การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558 – 2579 (AEDP 2015) ส่งเสริมการนำน้ำจากท้ายเขื่อนชลประทานมาใช้ประโยชน์ทั้งด้านการเกษตรและพลังงาน คาดสามารถผลิตไฟฟ้าปีละ 33.42 ล้านหน่วย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง19,424 ตันต่อปี
วันที่ 19 มิถุนายน 2561 นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ร่วมกับ นายนิกูล ศิลาสุวรรณ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ. และ คณะผู้บริหาร กฟผ. ทำพิธีเปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา จ.ลำปาง โดยนำน้ำที่ระบายจากเขื่อนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้านพลังงาน
นายนิกูล ศิลาสุวรรณ กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา จ.ลำปาง เป็นความร่วมมือระหว่าง กฟผ. กับ กรมชลประทาน ด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามยุทธศาสตร์การผลักดันและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนของกระทรวงพลังงาน โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 2.5 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง และขนาด 0.5 เมกะวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังผลิตทั้งสิ้น 5.5 เมกะวัตต์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าระบบได้ปีละ 33.42 ล้านหน่วย ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงต่างประเทศได้ 167 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 19,424 ตันต่อปี ซึ่งกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำจะนำน้ำที่เขื่อนต้องระบายอยู่แล้วมาผ่านเครื่องผลิตไฟฟ้าก่อนระบายลงสู่พื้นที่ท้ายน้ำตามเดิมจึงไม่กระทบต่อแผนการระบายน้ำเพื่อการชลประทาน ไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีหรือน้ำมัน อีกทั้งเครื่องกังหันน้ำยังช่วยเติมอากาศให้กับน้ำที่ระบายออกจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำทำให้มีคุณภาพดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ กฟผ. ได้ร่วมกับกรมชลประทานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขืื่อนชลประทานตั้งแต่ปี 2550 ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 7 เขื่อน ประกอบด้วย เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนเรศวร เขื่อนแม่กลอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่ิอนขุนด่านปราการชล เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา นอกจากนี้ ยังมี โรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีก 2 แห่ง คือ เขื่อนคลองตรอน และเขื่อนผาจุก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 และ ปี 2565 ตามลำดับ เมื่อแล้วเสร็จจะมีกำลังผลิตรวม 100.7 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 305,031 ตันต่อปี
“กฟผ. เล็งเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน ซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนาน และมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่น ถือเป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างคุ้มค่า เกิดความมั่นคงทางพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นายนิกูล กล่าวทิ้งท้าย.
ภาพ/ข่าว กฟผ.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
December 5, 2025
December 4, 2025
December 3, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
กฟผ. เปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558 – 2579 (AEDP 2015) ส่งเสริมการนำน้ำจากท้ายเขื่อนชลประทานมาใช้ประโยชน์ทั้งด้านการเกษตรและพลังงาน คาดสามารถผลิตไฟฟ้าปีละ 33.42 ล้านหน่วย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง19,424 ตันต่อปี
วันที่ 19 มิถุนายน 2561 นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ร่วมกับ นายนิกูล ศิลาสุวรรณ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ. และ คณะผู้บริหาร กฟผ. ทำพิธีเปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา จ.ลำปาง โดยนำน้ำที่ระบายจากเขื่อนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้านพลังงาน
นายนิกูล ศิลาสุวรรณ กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา จ.ลำปาง เป็นความร่วมมือระหว่าง กฟผ. กับ กรมชลประทาน ด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามยุทธศาสตร์การผลักดันและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนของกระทรวงพลังงาน โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 2.5 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง และขนาด 0.5 เมกะวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังผลิตทั้งสิ้น 5.5 เมกะวัตต์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าระบบได้ปีละ 33.42 ล้านหน่วย ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงต่างประเทศได้ 167 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 19,424 ตันต่อปี ซึ่งกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำจะนำน้ำที่เขื่อนต้องระบายอยู่แล้วมาผ่านเครื่องผลิตไฟฟ้าก่อนระบายลงสู่พื้นที่ท้ายน้ำตามเดิมจึงไม่กระทบต่อแผนการระบายน้ำเพื่อการชลประทาน ไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีหรือน้ำมัน อีกทั้งเครื่องกังหันน้ำยังช่วยเติมอากาศให้กับน้ำที่ระบายออกจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำทำให้มีคุณภาพดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ กฟผ. ได้ร่วมกับกรมชลประทานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขืื่อนชลประทานตั้งแต่ปี 2550 ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 7 เขื่อน ประกอบด้วย เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนเรศวร เขื่อนแม่กลอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่ิอนขุนด่านปราการชล เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนกิ่วคอหมา นอกจากนี้ ยังมี โรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีก 2 แห่ง คือ เขื่อนคลองตรอน และเขื่อนผาจุก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 และ ปี 2565 ตามลำดับ เมื่อแล้วเสร็จจะมีกำลังผลิตรวม 100.7 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 305,031 ตันต่อปี
“กฟผ. เล็งเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการพัฒนาโรงไฟฟ้าจากพลังน้ำท้ายเขื่อนชลประทาน ซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนาน และมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่น ถือเป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างคุ้มค่า เกิดความมั่นคงทางพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นายนิกูล กล่าวทิ้งท้าย.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธินายช่างไทยฯ ผนึกกำลังจิตอาสา กฟผ. ระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.สงขลา
December 5, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จัดการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ...
December 4, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ส่งต่อถุงยังชีพ AOT ให้ชุมชนรอบสนามบิน
December 3, 2025
โรงเรียน นานาชาติ The American School of Bangkok ...
December 3, 2025