ตามนโยบายประกาศสงครามกับการค้ามนุษย์ของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. ได้สั่งการให้ทำการสืบสวนและดำเนินการจับกุมการกระทำความผิดคดีค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี

โดยสืบเนื่องจากการสืบสวนและได้รับแจ้งจากพลเมืองดีผ่านทางสายด่วน ๑๑๕๕ ว่ามีเครือข่ายจัดหาเด็กหญิงอายุไม่เกิน ๑๘ ปี ไปขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. , บก.ปคม. , บช.ทท. และ ภ.จว.อุดรธานี ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุม
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 13 ปี, 15 ปี และ 16 ปี รวมจำนวน 3 คน ซึ่งจากการคัดแยกพบว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และจากการสืบสวนสอบสวนขยายผลพบว่า

ขณะที่เด็กหญิง น.(นามสมมุติ)ผู้เสียหายเป็นเด็กอายุเพียง 12 ปี ได้ถูก น.ส.กนกวรรณหรือแตง พิทักษ์วาปี ใช้อุบาย หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญนำเด็กหญิงผู้เสียหายดังกล่าวไปขายบริการให้นายเดือนหรือโชค เทพประชา และนายพรเทพหรือตั้ม พนมพร โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีดังกล่าวลักษณะเป็นการค้ามนุษย์รูปแบบการค้าประเวณี ต่อมาพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ น.ส.กนกวรรณหรือแตง พิทักษ์วาปี และนายพรเทพหรือตั้ม พนมพร ต่อศาลอาญา

กรณีนายเดือนหรือโชค เทพประชา นอกจากได้ใช้บริการทางเพศเด็กหญิง น.(นามสมมุติ)ผู้เสียหายดังกล่าวอย่างต่อเนื่องแล้ว นายเดือนหรือโชค เทพประชา ยังได้บังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวง ติดต่อให้เด็กหญิงผู้เสียหายดังกล่าวไปขายบริการให้กับนายหวังอาลีหรือบัง สาสุข โดยเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีดังกล่าวลักษณะรูปแบบการค้ามนุษย์จากการค้าประเวณี ต่อมาพนักงานสอบสวน บก.ปคม. ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ นายเดือนหรือโชค เทพประชา และนายหวังอาลีหรือบัง สาสุข ต่อศาลอาญา

ต่อมาในวันที่ 2 ก.ย.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. , บก.ปคม. , บช.ทท. และ ภ.จว.อุดรธานี ได้ร่วมกันจับกุมตัว ผู้ต้องหา ดังนี้
​1.นายเดือนหรือโชค เทพประชา อายุ 65 ปี 5-๔104-90001-01-๔ ที่อยู่ 175 ม.8 ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1809 / 2561 ลงวันที่ 17 สิงหาคม ๒๕๖๑ ในข้อหา “ค้ามนุษย์ โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีฯ ซึ่งได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี และกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปีฯ” มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่แปดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดแสนบาทถึงสองล้านบาท
2.นายหวังอาลีหรือบัง สาสุข อายุ 62 ปี 3-1502-00227-52-5 ที่อยู่ 69 ม.3 ต.ชะไว อ.ไชโย จว.อ่างทอง ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1810 / 2561 ลงวันที่ 17 สิงหาคม ๒๕๖๑ ในข้อหา “กระทำชำเราผู้อื่นฯ” มีอัตราโทษสี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
3.น.ส.กนกวรรณหรือแตง พิทักษ์วาปี อายุ 19 ปี 1-๔104-01468-69-5 ที่อยู่ 167 ม.4 ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1895 / ๒๕๖๑ ลงวันที่ 24 สิงหาคม ๒๕๖๑ ในข้อหา “ค้ามนุษย์ โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีฯ ซึ่งได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีฯ” มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่แปดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดแสนบาทถึงสองล้านบาท
4.นายพรเทพหรือตั้ม พนมพร อายุ 41 ปี 3-6599-00489-32-1 ที่อยู่ 187/1 ม.1 ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1918 / ๒๕๖๑ ลงวันที่ 27 สิงหาคม ๒๕๖๑
ในข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีน” มีอัตราโทษสี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และปฏิบัติการครั้งนี้ ได้ทำการช่วยเหลือเด็กหญิงผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์อีกจำนวน ๕ คน ซึ่งจะได้นำตัวมาคัดแยกขยายผลหาเครือข่ายผู้กระทำผิดและผู้ใช้บริการมาดำเนินคดีต่อไป

ปฏิบัติการในครั้งนี้ ศปอส.ตร. ได้เริ่มต้นเปิดยุทธการในการกวาดล้างเครือข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ฝากไปยังผู้ที่ใช้บริการค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี หากยังไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนหาข้อมูลและจับกุมดำเนินคดีทุกราย ส่วนเครือข่ายนำเด็กหญิงมาค้าประเวณี จะดำเนินการใช้มาตรการยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๓ (๒).

สำนักข่าวบ้านข่าว  รายงาน