุร้อนพรรั้ง, พระราชวังรัตนรังสรรค์ ใน อ.เมือง อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว เป็นต้น สำหรับจังหวัดสุดท้าย คือ จ.สุราษฏร์ธานี แหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากก็คือ เขื่อนรัชประภา ที่สวยงามจนได้รับการขนานนามว่า กุ้ยหลินเมืองไทย ที่ อ.บ้านตาขุน รวมทั้งศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฏร์ธานี ใน อ.เมือง, สะพานแขวนเขาพัง ภูเขารูปหัวใจ อ.บ้านตาขุน และวัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร อ.ไชยา” พลเอกเดชา กล่าวปิดท้าย.

สำนักข่าวบ้านข่าว  รายงาน