วันที่ 18/10/61 เวลา 10:00 น. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรจัดการสิ่งแวดล้อมดีเด่น “โครงการมือถือเก่าไป ชีวิตใหม่มา เพื่อมอบหนังสือให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” ซึ่งเป็นโครงการที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด และคณะทำงานโครงการมือเก่าไป ชีวิตใหม่มา ร่วมมือกันดำเนินการ โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้บริหารกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ท้องถิ่นจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมงานกว่า 1,000 คน ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับดูแล อปท. ให้ขับเคลื่อนด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย จึงได้ร่วมกับบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด และภาคีเครือข่ายจัด “โครงการมือถือเก่าไป ชีวิตใหม่มา เพื่อมอบหนังสือให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” เพื่อให้มีการรณรงค์ให้ช่วยกันกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง ถูกวิธี และได้มาตรฐานสากล ผ่านการขอรับบริจาคจาก อปท. ทั่วประเทศ รวม 7,285 แห่ง และนำรายได้จากการรีไซเคิลไปจัดหาหนังสือสำหรับเด็กและสื่อเพื่อการศึกษาอื่น ๆ มอบให้แก่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อปท. ที่ขาดแคลนในพื้นที่ห่างไกล จำนวน 2,000 แห่ง มูลค่า 20 ล้านบาท ซึ่งเด็ก ๆ จะได้รับประโยชน์จากหนังสือและสื่อการศึกษา อันเป็นการส่งเสริมและปลูกฝังการรักการอ่านในวัยเด็กส่งผลให้เกิดการยกระดับทางด้านทักษะการอ่านและการเรียนรู้ อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการรณรงค์และมีกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ เป็นการมอบรางวัลให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการและรวบรวมโทรศัพท์มือถือเก่าที่เสียแล้วไม่ใช้แล้วจากประชาชนในท้องถิ่นทั่วประเทศ รวม 1,000 แห่ง แบ่งประเภทรางวัลเป็น 3 ประเภท คือ 1. หน่วยงานที่รับบริจาคมือถือเก่าได้จำนวน 500 เครื่องขึ้นไป 2. หน่วยงานที่รับบริจาคมือถือเก่าได้จำนวน 200 เครื่องขึ้นไป และ 3. หน่วยงานที่รับบริจาคมือถือเก่าได้จำนวน 50 เครื่องขึ้นไป
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้กล่าวมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและผู้บริหาร อปท. โดยกล่าวว่า “ปัญหาขยะ” เป็นปัญหาสำคัญและสะสมมาอย่างยาวนาน ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญและถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยมอบกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปขับเคลื่อนให้เกิดผล ซึ่งประเทศไทยมีขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากและรอการกำจัดกว่า 5 แสนตัน หากกำจัดผิดวิธีจะส่งผลต่อลูกหลานในอนาคต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีขยะเกิดขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 27.06 ล้านตันต่อปี และมีขยะตกค้าง 10 ล้านตันต่อปี โดยมีอัตราการผลิตขยะเฉลี่ย 1.14 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน และที่ผ่านมาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บขนและกำจัดขยะมากกว่าปีละ 2 หมื่นล้านบาทแต่สามารถเก็บค่าธรรมเนียมค่าบริการได้ไม่เกิน 3,000 ล้านบาททำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องใช้งบประมาณเพื่อการจัดการขยะมูลฝอยไปไม่น้อยกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ดังนั้น จึงต้องร่วมกันรณรงค์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น/หมู่บ้าน/ชุมชน โดยซักซ้อมการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง คือ “ครัวเรือน” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการขยะ เพราะจะทำให้ลดปริมาณขยะได้อย่างมากตั้งแต่แหล่งกำเนิด ตามกระบวนการ 3Rs หรือ 3ช คือ Reuse (ใช้น้อย) Reduce (ใช้ซ้ำ) Recycle (ใช้ใหม่)
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการขยะด้วยการคัดแยกขยะตั้งแต่ระดับครัวเรือน โดยได้กำหนดสี 4 สี คือ 1) สีฟ้า/สีน้ำเงิน คือ ขยะทั่วไป 2) สีเขียว คือ ขยะย่อยสลายได้ 3) สีเหลือง คือ ขยะรีไซเคิล 4) สีแดง คือ ขยะอันตราย/ขยะพิษชุมชน โดยในระยะแรกให้ประชาชนใช้ถุงดำและติดสัญลักษณ์ที่บอกประเภทขยะซึ่ง อปท. อาจจัดทำสติ๊กเกอร์แยกสีตามประเภทขยะแจกจ่ายประชาชน และสำหรับในที่สาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวจะมีการจัดการขยะ 2 ประเภท คือ ถังขยะรีไซเคิลและถังขยะทั่วไป/ขยะอินทรีย์ ซึ่ง อปท. ทั่วประเทศจะต้องดำเนินการ รณรงค์สร้างการรับรู้และความเข้าใจในการคัดแยกขยะอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือ หมู่บ้านปลอดขยะ (Zero Waste)
ขั้นตอนของการจัดการขยะกลางทางหรือการเก็บขนขยะมูลฝอย ซึ่งยังมีข้อจำกัดเรื่องยานพาหนะเก็บขนขยะ จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการขยะโดยกำหนดวัน เวลา ในการเก็บขนขยะแต่ละประเภทที่เหมาะสมกับปริมาณขยะและลักษณะของชุมชน และในด้านการจัดการขยะปลายทาง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. 2560 ได้กำหนดวิธีการกำจัดขยะ ได้แก่ การฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล การหมักทำปุ๋ยหรือก๊าซชีวภาพ การกำจัดด้วยพลังงานความร้อน (เผาในเตาเผาที่มีการควบคุมมลพิษ) และการแปรสภาพเป็นเชื้อเพลิงหรือพลังงาน ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีการรวมกลุ่มขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการขยะกว่า 2,810 กองขยะ ในลักษณะ Clusters ทั่วประเทศ 324 กลุ่ม ซึ่งหาก อปท. สามารถดำเนินการแปรสภาพขยะเป็นเชื้อเพลิงหรือพลังงาน จะทำให้ขยะหมดไปจากประเทศไทย และจะทำให้เกิดพลังงานแก่ประเทศอันจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยอีกด้วย จึงขอให้ อปท. ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
สุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การจัดการขยะ ไม่ได้ส่งเสริมในด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมีส่วนส่งเสริมด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการท่องเที่ยว ดังนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง จึงต้องร่วมรณรงค์ให้ความรู้และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการขยะเพื่อให้ประเทศไทยดีขึ้น และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน.
ภาพ-ข่าว วรวิทย์ คำเสียง
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
March 28, 2024
March 26, 2024
March 25, 2024
March 23, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบรางวัลองค์กรจัดการสิ่งแวดล้อมดีเด่น “โครงการมือถือเก่าไป ชีวิตใหม่มา เพื่อมอบหนังสือให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” เน้นย้ำ อปท. ต้องร่วมรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการขยะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย
วันที่ 18/10/61 เวลา 10:00 น. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรจัดการสิ่งแวดล้อมดีเด่น “โครงการมือถือเก่าไป ชีวิตใหม่มา เพื่อมอบหนังสือให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” ซึ่งเป็นโครงการที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด และคณะทำงานโครงการมือเก่าไป ชีวิตใหม่มา ร่วมมือกันดำเนินการ โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้บริหารกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ท้องถิ่นจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมงานกว่า 1,000 คน ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับดูแล อปท. ให้ขับเคลื่อนด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย จึงได้ร่วมกับบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด และภาคีเครือข่ายจัด “โครงการมือถือเก่าไป ชีวิตใหม่มา เพื่อมอบหนังสือให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” เพื่อให้มีการรณรงค์ให้ช่วยกันกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง ถูกวิธี และได้มาตรฐานสากล ผ่านการขอรับบริจาคจาก อปท. ทั่วประเทศ รวม 7,285 แห่ง และนำรายได้จากการรีไซเคิลไปจัดหาหนังสือสำหรับเด็กและสื่อเพื่อการศึกษาอื่น ๆ มอบให้แก่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อปท. ที่ขาดแคลนในพื้นที่ห่างไกล จำนวน 2,000 แห่ง มูลค่า 20 ล้านบาท ซึ่งเด็ก ๆ จะได้รับประโยชน์จากหนังสือและสื่อการศึกษา อันเป็นการส่งเสริมและปลูกฝังการรักการอ่านในวัยเด็กส่งผลให้เกิดการยกระดับทางด้านทักษะการอ่านและการเรียนรู้ อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการรณรงค์และมีกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ เป็นการมอบรางวัลให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการและรวบรวมโทรศัพท์มือถือเก่าที่เสียแล้วไม่ใช้แล้วจากประชาชนในท้องถิ่นทั่วประเทศ รวม 1,000 แห่ง แบ่งประเภทรางวัลเป็น 3 ประเภท คือ 1. หน่วยงานที่รับบริจาคมือถือเก่าได้จำนวน 500 เครื่องขึ้นไป 2. หน่วยงานที่รับบริจาคมือถือเก่าได้จำนวน 200 เครื่องขึ้นไป และ 3. หน่วยงานที่รับบริจาคมือถือเก่าได้จำนวน 50 เครื่องขึ้นไป
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้กล่าวมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและผู้บริหาร อปท. โดยกล่าวว่า “ปัญหาขยะ” เป็นปัญหาสำคัญและสะสมมาอย่างยาวนาน ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญและถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยมอบกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปขับเคลื่อนให้เกิดผล ซึ่งประเทศไทยมีขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากและรอการกำจัดกว่า 5 แสนตัน หากกำจัดผิดวิธีจะส่งผลต่อลูกหลานในอนาคต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีขยะเกิดขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 27.06 ล้านตันต่อปี และมีขยะตกค้าง 10 ล้านตันต่อปี โดยมีอัตราการผลิตขยะเฉลี่ย 1.14 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน และที่ผ่านมาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บขนและกำจัดขยะมากกว่าปีละ 2 หมื่นล้านบาทแต่สามารถเก็บค่าธรรมเนียมค่าบริการได้ไม่เกิน 3,000 ล้านบาททำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องใช้งบประมาณเพื่อการจัดการขยะมูลฝอยไปไม่น้อยกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ดังนั้น จึงต้องร่วมกันรณรงค์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น/หมู่บ้าน/ชุมชน โดยซักซ้อมการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง คือ “ครัวเรือน” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการขยะ เพราะจะทำให้ลดปริมาณขยะได้อย่างมากตั้งแต่แหล่งกำเนิด ตามกระบวนการ 3Rs หรือ 3ช คือ Reuse (ใช้น้อย) Reduce (ใช้ซ้ำ) Recycle (ใช้ใหม่)
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการขยะด้วยการคัดแยกขยะตั้งแต่ระดับครัวเรือน โดยได้กำหนดสี 4 สี คือ 1) สีฟ้า/สีน้ำเงิน คือ ขยะทั่วไป 2) สีเขียว คือ ขยะย่อยสลายได้ 3) สีเหลือง คือ ขยะรีไซเคิล 4) สีแดง คือ ขยะอันตราย/ขยะพิษชุมชน โดยในระยะแรกให้ประชาชนใช้ถุงดำและติดสัญลักษณ์ที่บอกประเภทขยะซึ่ง อปท. อาจจัดทำสติ๊กเกอร์แยกสีตามประเภทขยะแจกจ่ายประชาชน และสำหรับในที่สาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวจะมีการจัดการขยะ 2 ประเภท คือ ถังขยะรีไซเคิลและถังขยะทั่วไป/ขยะอินทรีย์ ซึ่ง อปท. ทั่วประเทศจะต้องดำเนินการ รณรงค์สร้างการรับรู้และความเข้าใจในการคัดแยกขยะอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือ หมู่บ้านปลอดขยะ (Zero Waste)
ขั้นตอนของการจัดการขยะกลางทางหรือการเก็บขนขยะมูลฝอย ซึ่งยังมีข้อจำกัดเรื่องยานพาหนะเก็บขนขยะ จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารจัดการขยะโดยกำหนดวัน เวลา ในการเก็บขนขยะแต่ละประเภทที่เหมาะสมกับปริมาณขยะและลักษณะของชุมชน และในด้านการจัดการขยะปลายทาง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. 2560 ได้กำหนดวิธีการกำจัดขยะ ได้แก่ การฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล การหมักทำปุ๋ยหรือก๊าซชีวภาพ การกำจัดด้วยพลังงานความร้อน (เผาในเตาเผาที่มีการควบคุมมลพิษ) และการแปรสภาพเป็นเชื้อเพลิงหรือพลังงาน ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีการรวมกลุ่มขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการขยะกว่า 2,810 กองขยะ ในลักษณะ Clusters ทั่วประเทศ 324 กลุ่ม ซึ่งหาก อปท. สามารถดำเนินการแปรสภาพขยะเป็นเชื้อเพลิงหรือพลังงาน จะทำให้ขยะหมดไปจากประเทศไทย และจะทำให้เกิดพลังงานแก่ประเทศอันจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยอีกด้วย จึงขอให้ อปท. ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
สุดท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การจัดการขยะ ไม่ได้ส่งเสริมในด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมีส่วนส่งเสริมด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการท่องเที่ยว ดังนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง จึงต้องร่วมรณรงค์ให้ความรู้และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการขยะเพื่อให้ประเทศไทยดีขึ้น และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน.
ภาพ-ข่าว วรวิทย์ คำเสียง
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงเจเต๋าบ้อเก็งหาดใหญ่จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ตำหนักพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม
March 28, 2024
คณะผู้วิจัย จากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เข้าร่วมนำเสนอผลงานวิจัย “มาตะ ลุ่มน้ำ” ในงาน MATTA ...
March 26, 2024
อบจ.สงขลา เปิดโครงการจัดงานรอมฎอนสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
March 25, 2024
นายกฯ ไพเจน อบจ.สงขลา ได้รางวัล “สุดยอดผู้นำท้องถิ่นแห่งปี” ประจำปี 2567
March 23, 2024