**โครงการ FSRU อยู่ระหว่างลงพื้นที่สำรวจด้านเศรษฐกิจ สังคมและความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ในพื้นที่ศึกษาโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติฯ แนววางท่อส่วนบนบก วางขนานเขตคลองระบายน้ำสุวรรณภูมิ และใต้เขตระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. ในจังหวัดสมุทรปราการ รวมระยะทางประมาณ 40 กม. ซึ่งเป็นแนววางท่อที่มีความเป็นไปได้และเหมาะสมมากที่สุด ปัจจุบันการลงพื้นที่สำรวจฯ ดำเนินการไปแล้วเกือบ 90%
ว่าที่ พ.ต. ดร. อนุชาต ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์โครงการ (ชพฟช.) เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (Floating Storage and Regasification : FSRU) บริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบน โครงการท่าเทียบเรือ FSRU และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจาก FSRU ไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ว่า ภายหลังจาก กฟผ. และบริษัท อีอาร์เอ็ม-สยาม จำกัด บริษัทที่ปรึกษาในการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ดำเนินการจัดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 1 บริเวณพื้นที่ที่โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติฯ ส่วนบนบก ในจังหวัดสมุทรปราการแล้วเสร็จ ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561
จากนั้น กฟผ. และบริษัทที่ปรึกษา ได้ลงพื้นที่ดำเนินงานตามกระบวนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการลงพื้นที่สำรวจด้านเศรษฐกิจ สังคมและความคิดเห็นของประชาชน (Socio-Economic and Opinion Survey) ในกลุ่มผู้นำและประชาชน (ครัวเรือน,สถานประกอบการ,หมู่บ้านจัดสรร) หน่วยงานราชการ สถานพยาบาล สถานศึกษา ศาสนสถาน และกลุ่มองค์กรต่างๆ ในเขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอพระประแดง และอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่ศึกษา ทั้งในและนอกระยะประชิด เพื่อชี้แจงข้อมูลและรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ รวมถึงการเก็บแบบสอบถามสำรวจสภาพเศรษฐกิจ สังคม และรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงกังวลต่อการดำเนินงานโครงการ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย โดยมีความคืบหน้าการดำเนินงานลงพื้นที่สำรวจฯ ในระยะประชิดไปแล้ว 87% และนอกระยะประชิด (ในรัศมี 500 เมตร) ไปแล้ว 88.5% ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จครบทุกพื้นที่ศึกษา ภายในเดือนพฤษภาคม 2561 ทั้งนี้ จากการประเมินทัศนคติต่อโครงการจากการลงพื้นที่ภาคสนาม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีทัศนคติเป็นกลางต่อการดำเนินงานโครงการ
สำหรับ แนววางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ส่วนบนบก ซึ่งเป็นพื้นที่ศึกษาโครงการที่มีความเป็นไปได้และเหมาะสมมากที่สุด คือ จุดขึ้นท่อบนบก ในเขตคลองระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ (ฝั่งทิศตะวันตก) ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เชื่อมต่อไปยังเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ กฟผ. ประกอบด้วย เขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 เควี เส้นบางปะกง-บางพลี (ฝั่งซ้าย) ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เรื่อยมาจนถึงเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 เควี เส้นบางพลี-เทพารักษ์ (ฝั่งซ้าย) ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร และเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 เควี เส้นเทพารักษ์-พระนครใต้ (ฝั่งซ้าย) ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร จนกระทั่งถึงโรงไฟฟ้าพระนครใต้ รวมระยะทางทั้งสิ้น ประมาณ 40 กิโลเมตร
อนึ่ง โครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (FSRU) บริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบน โครงการท่าเทียบเรือ FSRU และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจาก FSRU เป็นโครงการเตรียมความพร้อมรองรับเชื้อเพลิงให้กับประเทศและเสริมความมั่นคงในการจัดหาก๊าซธรรมชาติในระยะยาว เป็นไปตามมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 มอบหมายให้ กฟผ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ FSRU ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบนเป็นแห่งแรกของประเทศไทย สำหรับรองรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในปริมาณ 5 ล้านตันต่อปี เพื่อจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับโรงไฟฟ้าพระนครใต้และโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ รวมทั้งจัดส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่โครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติในปัจจุบัน โดยมีกำหนดแล้วเสร็จและส่งก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2567.
ภาพ/ข่าว กฟผ.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
December 5, 2025
December 4, 2025
December 3, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
โครงการ FSRU ลงพื้นที่สำรวจด้านเศรษฐกิจ สังคมและความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ ดำเนินการแล้วเกือบ 90%
**โครงการ FSRU อยู่ระหว่างลงพื้นที่สำรวจด้านเศรษฐกิจ สังคมและความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ในพื้นที่ศึกษาโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติฯ แนววางท่อส่วนบนบก วางขนานเขตคลองระบายน้ำสุวรรณภูมิ และใต้เขตระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. ในจังหวัดสมุทรปราการ รวมระยะทางประมาณ 40 กม. ซึ่งเป็นแนววางท่อที่มีความเป็นไปได้และเหมาะสมมากที่สุด ปัจจุบันการลงพื้นที่สำรวจฯ ดำเนินการไปแล้วเกือบ 90%
ว่าที่ พ.ต. ดร. อนุชาต ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์โครงการ (ชพฟช.) เปิดเผยถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (Floating Storage and Regasification : FSRU) บริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบน โครงการท่าเทียบเรือ FSRU และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจาก FSRU ไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ว่า ภายหลังจาก กฟผ. และบริษัท อีอาร์เอ็ม-สยาม จำกัด บริษัทที่ปรึกษาในการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ดำเนินการจัดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 1 บริเวณพื้นที่ที่โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติฯ ส่วนบนบก ในจังหวัดสมุทรปราการแล้วเสร็จ ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561
จากนั้น กฟผ. และบริษัทที่ปรึกษา ได้ลงพื้นที่ดำเนินงานตามกระบวนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการลงพื้นที่สำรวจด้านเศรษฐกิจ สังคมและความคิดเห็นของประชาชน (Socio-Economic and Opinion Survey) ในกลุ่มผู้นำและประชาชน (ครัวเรือน,สถานประกอบการ,หมู่บ้านจัดสรร) หน่วยงานราชการ สถานพยาบาล สถานศึกษา ศาสนสถาน และกลุ่มองค์กรต่างๆ ในเขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอพระประแดง และอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่ศึกษา ทั้งในและนอกระยะประชิด เพื่อชี้แจงข้อมูลและรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ รวมถึงการเก็บแบบสอบถามสำรวจสภาพเศรษฐกิจ สังคม และรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงกังวลต่อการดำเนินงานโครงการ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย โดยมีความคืบหน้าการดำเนินงานลงพื้นที่สำรวจฯ ในระยะประชิดไปแล้ว 87% และนอกระยะประชิด (ในรัศมี 500 เมตร) ไปแล้ว 88.5% ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จครบทุกพื้นที่ศึกษา ภายในเดือนพฤษภาคม 2561 ทั้งนี้ จากการประเมินทัศนคติต่อโครงการจากการลงพื้นที่ภาคสนาม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีทัศนคติเป็นกลางต่อการดำเนินงานโครงการ
สำหรับ แนววางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ส่วนบนบก ซึ่งเป็นพื้นที่ศึกษาโครงการที่มีความเป็นไปได้และเหมาะสมมากที่สุด คือ จุดขึ้นท่อบนบก ในเขตคลองระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ (ฝั่งทิศตะวันตก) ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เชื่อมต่อไปยังเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ กฟผ. ประกอบด้วย เขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 เควี เส้นบางปะกง-บางพลี (ฝั่งซ้าย) ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เรื่อยมาจนถึงเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 เควี เส้นบางพลี-เทพารักษ์ (ฝั่งซ้าย) ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร และเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 เควี เส้นเทพารักษ์-พระนครใต้ (ฝั่งซ้าย) ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร จนกระทั่งถึงโรงไฟฟ้าพระนครใต้ รวมระยะทางทั้งสิ้น ประมาณ 40 กิโลเมตร
อนึ่ง โครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (FSRU) บริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบน โครงการท่าเทียบเรือ FSRU และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจาก FSRU เป็นโครงการเตรียมความพร้อมรองรับเชื้อเพลิงให้กับประเทศและเสริมความมั่นคงในการจัดหาก๊าซธรรมชาติในระยะยาว เป็นไปตามมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 มอบหมายให้ กฟผ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ FSRU ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบนเป็นแห่งแรกของประเทศไทย สำหรับรองรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในปริมาณ 5 ล้านตันต่อปี เพื่อจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับโรงไฟฟ้าพระนครใต้และโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ รวมทั้งจัดส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่โครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติในปัจจุบัน โดยมีกำหนดแล้วเสร็จและส่งก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2567.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธินายช่างไทยฯ ผนึกกำลังจิตอาสา กฟผ. ระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.สงขลา
December 5, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จัดการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ...
December 4, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ส่งต่อถุงยังชีพ AOT ให้ชุมชนรอบสนามบิน
December 3, 2025
โรงเรียน นานาชาติ The American School of Bangkok ...
December 3, 2025