10 เมษายน เวลา 10.00 น. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่ พร้อมมอบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติงาน โดยมี พลโทสกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาค 4, เจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดยะลา, ปัตตานี, นราธิวาส, และสงขลา โดยการประชุมในครั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบนโยบายในการปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมรับฟังผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ และสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เดินทางต่อไปยังมัสยิดกลางจังหวัดยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เพื่อไปเยี่ยมและพบปะกับผู้นำศาสนา ร่วมหารือแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงต่อไป
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า เป็นการเดินทางลงมาตรวจเยี่ยมตามวงรอบการปฏิบัติงาน และตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เพื่อมากำกับดูแลการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และการประสานการปฏิบัติกับทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ทั้งทางผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่ายตำรวจประจำพื้นที่ทั้งหมด ว่าจะมีแนวทางใดที่จะสามารถลดเหตุร้ายรายวันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมือง จะทำอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ในช่วงที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์รุนแรงหลายครั้งถึงแม้ว่าจะไม่มีรุนแรงมากนักก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่ายังคงมีช่องว่างในบางพื้นที่ บางเวลา ซึ่งจุดนี้ก็ต้องมีการหารือกันเพื่อรับทราบถึงปัญหาของหน่วยปฏิบัติ นอกจากนี้ ยังต้องการให้ประชาชนมีความเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานตามกฎหมายเป็นหลัก และจะไม่ให้ค่าความสำคัญกับใครทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ปฏิบัติผิดกฎหมาย ก็จำเป็นต้องถูกดำเนินคดี แม้จะมีการพูดคุยเจรจา แต่ฝ่ายความมั่นคงยืนยันจะปฏิบัติตามกฎหมาย ในส่วนของผู้ใดก็ตามที่มุ่งหวังจะพูดคุยหารือ ก็ขอให้ไปพูดคุยกับคณะที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ว่าต้องการให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างไรจึงจะทำให้เหตุการณ์สงบได้ เราคงจะต้องแบ่งแยกการปฏิบัติงานให้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจต่อผู้ปฏิบัติกันเอง อีกประการหนึ่งคือ ไม่อยากให้เป็นการยกระดับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขึ้นมาและในส่วนของเรา ยังคงต้องเน้นย้ำและกำชับในเรื่องของยาเสพติดและขบวนการผิดกฎหมายที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการต่อผู้ก่อเหตุ เรายังคงใช้กฎหมายเป็นหลักในการดำเนินการเช่นเดิม เว้นแต่เพียงว่า จะทำได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่มานาน ซึ่งบางครั้งความระมัดระวังอาจจะผ่อนคลายลงไป แต่ขอให้เห็นใจคนทำงาน ที่ต้องทำงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง อาจจะมีความเครียดและปัญหาต่างๆที่นอกเหนือจากปัญหาความมั่นคงได้แทรกเข้ามา ซึ่งปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น มีวิธีการแก้ไข ๒ ทาง คือ ความจริงจัง, ความเข้มงวด และการเสียสละของเจ้าหน้าที่ อีกส่วนหนึ่งคือ ความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจุดนี้ ก็น่าเห็นใจเช่นกัน เพราะประชาชนอยู่ท่ามกลางสองฝ่ายคือฝ่ายของรัฐ และฝ่ายผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย โดยส่วนตัวคิดว่าทุกคนต้องการให้เหตุการณ์รุนแรงต่างๆได้ยุติ เพราฉะนั้นแล้วคนที่รู้เรื่องราว, ข้อมูลต่างๆและต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐ และทางเรายืนยันจะให้ความดูแลเป็นพิเศษ จะได้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะหากเราไปคาดหวังมาตรการใดมาตรการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ไม่มีทางสำเร็จได้อยู่แล้ว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากหลายๆมิติทับซ้อนกัน และมาจากปัจจัยแวดล้อมที่ต่างกัน ประเด็นสำคัญคือมีเรื่องของศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ ยังขอยืนยันว่า เป็นการแก้ปัญหาภายในประเทศ ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งเกี่ยวและขึ้นมาเป็นคู่ต่อรองกับเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะต้องตัดสินใจ
ต่อมา เวลา 13.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางไปที่มัสยิดกลางจังหวัดยะลา อำเภอเมืองจังหวัดยะลา โดยมีนายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา และผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดยะลาให้การต้อนรับ และร่วมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวพูดคุยกับคณะผู้นำศาสนาว่า การจะแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องใช้ความร่วมมือจากจากทุกภาคส่วน โดยจะใช้ประชาชนเป็นหลักและใช้วิธีพูดคุยอย่างสันติวิธี ซึ่งในมิติของแต่ละศาสนานั้นมีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้วอาจจะแตกต่างทางด้านภาษา แต่ก็ไม่ใช้ปัญหาเพราะเราสามารถเรียนรู้กันได้ การสร้างความเข้มแข็งในชุมชนโดยใช้ผู้นำชุมชนเป็นหลักในการขับเคลื่อน และเมื่อทุกองค์กรมีความร่วมมือและพร้อมที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ร่วมกันให้ภาคใต้มีแต่ความสงบสุขภายใต้ความรักความสามัคคี ธำรงอยู่ภายใต้ความหลากหลาย อีกทั้งได้เน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัย ช่วยกันดูแลกันและกัน ร่วมพัฒนาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สงบสุขโดยเร็ว นอกจากนี้ได้พร้อมมอบทุนและอุปกรณ์ทาสีปรับปรุงมัสยิด อีกด้วย
ด้านนายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา กล่าวชื่นชมในความตั้งใจในการที่จะแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความสงบสุขโดยเร็ว และการลงมาตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ทางคณะกรรมการและผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดยะลามีความยินดีที่ให้ความร่วมมือกับทางราชการ โดยจะได้รับความร่วมมือกับหน่วยเฉพาะกิจยะลา และการใช้มิติทางศาสนาในการสร้างความรักความเข้าใจลบความขัดแย้งและสร้างสังคมให้เกิดสันติสุขด้วยการนำหลักทางศาสนาที่ถูกต้อง และร่วมกันใช้มาตรการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการจัดโครงการดะวะห์สัญจรและมัสยิดสานใจป้องกันภัยยาเสพติด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางคณะกรรมการและผู้นำศาสนาจะได้รับคำแนะนำและการสนับสนุนอันจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการที่จะช่วยกันเสริมสร้างความสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดขึ้นในเร็ววัน.
ขอขอบคุณภาพ/ข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
ผู้บัญชาการทหารบกลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตรวจเยี่ยมกำลังพล พร้อมติดตามผลการปฏิบัติงานในพื้นที่
10 เมษายน เวลา 10.00 น. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่ พร้อมมอบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติงาน โดยมี พลโทสกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาค 4, เจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดยะลา, ปัตตานี, นราธิวาส, และสงขลา โดยการประชุมในครั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบนโยบายในการปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมรับฟังผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ และสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เดินทางต่อไปยังมัสยิดกลางจังหวัดยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เพื่อไปเยี่ยมและพบปะกับผู้นำศาสนา ร่วมหารือแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงต่อไป
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า เป็นการเดินทางลงมาตรวจเยี่ยมตามวงรอบการปฏิบัติงาน และตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เพื่อมากำกับดูแลการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และการประสานการปฏิบัติกับทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ทั้งทางผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่ายตำรวจประจำพื้นที่ทั้งหมด ว่าจะมีแนวทางใดที่จะสามารถลดเหตุร้ายรายวันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมือง จะทำอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ในช่วงที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์รุนแรงหลายครั้งถึงแม้ว่าจะไม่มีรุนแรงมากนักก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่ายังคงมีช่องว่างในบางพื้นที่ บางเวลา ซึ่งจุดนี้ก็ต้องมีการหารือกันเพื่อรับทราบถึงปัญหาของหน่วยปฏิบัติ นอกจากนี้ ยังต้องการให้ประชาชนมีความเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานตามกฎหมายเป็นหลัก และจะไม่ให้ค่าความสำคัญกับใครทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ปฏิบัติผิดกฎหมาย ก็จำเป็นต้องถูกดำเนินคดี แม้จะมีการพูดคุยเจรจา แต่ฝ่ายความมั่นคงยืนยันจะปฏิบัติตามกฎหมาย ในส่วนของผู้ใดก็ตามที่มุ่งหวังจะพูดคุยหารือ ก็ขอให้ไปพูดคุยกับคณะที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ว่าต้องการให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างไรจึงจะทำให้เหตุการณ์สงบได้ เราคงจะต้องแบ่งแยกการปฏิบัติงานให้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจต่อผู้ปฏิบัติกันเอง อีกประการหนึ่งคือ ไม่อยากให้เป็นการยกระดับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขึ้นมาและในส่วนของเรา ยังคงต้องเน้นย้ำและกำชับในเรื่องของยาเสพติดและขบวนการผิดกฎหมายที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการต่อผู้ก่อเหตุ เรายังคงใช้กฎหมายเป็นหลักในการดำเนินการเช่นเดิม เว้นแต่เพียงว่า จะทำได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่มานาน ซึ่งบางครั้งความระมัดระวังอาจจะผ่อนคลายลงไป แต่ขอให้เห็นใจคนทำงาน ที่ต้องทำงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง อาจจะมีความเครียดและปัญหาต่างๆที่นอกเหนือจากปัญหาความมั่นคงได้แทรกเข้ามา ซึ่งปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น มีวิธีการแก้ไข ๒ ทาง คือ ความจริงจัง, ความเข้มงวด และการเสียสละของเจ้าหน้าที่ อีกส่วนหนึ่งคือ ความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจุดนี้ ก็น่าเห็นใจเช่นกัน เพราะประชาชนอยู่ท่ามกลางสองฝ่ายคือฝ่ายของรัฐ และฝ่ายผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย โดยส่วนตัวคิดว่าทุกคนต้องการให้เหตุการณ์รุนแรงต่างๆได้ยุติ เพราฉะนั้นแล้วคนที่รู้เรื่องราว, ข้อมูลต่างๆและต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐ และทางเรายืนยันจะให้ความดูแลเป็นพิเศษ จะได้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะหากเราไปคาดหวังมาตรการใดมาตรการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ไม่มีทางสำเร็จได้อยู่แล้ว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากหลายๆมิติทับซ้อนกัน และมาจากปัจจัยแวดล้อมที่ต่างกัน ประเด็นสำคัญคือมีเรื่องของศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ ยังขอยืนยันว่า เป็นการแก้ปัญหาภายในประเทศ ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งเกี่ยวและขึ้นมาเป็นคู่ต่อรองกับเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะต้องตัดสินใจ
ต่อมา เวลา 13.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางไปที่มัสยิดกลางจังหวัดยะลา อำเภอเมืองจังหวัดยะลา โดยมีนายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา และผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดยะลาให้การต้อนรับ และร่วมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวพูดคุยกับคณะผู้นำศาสนาว่า การจะแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องใช้ความร่วมมือจากจากทุกภาคส่วน โดยจะใช้ประชาชนเป็นหลักและใช้วิธีพูดคุยอย่างสันติวิธี ซึ่งในมิติของแต่ละศาสนานั้นมีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้วอาจจะแตกต่างทางด้านภาษา แต่ก็ไม่ใช้ปัญหาเพราะเราสามารถเรียนรู้กันได้ การสร้างความเข้มแข็งในชุมชนโดยใช้ผู้นำชุมชนเป็นหลักในการขับเคลื่อน และเมื่อทุกองค์กรมีความร่วมมือและพร้อมที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ร่วมกันให้ภาคใต้มีแต่ความสงบสุขภายใต้ความรักความสามัคคี ธำรงอยู่ภายใต้ความหลากหลาย อีกทั้งได้เน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัย ช่วยกันดูแลกันและกัน ร่วมพัฒนาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สงบสุขโดยเร็ว นอกจากนี้ได้พร้อมมอบทุนและอุปกรณ์ทาสีปรับปรุงมัสยิด
อีกด้วย
ด้านนายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา กล่าวชื่นชมในความตั้งใจในการที่จะแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความสงบสุขโดยเร็ว และการลงมาตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ทางคณะกรรมการและผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดยะลามีความยินดีที่ให้ความร่วมมือกับทางราชการ โดยจะได้รับความร่วมมือกับหน่วยเฉพาะกิจยะลา และการใช้มิติทางศาสนาในการสร้างความรักความเข้าใจลบความขัดแย้งและสร้างสังคมให้เกิดสันติสุขด้วยการนำหลักทางศาสนาที่ถูกต้อง และร่วมกันใช้มาตรการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการจัดโครงการดะวะห์สัญจรและมัสยิดสานใจป้องกันภัยยาเสพติด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางคณะกรรมการและผู้นำศาสนาจะได้รับคำแนะนำและการสนับสนุนอันจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการที่จะช่วยกันเสริมสร้างความสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดขึ้นในเร็ววัน.
ขอขอบคุณภาพ/ข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
There is no related posts.