หลังจากมีผู้ป่วยมะเร็ง หลายพันคน เดินทางหลั่งไหลมาที่บ้าน นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ “หมอแสง” อยู่ที่ ต.บางเดชะ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เพื่อมารอรับยา รักษาโรคมะเร็งฟรี จาก “หมอแสง” เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า หลายคนรักษาแล้วหาย แต่ก็มีบางคนกินยาของ “หมอแสง” แล้วอาการทรุดลง จนเสียชีวิต

นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ “หมอแสง”

ล่าสุด วันที่  5 ต.ค. 60  ทีมข่าวเดินทางมาพบ นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ “หมอแสง” ได้ออกมายืนยันว่า ที่ผ่านมา กว่า 10 ปี ขณะที่แจกยาสมุนไพรชนิดนี้ ไม่เคยบอกให้ผู้ป่วย หยุดรักษากับแพทย์ปัจจุบัน เนื่องจากยาของตนเอง เป็นเพียงสมุนไพรทางเลือก ใครที่อาการหนัก รักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน อาการไม่ดีขึ้น ตนก็จะแบ่งปันสมุนไพรนี้ให้ไปกิน

ส่วนตัวไม่อยากให้มากันเยอะ เพราะตนเองรับมือไม่ไหว ปรุงยาแจกจ่ายไม่ทัน ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครมาร้องเรียนว่า ใช้ยาแล้วมีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ป้องกันปัญหาที่อาจตามมา ตนจึงให้ผู้ป่วย ไปลงบันทึกประจำวันว่า ยินยอมมารับยาไปกินเอง โดยไม่เอาผิดหากเป็นอะไรหลังจากนี้

“หมอแสง” เปิดใจอีกว่า ยาที่แจกเป็นสมุนไพรทางเลือก คือการแบ่งปันให้คนหมดหนทาง หรือเป็นทางสุดท้ายสำหรับคนใกล้ตาย โดยส่วนประกอบล้วนมีอยู่ในตำรายา เพียงนำมาผสมรวมกัน บรรจุลงในแคปซูล

พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยโฆษณากินยาแล้วจะหาย ไม่เคยตรวจร่างกายให้ใคร เพียงแค่แจกยาให้ฟรี แต่แพทย์ตรวจเจอเองว่า เชื้อมะเร็งในตัวผู้ป่วยหายไป

ทางด้าน พ.ต.อ.ประสาน แก้วมหาสุริวงษ์ ผกก. สภ.เมืองปราจีนบุรี ชี้แจงว่า กรณีเก็บเงินค่าลงบันทึกประจำวัน คนละ 20 บาท เจ้าหน้าที่ไม่ได้เรียกเก็บ แต่เป็นเหมือนน้ำใจของคนที่มาลงบันทึกประจำวัน ปกติแล้วโรงพักบริการฟรี ส่วนเงินที่ได้รับบริจาคมานั้น จะนำไปสนับสนุน งบประมาณของเจ้าหน้า เป็นค่าอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำงานของโรงพัก

โดยปัจจุบันมีคนเข้ามารับยา “หมอแสง” เป็นจำนวนมาก จึงเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก ให้กับพี่น้องประชาชน

นางวราภรณ์ ถาวรเจริญ อายุ 54 ปี

ขณะเดียวกัน นางวราภรณ์ ถาวรเจริญ อายุ 54 ปี เปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัวว่า เมื่อปลายปี 2559 ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะ 3-4 ขนาดความยาวลำไส้ ถูกมะเร็งทำลายประมาณ 16 เซนติเมตร ได้แต่ทำใจ คิดว่าอีกไม่นานคงเสียชีวิต

ระหว่างที่รอเข้ารับผ่าตัดมีเพื่อนมาบอกว่า “ไม่รู้หรอ หมอแสงเขาแจกยา” แล้วนำยามาให้ 24 เม็ด เผย ตนเองเห็นว่าไหนๆ ก็ใกล้ตาย จึงทดลองกินยา “หมอแสง” ทั้งหมดใน 1 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด

เมื่อถึงวันนัดผ่าตัด ผลตรวจผลออกมา หมอบอกว่า มะเร็งที่ลำไส้ใหญ่นั้นแห้งแล้ว จะผ่าตัดหรือไม่ ตนเองไม่อยากให้มะเร็งอยู่ในตัว จึงบอกหมอว่าจะผ่าตัด เพราะคิดว่า ตัดก็ตาย ไม่ตัดก็ตาย

เอกสารผลตรวจร่างกาย

หลังจากผ่าตัดตน ก็ไปต่อคิวรับยา “หมอแสง” มากินตลอด คิดไว้ว่าจะกินให้ครบ 1 ปี เพราะกลัวมะเร็งกลับมาอีก ตั้งแต่กินยาหมอแสง มะเร็งในเลือดก็ไม่มีแล้ว ทุกวันนี้ตนก็ยังไปรับยามากน จน “หมอแสง” พูดกับตนว่า “มึงมันหายแล้ว จะมารับอีกทำไม เอาไปกินเอง หรือเอาไปขาย”

นางวราภรณ์ ยอมรับว่า ถ้าเปรียบ “หมอแสง” ก็เหมือนเทวดา ที่ช่วยเหลือคนที่จะตายแล้ว เหมือนพระมาโปรด “หมอแสง” เป็นคนปากเสีย แต่ใจดี และไม่เคยเรียกรับเงินแม่แต่บาทเดียว จะมีเพียงตต้องเสียเงิน 150 บาท ในการทำบัตรคีย์การ์ด เพื่อแสดงตน ในการรับยา.

สำนักข่าวบ้านข่าว  รายงาน