ค่ำวันที่ 18 พ.ย.60 อำเภอศีขรภูมิ ร่วมกับเทศบาลตำบลศีขรภูมิ จัดให้มีการแสดง แสง เสียง สืบสานตำนานพันปีปราสาทศีขรภูมิ ชุด ” ศีขรินทราเทวาลัย มนต์ไผทพุทธานุภาพ ” ซึ่งเป็นการจัดงานขึ้นเป็นประจำทุกปีของเดือน พ.ย. ซึ่งตรงกับงานช้างของจังหวัดสุรินทร์ ปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 17-18 พ.ย.60 วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์และเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป โดยมีนายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงาน
ทั้งนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยจากทั่วประเทศพากันมาชมองค์ปราสาท ซึ่งมีอายุมากกว่า 1 พันปี ในยุคสมัยขอมเรืองอำนาจ และจำหน่ายของฝากของที่ระลึกของดีศีขรภูมิภายในงานอีกด้วย โดยปีนี้ถือว่าจัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี มีขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง จำลองวิถีชีวิตกลุ่มชุมชนชาวเขมร ลาว กุย และ จีน มีพิธีบวงสรวงองค์ปราสาทศีขรภูมิ จัดนิทรรศการแสดงวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชุมชนชาวพื้นเมืองดั้งเดิม มีการแสดงจากสถานศึกษาต่างๆ ในเขตเทศบาล การแสดงดนตรีไทยไฮไลท์ของงานคือ การแสดงประกอบ แสง สี เสียง ที่ยิ่งใหญ่อลังการ ในปีนี้มีชื่อว่า ชุด “ศีขรินทราเทวาลัย มนต์ไผทพุทธานุภาพ” ใช้นักแสดงกว่า 100 คน ซึ่งได้รับการกล่าวขานจากผู้ที่เข้าชมงานว่ามีความอ่อนช้อยและสวยงามเหมือนนางรำในยุคสมัยนั้น มาแสดงให้ชม ปราสาทศีขรภูมิหรือปราสาทบ้านระแงง ตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ ห่างจากตัวเมืองจังหวัดสุรินทร์ประมาณ 34 กิโลเมตร ถนนสุรินทร์-ศรีสะเกษ มีลักษณะเป็นปรางค์หมู่ 5 องค์ เป็นปราสาทก่ออิฐไม่สอปูนตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน โดยตัวฐานก่อด้วยศิลาแลง กว้าง 25 เมตร ยาว 26 เมตร สูง 1.5 เมตร โดยมีคูน้ำกว้าง 125 เมตร ล้อมรอบสามด้าน โดยเว้นด้านตะวันออกอันเป็นทางเข้าไว้ ปรางค์ประธานสูงประมาณ 32 เมตร ทับหลังเป็นภาพพระศิวนาฏราชสิบกร ทรงฟ้อนรำอยู่เหนือเกียรติมุข ภายใต้วงโค้งลายท่อนมาลัย ซึ่งสลักเป็นภาพพระคเณศ พระพรหม พระวิษณุ และพระอุมา โดยทับหลังชิ้นนี้นับเป็นทับหลังที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดชิ้นหนึ่งของเมืองไทย บริเวณเสากรอบประตูสลักเป็นรูปนางอัปสรถือดอกบัว และทวารบาลยืนกุมกระบอง ซึ่งนางอัปสราที่ปราสาทศีขรภูมินี้มีลักษณะคล้ายกับนางอัปสราที่ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา ซึ่งไม่พบที่ปราสาทศิลปะเขมรโบราณแห่งใดอีกเลยในประเทศไทย พบที่ปราสาทศีขรภูมิเพียงแห่งเดียวเท่านั้นส่วนปรางค์บริเวณทับหลัง 2 ชิ้น ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย เป็นภาพกฤษณอวตารทั้ง 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นภาพกฤษณะฆ่าช้างและราชสีห์ ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นภาพกฤษณะฆ่าราชสีห์ มีลักษณะปนกันระหว่างศิลปะขอมแบบปาปวน (1550-1650) และแบบนครวัด (1650-1700) ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษต้นสมัยนครวัด สร้างขึ้นในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณปฏิสังขรณ์ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 ในสมัยอยุธยาตอนปลาย
ซึ่งการแสดงในครั้งนี้ ได้ร้อยเรียงเรื่องราว ปราสาทศีขรภูมิ ตั้งแต่ยุคแรกของการก่อสร้าง ในศาสนาฮินดู เชิดชู นางอัปสรา จำหลักองค์เดียว ในปราสาทขอม ที่มีในประเทศไทยของเรา มาถึงยุคของ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งปราสาทศีขรภูมิแห่งนี้เป็นศูนย์กลางในการส่งสมุนไพร และพิธีกรรมต่างๆทางพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน ก้าวสู่ยุคลานช้าง มีการจารึกอักษรธรรม ในองค์ปราสาท เล่าถึงการบูรณะ องค์ปราสาท ให้เป็นวัฒนธรรมลาว เพื่อส่งเสริมให้เป็นพระพุทธศนาสนา นิกายเถระวาท จากเปลี่ยนอิทธิพลลานช้าง มาสู่อิทธิพลของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งปราสาทศีขรภูมิได้ปรับปรุงมาเป็นวัด และมีเจ้าเมือง มาปกครอง และเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกูย ชาวลาว และชาวเขมร อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทำให้สามารถรักษาองค์ปราสาทศีขรภูมิเอาไว้ได้อย่างยั่งยืนตลอดไป และคงอยู่คู่ประเทศไทย.
ประนนท์ ไม้หอม / ส.ปชส.สุรินทร์/รายงาน
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
July 18, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
สุดอลังการการแสดง แสง เสียง สืบสานตำนานพันปีปราสาทศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ชุด ” ศีขรินทราเทวาลัย มนต์ไผทพุทธานุภาพ”
ค่ำวันที่ 18 พ.ย.60 อำเภอศีขรภูมิ ร่วมกับเทศบาลตำบลศีขรภูมิ จัดให้มีการแสดง แสง เสียง สืบสานตำนานพันปีปราสาทศีขรภูมิ ชุด ” ศีขรินทราเทวาลัย มนต์ไผทพุทธานุภาพ ” ซึ่งเป็นการจัดงานขึ้นเป็นประจำทุกปีของเดือน พ.ย. ซึ่งตรงกับงานช้างของจังหวัดสุรินทร์ ปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 17-18 พ.ย.60 วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์และเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป โดยมีนายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงาน
ทั้งนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยจากทั่วประเทศพากันมาชมองค์ปราสาท ซึ่งมีอายุมากกว่า 1 พันปี ในยุคสมัยขอมเรืองอำนาจ และจำหน่ายของฝากของที่ระลึกของดีศีขรภูมิภายในงานอีกด้วย โดยปีนี้ถือว่าจัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี มีขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง จำลองวิถีชีวิตกลุ่มชุมชนชาวเขมร ลาว กุย และ จีน มีพิธีบวงสรวงองค์ปราสาทศีขรภูมิ จัดนิทรรศการแสดงวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชุมชนชาวพื้นเมืองดั้งเดิม มีการแสดงจากสถานศึกษาต่างๆ ในเขตเทศบาล การแสดงดนตรีไทยไฮไลท์ของงานคือ การแสดงประกอบ แสง สี เสียง ที่ยิ่งใหญ่อลังการ ในปีนี้มีชื่อว่า ชุด “ศีขรินทราเทวาลัย มนต์ไผทพุทธานุภาพ” ใช้นักแสดงกว่า 100 คน ซึ่งได้รับการกล่าวขานจากผู้ที่เข้าชมงานว่ามีความอ่อนช้อยและสวยงามเหมือนนางรำในยุคสมัยนั้น มาแสดงให้ชม
ปราสาทศีขรภูมิหรือปราสาทบ้านระแงง ตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ ห่างจากตัวเมืองจังหวัดสุรินทร์ประมาณ 34 กิโลเมตร ถนนสุรินทร์-ศรีสะเกษ มีลักษณะเป็นปรางค์หมู่ 5 องค์ เป็นปราสาทก่ออิฐไม่สอปูนตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน โดยตัวฐานก่อด้วยศิลาแลง กว้าง 25 เมตร ยาว 26 เมตร สูง 1.5 เมตร โดยมีคูน้ำกว้าง 125 เมตร ล้อมรอบสามด้าน โดยเว้นด้านตะวันออกอันเป็นทางเข้าไว้ ปรางค์ประธานสูงประมาณ 32 เมตร ทับหลังเป็นภาพพระศิวนาฏราชสิบกร ทรงฟ้อนรำอยู่เหนือเกียรติมุข ภายใต้วงโค้งลายท่อนมาลัย ซึ่งสลักเป็นภาพพระคเณศ พระพรหม พระวิษณุ และพระอุมา โดยทับหลังชิ้นนี้นับเป็นทับหลังที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดชิ้นหนึ่งของเมืองไทย บริเวณเสากรอบประตูสลักเป็นรูปนางอัปสรถือดอกบัว และทวารบาลยืนกุมกระบอง ซึ่งนางอัปสราที่ปราสาทศีขรภูมินี้มีลักษณะคล้ายกับนางอัปสราที่ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา ซึ่งไม่พบที่ปราสาทศิลปะเขมรโบราณแห่งใดอีกเลยในประเทศไทย พบที่ปราสาทศีขรภูมิเพียงแห่งเดียวเท่านั้นส่วนปรางค์บริเวณทับหลัง 2 ชิ้น ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย เป็นภาพกฤษณอวตารทั้ง 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นภาพกฤษณะฆ่าช้างและราชสีห์ ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นภาพกฤษณะฆ่าราชสีห์ มีลักษณะปนกันระหว่างศิลปะขอมแบบปาปวน (1550-1650) และแบบนครวัด (1650-1700) ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษต้นสมัยนครวัด สร้างขึ้นในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณปฏิสังขรณ์ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 ในสมัยอยุธยาตอนปลาย
ซึ่งการแสดงในครั้งนี้ ได้ร้อยเรียงเรื่องราว ปราสาทศีขรภูมิ ตั้งแต่ยุคแรกของการก่อสร้าง ในศาสนาฮินดู เชิดชู นางอัปสรา จำหลักองค์เดียว ในปราสาทขอม ที่มีในประเทศไทยของเรา มาถึงยุคของ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งปราสาทศีขรภูมิแห่งนี้เป็นศูนย์กลางในการส่งสมุนไพร และพิธีกรรมต่างๆทางพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน ก้าวสู่ยุคลานช้าง มีการจารึกอักษรธรรม ในองค์ปราสาท เล่าถึงการบูรณะ องค์ปราสาท ให้เป็นวัฒนธรรมลาว เพื่อส่งเสริมให้เป็นพระพุทธศนาสนา นิกายเถระวาท จากเปลี่ยนอิทธิพลลานช้าง มาสู่อิทธิพลของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งปราสาทศีขรภูมิได้ปรับปรุงมาเป็นวัด และมีเจ้าเมือง มาปกครอง และเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกูย ชาวลาว และชาวเขมร อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทำให้สามารถรักษาองค์ปราสาทศีขรภูมิเอาไว้ได้อย่างยั่งยืนตลอดไป และคงอยู่คู่ประเทศไทย.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด ต้อนรับคณะอาจารย์และนักศึกษา ม.วลัยลักษณ์ ศึกษาดูงานด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
July 18, 2025
OR เปิดศูนย์การเรียนรู้ “Together รักษ์ แอท ท่าเสา” ขับเคลื่อนชุมชนด้วยพลังความร่วมมืออย่างยั่งยืน
July 18, 2025
บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด ต้อนรับคณะวิทยาลัยการปกครอง ศึกษาดูงานการผลิตพลังงานเพื่อชุมชน
July 18, 2025
บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด สานต่อ โครงการ ส่งเสริมทักษะภาษาอังกฤษ “Khanom ...
July 18, 2025