อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ มรภ.สงขลา หลังทัพนักกีฬาสามารถคว้า 1 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง จากการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 46 รอบมหกรรม จ.อุบลราชธานี ย้อนไปก่อนจะมีวันนี้ อะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้พวกเขาเดินทางสู้ต่อจนกระทั่งความฝันครึ่งหนึ่งสำเร็จ คำตอบของทุกคนชัดเจนและเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย นั่นคือความพยายามและมุ่งมั่นฝึกซ้อม
ดร.นกุล โสติพันธุ์ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) หัวหน้าผู้ควบคุมนักกีฬาในการเดินทางไปแข่งขัน กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ดูแลนักกีฬาทั้ง 118 คน จาก 12 ประเภทชนิดกีฬา ตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อม จนถึงระหว่างการแข่งขัน จึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวนักกีฬาทุกคน ทั้งที่ได้เหรียญและไม่ได้เหรียญ เพราะทุกหยาดเหงื่อของพวกเขาคือการเสียสละทั้งเวลา แรงกาย แรงใจ และผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อไปต่อสู้กับอีก 112 สถาบัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย การได้เหรียญกลับมาจึงค่อนข้างยากเลยทีเดียว แต่มองว่าสิ่งสำคัญคือประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ และโอกาสในการพัฒนาต่อไปในครั้งหน้า ซึ่งจะพาไปสู่จุดที่ไกลกว่านี้ แม้กระทั่งกีฬาชนิดใหม่ที่เราเพิ่งลงแข่งขันเป็นครั้งแรกในปีนี้ อย่างปีนหน้าผา ลอนโบวล์ และ เรือพาย ก็กำลังถูกจับตามองเป็นม้ามืดจากนักกีฬามืออาชีพ และทีมสโมสรต่างๆ ด้วย อาจพูดได้ว่าเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ มรภ.สงขลา ที่ผลักดันและสนับสนุนงบประมาณดูแลนักกีฬา จนพวกเขาสามารถนำชื่อเสียงกลับมาให้มหาวิทยาลัยได้ในวันนี้
“ต้า” ณัฐธิดา เมืองประชา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรครุศาสตร์ สาขาวิชาพลศึกษา และ “นัท” ศศิชา หลำเก็ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ สองสาวนักกีฬาปืนหน้าผา ประเภท BOULDERING รุ่นหญิงคู่มือใหม่ ช่วยกันเล่าว่า ปีนหน้าผาเป็นกีฬาที่ให้ความสนุก แข็งแรง และต้องใช้ความคิดในการวางแผนสูงมาก เราจะต้องโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ใช้สมาธิในการไตร่ตรองเลือกเส้นทางที่ง่ายที่สุด ในขณะเดียวกันจะต้องไปถึงจุดหมายตามเส้นทางที่วางไว้ด้วย แน่นอนว่าสมรรถภาพร่างกายของเราต้องพร้อมสำหรับอยู่บนหน้าผาเสมอ โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักหรือเล่นกีฬาประเภทนี้มาก่อน จนกระทั่งทางสาขาพละศึกษา คณะครุศาสตร์ มรภ.สงขลา ได้จัดโครงการอบบรมขึ้น จึงสนใจสมัครเข้าร่วม หลังจากนั้นก็เข้าไปฝึกซ้อมอยู่เรื่อยๆ จนได้รับการทาบทามให้ลงแข่งคู่กัน และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ จึงทำให้สามารถคว้าเหรียญทองแดงกลับมาได้ทั้งที่เป็นสนามแรก
ด้าน “ซัน” อภิสิทธิ์ หวันสู นักศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรครุศาสตร์ สาขาวิชาพลศึกษา เล่าบ้างว่า ตนเป็นนักมวยมืออาชีพที่เพิ่งมาเล่นกีฬาปันจักสีลัตได้ปีกว่า ในการไปแข่งขันครั้งนี้สามารถคว้าเหรียญทองแดง ประเภทต่อสู้ รุ่น D ชาย มาได้ ซึ่งยอมรับว่ามีความกดดันมากพอสมควร แต่ด้วยกีฬาประเภทนี้มีความใกล้เคียงกับมวยไทย ต่างกันตรงที่มวยจะออกอาวุธได้มากกว่า ขณะที่ปันจักสีลัตมีการต่อสู้ที่ค่อนข้างหลากหลาย จึงทำให้ปรับตัวได้ค่อนข้างเร็ว และรู้สึกอยากเล่นกีฬาชนิดนี้อย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อที่ต่อไปในอนาคตตนหวังจะได้เป็นครูพละ และนำความรู้และประสบการณ์ตรงนี้ไปถ่ายทอดและฝึกซ้อมให้กับเด็กๆ ในโรงเรียน ซึ่งตนมีความฝันอยากเปิดค่ายมวยหรือยิมด้วย
ส่วน “อร” ชุติมา แก้วมี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยว คณะวิทยาการจัดการ เล่าว่า ด้วยความที่อยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ จึงชวนเพื่อนๆ ไปออกกำลังกาย และได้ทดลองเล่นกีฬาปันจักสีลัต จนได้รับคัดเลือกให้ไปแข่งขันมาแล้วหลายสนาม ซึ่งในครั้งนี้ได้เหรียญทองแดงกลับ ถือว่าเกินความคาดหมาย ซึ่งคงเพราะการเตรียมตัวขยันฝึกซ้อมมาตั้งแต่เปิดเทอมทุกวันหลังเลิกเรียน ช่วง 17.00-20.00 น. และการได้รู้จักกับรุ่นพี่นักกีฬาประเภทนี้ จึงได้คำแนะนำมาปรับใช้ในการแข่งขัน ยอมรับว่ามีความกดดันค่อนข้างสูง เพราะคู่แข่งหลายคนมีฝีมือและประสบการณ์มากกว่า การให้กำลังใจตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ปิดท้ายที่ “กิ๊ฟ” นรินทิรา เรืองโรจน์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรครุศาสตร์ สาขาวิชาพลศึกษา นักกีฬาปันจักสีลัต ที่สามารถคว้าเหรียญเงินในการแข่งประเภทต่อสู้ รุ่น D หญิง เล่าว่า เล่นกีฬาประเภทนี้มา 4 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยปี 1 ส่วนตัวชื่นชอบกีฬาต่อสู้มาโดยตลอด เพราะทำให้ตัวเองมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ตนมีการเตรียมความพร้อมอย่างดี ทั้งออกกำลังกายเสริมสมรรถภาพ ศึกษาคู่ต่อสู้ และกำลังใจจากคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนๆ ที่มาคอมเมนท์ใต้โพสต์ Facebook และอาจารย์ผู้สอนที่เข้าใจ ล้วนเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ทำให้สู้อย่างเต็มที่ ซึ่งการแข่งขันแต่ละครั้งมักตรงกับเวลาเรียนปกติ โชคดีที่อาจารย์คอยให้คำปรึกษา และเพื่อนติดตามงานให้ตลอด สำหรับอนาคตตนอยากเป็นตัวแทนของทีมชาติไทยไปแข่งต่างประเทศ และเป็นครูพละที่หลังเลิกเรียนเป็นโค้ชให้กับเด็กๆ เพื่อสร้างโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้กีฬาปันจักสีลัต
การเดินทางตามหาเหรียญชัยของนักกีฬาทั้ง 5 คน ต่างมีเรื่องราวที่เป็นทั้งแรงผลักดันและอุปสรรค แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือทุกคนล้วนมีเลือดของนักสู้อยู่ในตัว ความพยายาม มุ่งมั่น และตั้งใจ คือสิ่งสำคัญที่พาไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ เชื่อเถอะว่าไม่ว่าเราจะเป็นอะไรบนโลกใบนี้ ย่อมสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือกได้เช่นกัน เพียงแค่สู้และพยายามให้มากพอ.
ภาพ/ข่าว มรภ.สงขลา
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 20, 2024
November 18, 2024
November 13, 2024
November 11, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
สำรวจหัวใจเลือดนักสู้ ทัพนักกีฬา มรภ.สงขลา ผู้ทุ่มเทหยาดเหงื่อเพื่อชัยชนะ
อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ มรภ.สงขลา หลังทัพนักกีฬาสามารถคว้า 1 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง จากการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 46 รอบมหกรรม จ.อุบลราชธานี ย้อนไปก่อนจะมีวันนี้ อะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้พวกเขาเดินทางสู้ต่อจนกระทั่งความฝันครึ่งหนึ่งสำเร็จ คำตอบของทุกคนชัดเจนและเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย นั่นคือความพยายามและมุ่งมั่นฝึกซ้อม
ดร.นกุล โสติพันธุ์ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) หัวหน้าผู้ควบคุมนักกีฬาในการเดินทางไปแข่งขัน กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ดูแลนักกีฬาทั้ง 118 คน จาก 12 ประเภทชนิดกีฬา ตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อม จนถึงระหว่างการแข่งขัน จึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวนักกีฬาทุกคน ทั้งที่ได้เหรียญและไม่ได้เหรียญ เพราะทุกหยาดเหงื่อของพวกเขาคือการเสียสละทั้งเวลา แรงกาย แรงใจ และผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อไปต่อสู้กับอีก 112 สถาบัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย การได้เหรียญกลับมาจึงค่อนข้างยากเลยทีเดียว แต่มองว่าสิ่งสำคัญคือประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ และโอกาสในการพัฒนาต่อไปในครั้งหน้า ซึ่งจะพาไปสู่จุดที่ไกลกว่านี้ แม้กระทั่งกีฬาชนิดใหม่ที่เราเพิ่งลงแข่งขันเป็นครั้งแรกในปีนี้ อย่างปีนหน้าผา ลอนโบวล์ และ เรือพาย ก็กำลังถูกจับตามองเป็นม้ามืดจากนักกีฬามืออาชีพ และทีมสโมสรต่างๆ ด้วย อาจพูดได้ว่าเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ มรภ.สงขลา ที่ผลักดันและสนับสนุนงบประมาณดูแลนักกีฬา จนพวกเขาสามารถนำชื่อเสียงกลับมาให้มหาวิทยาลัยได้ในวันนี้
“ต้า” ณัฐธิดา เมืองประชา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรครุศาสตร์ สาขาวิชาพลศึกษา และ “นัท” ศศิชา หลำเก็ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ สองสาวนักกีฬาปืนหน้าผา ประเภท BOULDERING รุ่นหญิงคู่มือใหม่ ช่วยกันเล่าว่า ปีนหน้าผาเป็นกีฬาที่ให้ความสนุก แข็งแรง และต้องใช้ความคิดในการวางแผนสูงมาก เราจะต้องโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ใช้สมาธิในการไตร่ตรองเลือกเส้นทางที่ง่ายที่สุด ในขณะเดียวกันจะต้องไปถึงจุดหมายตามเส้นทางที่วางไว้ด้วย แน่นอนว่าสมรรถภาพร่างกายของเราต้องพร้อมสำหรับอยู่บนหน้าผาเสมอ โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักหรือเล่นกีฬาประเภทนี้มาก่อน จนกระทั่งทางสาขาพละศึกษา คณะครุศาสตร์ มรภ.สงขลา ได้จัดโครงการอบบรมขึ้น จึงสนใจสมัครเข้าร่วม หลังจากนั้นก็เข้าไปฝึกซ้อมอยู่เรื่อยๆ จนได้รับการทาบทามให้ลงแข่งคู่กัน และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ จึงทำให้สามารถคว้าเหรียญทองแดงกลับมาได้ทั้งที่เป็นสนามแรก
ด้าน “ซัน” อภิสิทธิ์ หวันสู นักศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรครุศาสตร์ สาขาวิชาพลศึกษา เล่าบ้างว่า ตนเป็นนักมวยมืออาชีพที่เพิ่งมาเล่นกีฬาปันจักสีลัตได้ปีกว่า ในการไปแข่งขันครั้งนี้สามารถคว้าเหรียญทองแดง ประเภทต่อสู้ รุ่น D ชาย มาได้ ซึ่งยอมรับว่ามีความกดดันมากพอสมควร แต่ด้วยกีฬาประเภทนี้มีความใกล้เคียงกับมวยไทย ต่างกันตรงที่มวยจะออกอาวุธได้มากกว่า ขณะที่ปันจักสีลัตมีการต่อสู้ที่ค่อนข้างหลากหลาย จึงทำให้ปรับตัวได้ค่อนข้างเร็ว และรู้สึกอยากเล่นกีฬาชนิดนี้อย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อที่ต่อไปในอนาคตตนหวังจะได้เป็นครูพละ และนำความรู้และประสบการณ์ตรงนี้ไปถ่ายทอดและฝึกซ้อมให้กับเด็กๆ ในโรงเรียน ซึ่งตนมีความฝันอยากเปิดค่ายมวยหรือยิมด้วย
ส่วน “อร” ชุติมา แก้วมี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยว คณะวิทยาการจัดการ เล่าว่า ด้วยความที่อยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ จึงชวนเพื่อนๆ ไปออกกำลังกาย และได้ทดลองเล่นกีฬาปันจักสีลัต จนได้รับคัดเลือกให้ไปแข่งขันมาแล้วหลายสนาม ซึ่งในครั้งนี้ได้เหรียญทองแดงกลับ ถือว่าเกินความคาดหมาย ซึ่งคงเพราะการเตรียมตัวขยันฝึกซ้อมมาตั้งแต่เปิดเทอมทุกวันหลังเลิกเรียน ช่วง 17.00-20.00 น. และการได้รู้จักกับรุ่นพี่นักกีฬาประเภทนี้ จึงได้คำแนะนำมาปรับใช้ในการแข่งขัน ยอมรับว่ามีความกดดันค่อนข้างสูง เพราะคู่แข่งหลายคนมีฝีมือและประสบการณ์มากกว่า การให้กำลังใจตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ปิดท้ายที่ “กิ๊ฟ” นรินทิรา เรืองโรจน์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรครุศาสตร์ สาขาวิชาพลศึกษา นักกีฬาปันจักสีลัต ที่สามารถคว้าเหรียญเงินในการแข่งประเภทต่อสู้ รุ่น D หญิง เล่าว่า เล่นกีฬาประเภทนี้มา 4 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยปี 1 ส่วนตัวชื่นชอบกีฬาต่อสู้มาโดยตลอด เพราะทำให้ตัวเองมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ตนมีการเตรียมความพร้อมอย่างดี ทั้งออกกำลังกายเสริมสมรรถภาพ ศึกษาคู่ต่อสู้ และกำลังใจจากคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนๆ ที่มาคอมเมนท์ใต้โพสต์ Facebook และอาจารย์ผู้สอนที่เข้าใจ ล้วนเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ทำให้สู้อย่างเต็มที่ ซึ่งการแข่งขันแต่ละครั้งมักตรงกับเวลาเรียนปกติ โชคดีที่อาจารย์คอยให้คำปรึกษา และเพื่อนติดตามงานให้ตลอด สำหรับอนาคตตนอยากเป็นตัวแทนของทีมชาติไทยไปแข่งต่างประเทศ และเป็นครูพละที่หลังเลิกเรียนเป็นโค้ชให้กับเด็กๆ เพื่อสร้างโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้กีฬาปันจักสีลัต
การเดินทางตามหาเหรียญชัยของนักกีฬาทั้ง 5 คน ต่างมีเรื่องราวที่เป็นทั้งแรงผลักดันและอุปสรรค แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือทุกคนล้วนมีเลือดของนักสู้อยู่ในตัว ความพยายาม มุ่งมั่น และตั้งใจ คือสิ่งสำคัญที่พาไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ เชื่อเถอะว่าไม่ว่าเราจะเป็นอะไรบนโลกใบนี้ ย่อมสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือกได้เช่นกัน เพียงแค่สู้และพยายามให้มากพอ.
ภาพ/ข่าว มรภ.สงขลา
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิด”มุมหนังสือนายกสภามหาวิทยาลัย” ณ ห้องสมุด ศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล
November 20, 2024
มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ จับมือ WeStride เปิดตัว “FutureX” หลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ออนไลน์ ...
November 18, 2024
โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดรับสมัครนักเรียนระดับบ้านสาธิตปฐมวัยและระดับปฐมวัย (อนุบาล 1) ปีการศึกษา ...
November 13, 2024
มรภ.สงขลา นำผลงานนวัตกรรม นศ.เกษตร “เครื่องหยอดเมล็ดข้าว-กิมจิเห็ดนางฟ้า-ข้าวเกรียบเห็ดรสกิมจิ” ถ่ายทอดสู่ชุมชน
November 11, 2024