ทางการไทยดำเนินการเผาทำลายยาเสพติดของกลางจำนวนมากกว่า 14 ตัน เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายน ของทุกปี ประกอบด้วยกัญชา 8.4 ตัน และยาเสพติดประเภทยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีนรวมกันอีกกว่า 6.3 ตัน รวมมูลค่ากว่า 13,697 ล้านบาท โดยพล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติดระบุว่า ยาเสพติดที่ยึดได้ทั้งหมดผลิตจากประเทศพม่าร่วมกับนายทุนแก๊งค์ 14K ในประเทศมาเลเซียเพื่อจำหน่ายทั่วโลก สำหรับยาเพสติดให้โทษของกลางที่เผาทำลายในวันนี้ เป็นของกลางที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ริบของกลางแล้วสามารถนำมาทำลายได้จำนวนกว่า 7,000 คดี ประกอบด้วย เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า น้ำหนักกว่า 5,514 กิโลกรัม (ประมาณ 61ล้านเม็ด) ยาไอซ์น้ำหนักกว่า 486 กิโลกรัม เฮโรอีนน้ำหนักกว่า 108 กิโลกรัม ยาอีหรือยาเลิฟ (MDMA/MDA) น้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม โคคาอีนน้ำหนักกว่า 5 กิโลกรัม ฝิ่นน้ำหนักกว่า 122 กิโลกรัม และกัญชาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก กว่า 8,400 กิโลกรัม “นอกจากจำนวนยาเสพติดของกลางที่นำมาเผาทำลายในครั้งนี้ ยังมียาเสพติดของกลางที่เก็บรักษาไว้ในคลังยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอีกมากกว่า 85 ตัน ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีในชั้นศาล” นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาระบุว่า สถิติการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางตั้งแต่ปี 2520-2561 รวมทั้งสิ้น 48 ครั้ง น้ำหนักรวมกว่า 128,776 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 197,343 ล้านบาท ซึ่งยาเสพติดของกลางประเภท เมทแอมเฟตามีนและแอมเฟตามีน มีจำนวนมากที่สุดถึง 74,708 กิโลกรัม รองลงมาคือฝิ่นและอื่น ๆ 28,760 กิโลกรัม เฮโรอีนกว่า 25,127 กิโลกรัม และเอ็คซ์ตาซี่จำนวนกว่า 179 กิโลกรัม ส่วนการปราบปรามในปีงบประมาณ 2561 (1 ต.ค. 2560-12 มี.ค.2561) นี้ สามารถจับกุมได้ 900 คดี ยึดทรัพย์สินได้ 39.50 ล้านบาท ยาเสพติดจากพม่า…สู่มือแก๊งค์ 14K ในมาเลเซีย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ ระบุว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จับและยึดยาเสพติดที่ผลิตจากว้าได้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้ทำให้จำนวนยาเสพติดในตลาดลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้ามเจ้าหน้าที่กลับพบว่า กลุ่มผู้ผลิตได้เพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเต็มกำลัง เพื่อทดแทนจำนวนยาเสพติดที่หายไปจากตลาด ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า พบความเชื่อมโยงจากกลุ่มว้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศพม่าติดกับประเทศจีน กับกลุ่มนายทุนที่เรียกตัวเองว่า 14K จากประเทศมาเลเซีย ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำนำออกไปทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเอาไปพักไว้ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนกระจายออกไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย แอฟริกา จนถึงอเมริกา “แก๊ง 14K เป็นนายทุนใหญ่ที่เรากำลังจับตาดูอยู่” พล.ต.ท.สมหมายระบุ “สามเหลี่ยมทองคำบริหารยาเสพติดด้วยระบบ 14K เพราะ 14K มีเครือข่ายทั่วโลก ยังไม่รวม เฮล แองเจิล และแบนดิดอส” ด้านพล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผู้บังคับการฝ่ายข่าวกรองยาเสพติด ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเบนาร์นิวส์ ระบุว่า แหล่งผลิตยาเสพติดที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยมของโลกอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยมีเครือข่ายที่เรียกว่า 14K มาจากการรวมตัวกันของคนจีน 14คน ซึ่งอาศัยในที่ต่างๆ รวมถึงเกาลูนและใต้หวัน ใช้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษดีเยี่ยม จึงสามารถต่อยอดในการกระจายยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำไปทั่วภูมิภาคของโลก ประเทศไทยจึงกลายเป็นเส้นทางในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังประเทศมาเลเซีย และกระจายไปทุกที่ที่มีคนจีนอาศัยอยู่ เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ใต้หวัน จนถึงแคนาดา และมหานครนิวยอร์ค “เราบังคับใช้กฎหมายปราบปรามกับขบวนการนี้อย่างเข้มข้น ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้จำนวนยาเสพติดที่จับได้เริ่มลดน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่รูปแบบการลำเลียงมันเปลี่ยนไป ทั้งสูตรและเส้นทาง เราเรียกมันว่า ปรากฎการณ์” พล.ต.ต.ชยพจน์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ ปรากฎการณ์ สงครามเคมิเคิล พล.ต.ท.สมหมาย ระบุถึง สาเหตุที่ยาเสพติดที่ผลิตโดยกลุ่มว้าเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เนื่องจากคุณภาพดีเยี่ยมระดับพรีเมียม โดยมีความบริสุทธิ์ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ และยังนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดประเภทอื่นๆ ได้อีกด้วย และส่งผลให้กำลังซื้อจากทั่วโลกมีมาก ดังนั้นการปราบปรามขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้เป็นเพียงการปกป้องคนในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน แต่ปกป้องคนจากทั่วโลกด้วย “ประเทศเพื่อนบ้านเราเข้าใจเราดีมาก เขมร ลาว พม่า มาเลเซีย ผนึกกำลังกับเราอย่างไม่เคยมีมาก่อน เราถึงได้มีวันนี้ แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเรารู้ว่าการผลิตไม่ได้หยุด ล่าสุดเรารู้ว่ามีการนำเข้าสารเคมี โซเดียมไซยาไนด์ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองทองคำไปเป็นสารตั้งต้นการผลิตยาเสพติด ตรงนี้น่ากลัวมาก” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวกับเบนาร์นิวส์ ทั้งนี้ ผู้บังคับการฝ่ายข่าวกรองยาเสพติด ยอมรับกับเบนาร์นิวส์ว่า เป็นความจริงโดยพบข้อมูลว่ามีการขนส่ง โซเดียมไซยาไนด์ (Sodium cyanide) ไปยังสามเหลี่ยมทองคำปริมาณ 8,000 ตันต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณสินแร่ทองคำของพม่า ไม่น่าจะต้องการปริมาณสารเคมีเยอะขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามเหลี่ยมทองคำไม่ใช่สถานที่ทำเหมืองแร่ และได้รับการยืนยันจากผลการตรวจสารเคมีจากห้องปฏิบัติการจากต่างประเทศ “สามเหลี่ยมทองคำขึ้นชื่อเป็นอันดับหนึ่งของโลกด้านเคมิเคิล ที่ทำ amphetamine-type stimulants (ATS) เพราะติดประเทศจีน และอินเดีย ที่อยู่ในห้าโรงงานชั้นนำของโลก ที่เป็นแหล่งผลิตสารเคมี ซึ่ง อเมริกา จีน อินเดีย เป็นสามประเทศหลักของโลกที่ผลิตสารเคมีที่เรียกว่า phenyl-2-propanone (P2P)…และสามเหลี่ยมทองคำเป็นแหล่งผลิตไอซ์ที่ดีที่สุดของโลก” พล.ต.ต.ชยพจน์ ระบุ พล.ต.ต.ชยพจน์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามขาตินับเป็นปรากฎการณ์ เพราะเป็นอาชญากรรมที่มีพัฒนาการมากที่สุดเปรียบเทียบกับอาชญากรรมประเภทอื่น เพราะไม่มีรูปแบบตายตัวแน่นอน และขบวนการฯ จะมีปรากฎการณ์ระลอกใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ เพื่อหนีการจับกุมปราบปรามจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้พบว่าขบวนการฯ พยายามทดสอบการลำเลียงยาเสพติดโดยไม่ผ่านประเทศไทย และยกตัวอย่างกรณีที่ทางการมาเลเซียสามารถจับยาไอซ์น้ำหนักมากกว่าหนึ่งตันได้ ซึ่งเป็นยาเสพติดล๊อตที่ไม่ผ่านประเทศไทย “ถ้าวันหนึ่งมันหายไป อย่าคิดว่ามันหายนะ มันแค่เปลี่ยนวิธีการส่ง แต่ยุคนี้ตอนนี้ยังต้องผ่านไทยอยู่…ต่อไป จากพม่าสามารถส่งออกทะเลไปได้เลย ขณะนี้พบว่ามีการทดลองทางกันแล้ว” พล.ต.ต.ชยพจน์ ระบุ “วิธีการที่ดีที่สุดในการสกัดกั้นยาเสพติดคือ ยึดทรัพย์ หลังจากเราปลุกระดมให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่ทำงานด้านยาเสพติดให้จับยาได้แล้ว เราก็เปลี่ยนหน้าที่ของเราเป็นยึดทรัพย์ เพราะไล่จับเท่าไหร่มันก็ผลิตมาเติม แต่ถ้าไม่มีเงิน เราเชื่อว่าจะทำให้มันหยุดชะงักได้” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวทิ้งท้าย.
ภาพ/ข่าว ‘Azman.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
December 5, 2025
December 4, 2025
December 3, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
ทางการไทยเผายาเสพติดของกลางมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท
ทางการไทยดำเนินการเผาทำลายยาเสพติดของกลางจำนวนมากกว่า 14 ตัน เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายน ของทุกปี ประกอบด้วยกัญชา 8.4 ตัน และยาเสพติดประเภทยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีนรวมกันอีกกว่า 6.3 ตัน รวมมูลค่ากว่า 13,697 ล้านบาท โดยพล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติดระบุว่า ยาเสพติดที่ยึดได้ทั้งหมดผลิตจากประเทศพม่าร่วมกับนายทุนแก๊งค์ 14K ในประเทศมาเลเซียเพื่อจำหน่ายทั่วโลก สำหรับยาเพสติดให้โทษของกลางที่เผาทำลายในวันนี้ เป็นของกลางที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ริบของกลางแล้วสามารถนำมาทำลายได้จำนวนกว่า 7,000 คดี ประกอบด้วย เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า น้ำหนักกว่า 5,514 กิโลกรัม (ประมาณ 61ล้านเม็ด) ยาไอซ์น้ำหนักกว่า 486 กิโลกรัม เฮโรอีนน้ำหนักกว่า 108 กิโลกรัม ยาอีหรือยาเลิฟ (MDMA/MDA) น้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม โคคาอีนน้ำหนักกว่า 5 กิโลกรัม ฝิ่นน้ำหนักกว่า 122 กิโลกรัม และกัญชาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก กว่า 8,400 กิโลกรัม “นอกจากจำนวนยาเสพติดของกลางที่นำมาเผาทำลายในครั้งนี้ ยังมียาเสพติดของกลางที่เก็บรักษาไว้ในคลังยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอีกมากกว่า 85 ตัน ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีในชั้นศาล” นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาระบุว่า สถิติการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางตั้งแต่ปี 2520-2561 รวมทั้งสิ้น 48 ครั้ง น้ำหนักรวมกว่า 128,776 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 197,343 ล้านบาท ซึ่งยาเสพติดของกลางประเภท เมทแอมเฟตามีนและแอมเฟตามีน มีจำนวนมากที่สุดถึง 74,708 กิโลกรัม รองลงมาคือฝิ่นและอื่น ๆ 28,760 กิโลกรัม เฮโรอีนกว่า 25,127 กิโลกรัม และเอ็คซ์ตาซี่จำนวนกว่า 179 กิโลกรัม ส่วนการปราบปรามในปีงบประมาณ 2561 (1 ต.ค. 2560-12 มี.ค.2561) นี้ สามารถจับกุมได้ 900 คดี ยึดทรัพย์สินได้ 39.50 ล้านบาท ยาเสพติดจากพม่า…สู่มือแก๊งค์ 14K ในมาเลเซีย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ ระบุว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จับและยึดยาเสพติดที่ผลิตจากว้าได้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้ทำให้จำนวนยาเสพติดในตลาดลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้ามเจ้าหน้าที่กลับพบว่า กลุ่มผู้ผลิตได้เพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเต็มกำลัง เพื่อทดแทนจำนวนยาเสพติดที่หายไปจากตลาด ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า พบความเชื่อมโยงจากกลุ่มว้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศพม่าติดกับประเทศจีน กับกลุ่มนายทุนที่เรียกตัวเองว่า 14K จากประเทศมาเลเซีย ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำนำออกไปทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเอาไปพักไว้ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนกระจายออกไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย แอฟริกา จนถึงอเมริกา “แก๊ง 14K เป็นนายทุนใหญ่ที่เรากำลังจับตาดูอยู่” พล.ต.ท.สมหมายระบุ “สามเหลี่ยมทองคำบริหารยาเสพติดด้วยระบบ 14K เพราะ 14K มีเครือข่ายทั่วโลก ยังไม่รวม เฮล แองเจิล และแบนดิดอส” ด้านพล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผู้บังคับการฝ่ายข่าวกรองยาเสพติด ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเบนาร์นิวส์ ระบุว่า แหล่งผลิตยาเสพติดที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยมของโลกอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยมีเครือข่ายที่เรียกว่า 14K มาจากการรวมตัวกันของคนจีน 14คน ซึ่งอาศัยในที่ต่างๆ รวมถึงเกาลูนและใต้หวัน ใช้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษดีเยี่ยม จึงสามารถต่อยอดในการกระจายยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำไปทั่วภูมิภาคของโลก ประเทศไทยจึงกลายเป็นเส้นทางในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังประเทศมาเลเซีย และกระจายไปทุกที่ที่มีคนจีนอาศัยอยู่ เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ใต้หวัน จนถึงแคนาดา และมหานครนิวยอร์ค “เราบังคับใช้กฎหมายปราบปรามกับขบวนการนี้อย่างเข้มข้น ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้จำนวนยาเสพติดที่จับได้เริ่มลดน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่รูปแบบการลำเลียงมันเปลี่ยนไป ทั้งสูตรและเส้นทาง เราเรียกมันว่า ปรากฎการณ์” พล.ต.ต.ชยพจน์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ ปรากฎการณ์ สงครามเคมิเคิล พล.ต.ท.สมหมาย ระบุถึง สาเหตุที่ยาเสพติดที่ผลิตโดยกลุ่มว้าเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เนื่องจากคุณภาพดีเยี่ยมระดับพรีเมียม โดยมีความบริสุทธิ์ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ และยังนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดประเภทอื่นๆ ได้อีกด้วย และส่งผลให้กำลังซื้อจากทั่วโลกมีมาก ดังนั้นการปราบปรามขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้เป็นเพียงการปกป้องคนในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน แต่ปกป้องคนจากทั่วโลกด้วย “ประเทศเพื่อนบ้านเราเข้าใจเราดีมาก เขมร ลาว พม่า มาเลเซีย ผนึกกำลังกับเราอย่างไม่เคยมีมาก่อน เราถึงได้มีวันนี้ แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเรารู้ว่าการผลิตไม่ได้หยุด ล่าสุดเรารู้ว่ามีการนำเข้าสารเคมี โซเดียมไซยาไนด์ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองทองคำไปเป็นสารตั้งต้นการผลิตยาเสพติด ตรงนี้น่ากลัวมาก” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวกับเบนาร์นิวส์ ทั้งนี้ ผู้บังคับการฝ่ายข่าวกรองยาเสพติด ยอมรับกับเบนาร์นิวส์ว่า เป็นความจริงโดยพบข้อมูลว่ามีการขนส่ง โซเดียมไซยาไนด์ (Sodium cyanide) ไปยังสามเหลี่ยมทองคำปริมาณ 8,000 ตันต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณสินแร่ทองคำของพม่า ไม่น่าจะต้องการปริมาณสารเคมีเยอะขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามเหลี่ยมทองคำไม่ใช่สถานที่ทำเหมืองแร่ และได้รับการยืนยันจากผลการตรวจสารเคมีจากห้องปฏิบัติการจากต่างประเทศ “สามเหลี่ยมทองคำขึ้นชื่อเป็นอันดับหนึ่งของโลกด้านเคมิเคิล ที่ทำ amphetamine-type stimulants (ATS) เพราะติดประเทศจีน และอินเดีย ที่อยู่ในห้าโรงงานชั้นนำของโลก ที่เป็นแหล่งผลิตสารเคมี ซึ่ง อเมริกา จีน อินเดีย เป็นสามประเทศหลักของโลกที่ผลิตสารเคมีที่เรียกว่า phenyl-2-propanone (P2P)…และสามเหลี่ยมทองคำเป็นแหล่งผลิตไอซ์ที่ดีที่สุดของโลก” พล.ต.ต.ชยพจน์ ระบุ พล.ต.ต.ชยพจน์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามขาตินับเป็นปรากฎการณ์ เพราะเป็นอาชญากรรมที่มีพัฒนาการมากที่สุดเปรียบเทียบกับอาชญากรรมประเภทอื่น เพราะไม่มีรูปแบบตายตัวแน่นอน และขบวนการฯ จะมีปรากฎการณ์ระลอกใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ เพื่อหนีการจับกุมปราบปรามจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้พบว่าขบวนการฯ พยายามทดสอบการลำเลียงยาเสพติดโดยไม่ผ่านประเทศไทย และยกตัวอย่างกรณีที่ทางการมาเลเซียสามารถจับยาไอซ์น้ำหนักมากกว่าหนึ่งตันได้ ซึ่งเป็นยาเสพติดล๊อตที่ไม่ผ่านประเทศไทย “ถ้าวันหนึ่งมันหายไป อย่าคิดว่ามันหายนะ มันแค่เปลี่ยนวิธีการส่ง แต่ยุคนี้ตอนนี้ยังต้องผ่านไทยอยู่…ต่อไป จากพม่าสามารถส่งออกทะเลไปได้เลย ขณะนี้พบว่ามีการทดลองทางกันแล้ว” พล.ต.ต.ชยพจน์ ระบุ “วิธีการที่ดีที่สุดในการสกัดกั้นยาเสพติดคือ ยึดทรัพย์ หลังจากเราปลุกระดมให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่ทำงานด้านยาเสพติดให้จับยาได้แล้ว เราก็เปลี่ยนหน้าที่ของเราเป็นยึดทรัพย์ เพราะไล่จับเท่าไหร่มันก็ผลิตมาเติม แต่ถ้าไม่มีเงิน เราเชื่อว่าจะทำให้มันหยุดชะงักได้” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวทิ้งท้าย.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธินายช่างไทยฯ ผนึกกำลังจิตอาสา กฟผ. ระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.สงขลา
December 5, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จัดการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ...
December 4, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ส่งต่อถุงยังชีพ AOT ให้ชุมชนรอบสนามบิน
December 3, 2025
โรงเรียน นานาชาติ The American School of Bangkok ...
December 3, 2025