นักศึกษาศิลปรรมฯ มรภ.สงขลา โชว์การแสดงนาฏยรังสรรค์สู่ชุมชน บูรณาการองค์ความรู้ตลอด 4 ปีสร้างผลงานวิจัยสะท้อนวัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวใต้
ผศ.ไชยวุธ โกศล คณะบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยถึงการนำเสนอผลงานของนักศึกษาโปรแกรมวิชานาฏศิลป์และการแสดง ในโครงการนาฏยรังสรรค์สู่ชุมชนครั้งที่ 2 ณ ศาลาไทย (แหลมสมิหลา) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ระบำนาฏยรังสรรค์เป็นผลงานการสร้างสรรค์ระบำใหม่ของทางโปรแกรมฯ ที่มีต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ล้วนเป็นผลงานที่ทรงคุณค่า แสดงถึงศักยภาพของบัณฑิตนาฏยรังสรรค์ได้เป็นอย่างดี ผลงานเหล่านี้ถูกนำไปเผยแพร่ทำการแสดงอย่างกว้างขวางเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและระดับชาติ จึงนับได้ว่าเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่คณะศิลปกรรมศาสตร์เสมอมา โดยในปีนี้นักศึกษาในโปรแกรมฯ ได้นำการแสดงต่างๆ รวม 4 ชุด ได้แก่ ละครเวทีเรื่องเคย การแสดงปรัชญเทวนารี การแสดงไซ วิถีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา และ การแสดงตารีวายังกูเละ มาเผยแพร่ต่อสาธารณชน
ด้าน อ.ทัศนียา คัญทะชา ประธานโปรแกรมวิชานาฏศิลป์และการแสดง กล่าวว่า การสร้างสรรค์ผลงานด้านการแสดงของนักศึกษา เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่ปี 1-ปี 4 นำมาบูรณาการเพื่อใช้ในการสร้างสรรค์เป็นผลงานการแสดง กระบวนการสร้างล้วนแล้วแต่ใช้การวิจัยทั้งสิ้น ตั้งแต่การคัดเลือกเรื่อง การลงพื้นที่เก็บข้อมูลในชุมชน การวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบท่ารำ ออกแบบเพลง ออกแบบเครื่องแต่งกาย และการตรวจสอบจากคณาจารย์ในสาขาวิชา จนกลายเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์ ขอชื่นชมนักศึกษาทุกคนที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนาฏยรังสรรค์ไว้ โดยเลือกโจทย์ที่มาจากชุมชน นำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานการแสดงเพื่อช่วยเผยแพร่ภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของคนในภาคใต้
อ.รวิสรา ศรีชัย รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะศิลปกรรมศาสตร์ กล่าวว่า นาฏยรังสรรค์มีบทบาทด้านสร้างสรรค์ระบำนาฏยรังสรรค์ ถ่ายทอดวิถีชีวิต ความเชื่อประเพณีการละเล่นเเละวัฒนธรรมผ่านลีลาการเต้นการร่ายรำมาเป็นเวลายาวนานกว่า 40 ปี จวบจนปัจจุบัน ยังคงทำหน้าที่อนุรักษ์ สืบสานและสร้างสรรค์เสมอมา ขอแสดงความชื่นชมยินดีกับผลงานระบำนาฏยรังสรรค์ชุดใหม่ประจำปี 2561 ทั้ง 3 ชุดที่สำเร็จ สมบูรณ์และสวยงาม
ขณะที่ นายกิตติภพ แก้วย้อย นักศึกษาโปรแกรมวิชานาฏศิลป์และการแสดง หนึ่งในผู้สร้างสรรค์การแสดงตารีวายังกูเละ กล่าวถึงแนวคิดของการแสดงชุดนี้ว่า วายังกูเละเป็นหนังตะลุงแบบมลายูที่มีคุณค่ากำลังเลือนหายไป ตนและเพื่อนๆ จึงนำมาสร้างสรรค์ระบำเพื่อการอนุรักษ์และถ่ายทอดขั้นตอนการแสดงผ่านนักแสดงซึ่งเป็นคนเชิดและร่ายรำสะท้อนอารมณ์และอากัปกิริยาของตัวหนังตะลุง ซึ่งการแสดงแบ่งออกเป็น 3 ช่วงคือ การเล่นขนบ การต่อสู้ของทศกัณฐ์และพระรามจากเรื่องรามายณะ และ การเฉลิมฉลองชัยชนะ โดยใช้ตัวหนังตะลุงและดนตรีหนังตะลุงพื้นบ้านมลายูประกอบการการแสดง
สำหรับการแสดงชุดปรัชญเทวนารี มีแนวคิดจากนางปรัชญาปารมิตาเทพสตรีผู้เต็มเปี่ยมในพระธรรม จึงได้สร้างสรรค์ระบำชุดปรัชญเทวนารี ซึ่งเป็นระบำที่ประดิษฐ์ท่ารำขึ้นมาจากรูปปั้นสำริดของนางปรัชญาปารมิตา นางผู้มีลีลางดงามดั่งดอกบัว โดยสื่อถึงเทพสตรีผู้หนึ่งที่มีสติปัญญา มาประทานความรู้ให้กับบุคคลที่มีกิเลส มีจิตใจเศร้าหมอง ไม่พบทางสว่างในชีวิต โดยใช้หลักธรรมคำสอนของบัวสี่เหล่า หมายถึงบุคคล 4 ประเภท เพื่อให้รู้แจ้งและเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งบุคคลที่มีสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดเปรียบเสมือนบัวที่พ้นน้ำแล้ว
ส่วนการแสดงไซ วิถีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีแนวคิดจากลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ก่อให้เกิดการประกอบอาชีพที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือการทำประมง ซึ่งไซเป็นอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพที่มีความโดดเด่น สะท้อนถึงเอกลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาของชาวบ้านภาคใต้ ที่มีความผูกพันกับลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ควรแก่การอนุรักษ์วิถีชีวิตแห่งความพอเพียงที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไซ เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้รู้จักและสืบทอดเครื่องมือหาเลี้ยงชีพที่อยู่คู่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลามายาวนาน
นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอละครเวทีเรื่อง “เคย” ซึ่งสะท้อนถึงสังคมทุกวันนี้มีแต่ข่าวที่นำเสนอความรุนแรง เช่น การใช้อำนาจโดยมิชอบ ฆาตกรรม บางคนทนรับความรุนแรงนี้ไม่ไหวถึงกับฆ่าตัวตาย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีเหตุมาจากความรุนแรงทั้งสิ้น และความรุนแรงส่วนใหญ่ก็เริ่มจากครอบครัว บทละครเรื่องนี้เป็นของ อีฟ เอนส์เลอร์ นักแสดงและนักเขียนบทละครชาวอเมริกัน เขียนไว้ว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงมักถูกปิดปากไม่ให้พูดถึงอวัยวะที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในร่างกายของตนเอง นั่นคือการปกปิดความรุนแรงรวมถึงโรคทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นในอวัยวะสำคัญนี้ สื่อถึงการปิดกั้นไม่ให้ผู้หญิงเรียนรู้หรือแสดงออกเรื่องความสุขทางเพศรส จึงนำมาเขียนเป็นบทละคร โดยเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่มีเพศสภาพและความรู้สึกที่หลากหลายภายใต้บรรยากาศของเรื่องที่ต่างกันไป.
ภาพ/ข่าว มรภ.สงขลา
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 21, 2025
November 19, 2025
November 18, 2025
November 17, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
มรภ.สงขลา โชว์นาฏยรังสรรค์สู่ชุมชน แปลงานวิจัยสะท้อน วธ.-วิถีชีวิตใต้
นักศึกษาศิลปรรมฯ มรภ.สงขลา โชว์การแสดงนาฏยรังสรรค์สู่ชุมชน บูรณาการองค์ความรู้ตลอด 4 ปีสร้างผลงานวิจัยสะท้อนวัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวใต้
ผศ.ไชยวุธ โกศล คณะบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยถึงการนำเสนอผลงานของนักศึกษาโปรแกรมวิชานาฏศิลป์และการแสดง ในโครงการนาฏยรังสรรค์สู่ชุมชนครั้งที่ 2 ณ ศาลาไทย (แหลมสมิหลา) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ระบำนาฏยรังสรรค์เป็นผลงานการสร้างสรรค์ระบำใหม่ของทางโปรแกรมฯ ที่มีต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ล้วนเป็นผลงานที่ทรงคุณค่า แสดงถึงศักยภาพของบัณฑิตนาฏยรังสรรค์ได้เป็นอย่างดี ผลงานเหล่านี้ถูกนำไปเผยแพร่ทำการแสดงอย่างกว้างขวางเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและระดับชาติ จึงนับได้ว่าเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่คณะศิลปกรรมศาสตร์เสมอมา โดยในปีนี้นักศึกษาในโปรแกรมฯ ได้นำการแสดงต่างๆ รวม 4 ชุด ได้แก่ ละครเวทีเรื่องเคย การแสดงปรัชญเทวนารี การแสดงไซ วิถีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา และ การแสดงตารีวายังกูเละ มาเผยแพร่ต่อสาธารณชน
ด้าน อ.ทัศนียา คัญทะชา ประธานโปรแกรมวิชานาฏศิลป์และการแสดง กล่าวว่า การสร้างสรรค์ผลงานด้านการแสดงของนักศึกษา เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่ปี 1-ปี 4 นำมาบูรณาการเพื่อใช้ในการสร้างสรรค์เป็นผลงานการแสดง กระบวนการสร้างล้วนแล้วแต่ใช้การวิจัยทั้งสิ้น ตั้งแต่การคัดเลือกเรื่อง การลงพื้นที่เก็บข้อมูลในชุมชน การวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบท่ารำ ออกแบบเพลง ออกแบบเครื่องแต่งกาย และการตรวจสอบจากคณาจารย์ในสาขาวิชา จนกลายเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์ ขอชื่นชมนักศึกษาทุกคนที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนาฏยรังสรรค์ไว้ โดยเลือกโจทย์ที่มาจากชุมชน นำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานการแสดงเพื่อช่วยเผยแพร่ภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของคนในภาคใต้
อ.รวิสรา ศรีชัย รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะศิลปกรรมศาสตร์ กล่าวว่า นาฏยรังสรรค์มีบทบาทด้านสร้างสรรค์ระบำนาฏยรังสรรค์ ถ่ายทอดวิถีชีวิต ความเชื่อประเพณีการละเล่นเเละวัฒนธรรมผ่านลีลาการเต้นการร่ายรำมาเป็นเวลายาวนานกว่า 40 ปี จวบจนปัจจุบัน ยังคงทำหน้าที่อนุรักษ์ สืบสานและสร้างสรรค์เสมอมา ขอแสดงความชื่นชมยินดีกับผลงานระบำนาฏยรังสรรค์ชุดใหม่ประจำปี 2561 ทั้ง 3 ชุดที่สำเร็จ สมบูรณ์และสวยงาม
ขณะที่ นายกิตติภพ แก้วย้อย นักศึกษาโปรแกรมวิชานาฏศิลป์และการแสดง หนึ่งในผู้สร้างสรรค์การแสดงตารีวายังกูเละ กล่าวถึงแนวคิดของการแสดงชุดนี้ว่า วายังกูเละเป็นหนังตะลุงแบบมลายูที่มีคุณค่ากำลังเลือนหายไป ตนและเพื่อนๆ จึงนำมาสร้างสรรค์ระบำเพื่อการอนุรักษ์และถ่ายทอดขั้นตอนการแสดงผ่านนักแสดงซึ่งเป็นคนเชิดและร่ายรำสะท้อนอารมณ์และอากัปกิริยาของตัวหนังตะลุง ซึ่งการแสดงแบ่งออกเป็น 3 ช่วงคือ การเล่นขนบ การต่อสู้ของทศกัณฐ์และพระรามจากเรื่องรามายณะ และ การเฉลิมฉลองชัยชนะ โดยใช้ตัวหนังตะลุงและดนตรีหนังตะลุงพื้นบ้านมลายูประกอบการการแสดง
สำหรับการแสดงชุดปรัชญเทวนารี มีแนวคิดจากนางปรัชญาปารมิตาเทพสตรีผู้เต็มเปี่ยมในพระธรรม จึงได้สร้างสรรค์ระบำชุดปรัชญเทวนารี ซึ่งเป็นระบำที่ประดิษฐ์ท่ารำขึ้นมาจากรูปปั้นสำริดของนางปรัชญาปารมิตา นางผู้มีลีลางดงามดั่งดอกบัว โดยสื่อถึงเทพสตรีผู้หนึ่งที่มีสติปัญญา มาประทานความรู้ให้กับบุคคลที่มีกิเลส มีจิตใจเศร้าหมอง ไม่พบทางสว่างในชีวิต โดยใช้หลักธรรมคำสอนของบัวสี่เหล่า หมายถึงบุคคล 4 ประเภท เพื่อให้รู้แจ้งและเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งบุคคลที่มีสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดเปรียบเสมือนบัวที่พ้นน้ำแล้ว
ส่วนการแสดงไซ วิถีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีแนวคิดจากลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ก่อให้เกิดการประกอบอาชีพที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือการทำประมง ซึ่งไซเป็นอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพที่มีความโดดเด่น สะท้อนถึงเอกลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาของชาวบ้านภาคใต้ ที่มีความผูกพันกับลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ควรแก่การอนุรักษ์วิถีชีวิตแห่งความพอเพียงที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไซ เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้รู้จักและสืบทอดเครื่องมือหาเลี้ยงชีพที่อยู่คู่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลามายาวนาน
นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอละครเวทีเรื่อง “เคย” ซึ่งสะท้อนถึงสังคมทุกวันนี้มีแต่ข่าวที่นำเสนอความรุนแรง เช่น การใช้อำนาจโดยมิชอบ ฆาตกรรม บางคนทนรับความรุนแรงนี้ไม่ไหวถึงกับฆ่าตัวตาย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีเหตุมาจากความรุนแรงทั้งสิ้น และความรุนแรงส่วนใหญ่ก็เริ่มจากครอบครัว บทละครเรื่องนี้เป็นของ อีฟ เอนส์เลอร์ นักแสดงและนักเขียนบทละครชาวอเมริกัน เขียนไว้ว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงมักถูกปิดปากไม่ให้พูดถึงอวัยวะที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในร่างกายของตนเอง นั่นคือการปกปิดความรุนแรงรวมถึงโรคทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นในอวัยวะสำคัญนี้ สื่อถึงการปิดกั้นไม่ให้ผู้หญิงเรียนรู้หรือแสดงออกเรื่องความสุขทางเพศรส จึงนำมาเขียนเป็นบทละคร โดยเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่มีเพศสภาพและความรู้สึกที่หลากหลายภายใต้บรรยากาศของเรื่องที่ต่างกันไป.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ม.ทักษิณ เปิดสนามประลองไอเดียธุรกิจ TSU Premier Pitch 2025 ดันนิสิตสู่ธุรกิจสตาร์ทอัพ
November 21, 2025
มรภ.สงขลา เยือน มรภ.วไลยอลงกรณ์ฯ จัดอบรมใช้งานระบบ “Big Data” ครั้งที่ ...
November 19, 2025
สกสว. จัดงาน Thailand Talent Summit 2025 รวมพลนักวิจัยไทยกว่า ...
November 18, 2025
มรภ.สงขลา มอบประกาศนียบัตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ หลักสูตรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนดิจิทัลฯ ยกระดับขีดความสามารถบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาผู้เรียนอย่างยั่งยืน
November 17, 2025