มาแล้วจ้า!…สำหรับคนที่ชอบเที่ยวราคาถูก ก็ต้องจัดทริปตอนนี้เลย ช่วงฤดูฝนนี่แหละเป็นช่วงเวลาแห่งการเที่ยวแบบกระเป๋าตังก์ไม่ฉีก เพราะที่พัก ตั๋วเครื่องบินแข่งกันออกโปรโมชั่นเป็นว่าเล่น เพราะเป็นช่วงเวลาของโลว์ซีซัน ใครบอกหรอว่า เที่ยวฤดูฝนไม่สนุก ขอเถียง! เพราะการเที่ยวหน้าฝนก็มีเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในฤดูอื่นๆ ทั้งความสดชื่น กลิ่นไอดินหลังฝนตก กลิ่นความชุ่มชื่นของต้นหญ้า หรือแม้แต่เสียงของฝนที่ตกลงมากระทบพื้นดินก็ทำให้เกิดความโรแมนติกได้เช่นกัน แล้วที่ไหนละที่เหมาะกับที่เที่ยวในฤดูฝน วันนี้เรามีมามาฝากให้คุณตามไปเก็บเที่ยวให้ครบทุกที่ก่อนหมดฤดูฝน

1.อุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี

เขาสกหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พิกัดที่ตั้งเปิดดูได้ >> แผนที่ โดดเด่นด้วยหินผาที่ขึ้นอยู่กลางน้ำ สวยงามจนได้รับฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะชอบไปนอนแพ พายเรือคายัคกัน จริงๆ แล้วที่นี่เที่ยวช่วงไหนก็ได้เพลิดเพลินได้ตลอดทั้ง แต่หากไปเที่ยวในช่วงฤดูฝนก็จะมีความพิเศษ ตรงที่จะได้เห็นหมอกหลังฝนตกปกคลุมยอดเขาที่ล้อมรอบเขื่อนแห่งนี้ เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจมากๆ ซึ่งเขื่อนเชี่ยวหลานหรือเขาสกมีที่พักมากมาย แบบนอนชิดติดน้ำกันเลยเรียกได้ว่าสัมผัสกับธรรมชาติได้เต็มที่ สนใจจองที่พักย่านเขาสก สามารถจองได้กับ Traveloka ได้ ที่นี่

2. ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของทะเลหมอกอยู่แล้ว สำหรับ “ภูทับเบิก” แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะชอบมาฤดูหนาวการที่เราได้เห็นวิวแบบชัดๆ ก็มีน้อยเพราะต้องไปแย่งกันดู แต่ในช่วงฤดูฝนคนไม่ค่อยมากเท่าไรเป็นโอกาสของเราที่จะได้เห็นวิวสวยๆ อย่างเต็มที่ ในฤดูฝนที่ภูทับเบิกก็อากาศดีไม่แพ้กัน ความเขียวชะอุ่มของต้นไม้มีให้เห็นของ 2 ฝั่งทางขึ้นเขา บางครั้งขึ้นไปจังหวะดีได้เห็นทะเลหมอกและแสงของพระอาทิตย์ยามเช้าด้วย หากใครขับรถยนต์ส่วนตัวมาต้องระมัดระวังด้วย เพราะถนนช่วงฤดูฝนค่อนข้างลื่น และถนนโค้งเยอะ ทางลาดชัน หากไม่ชำนาญในการขับรถไม่แนะนำให้นำรถมาเอง สนใจจองที่พักภูทับเบิก สามารถจองได้กับ Traveloka ได้ ที่นี่

3. วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

เป็นอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูฝน “วังน้ำเขียว” ที่ๆ เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ภูเขา ป่าไม้ ทำให้อากาศของที่นี่บริสุทธิ์สูดลมหายใจได้อย่างเต็มปอด ได้รับความสดชื่น และความผ่อนคลายกันอย่างเต็มที่ มีจุดชมวิวให้ดูพระอาทิตย์จกดินหรือแม้แต่ทะเลหมอกหลายจุดอีกด้วย ที่สำคัญเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อย่างวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็พาครอบครัวไปพักผ่อนกันแบบยกแก๊งค์ได้เลย นอกจากนี้ยังมีที่พักวังน้ำเขียวมากมายให้เลือกแต่ละที่ก็ได้สัมผัสกับธรรมชาติทั้งนั้น ซึ่งสามารถจองที่พักกับ Traveloka ได้ ที่นี่

4. สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

“สวนผึ้ง” เป็นแหล่งเที่ยวที่ครบครันอีกแห่งหนึ่งใกล้กรุงเทพฯ คนส่วนมากชอบคิดว่า ไปเที่ยวสวนผึ้งต้องไปช่วงฤดูหนาวสิ อากาศดีๆ เย็นๆ ท่ามกลางขุนเขาป่าไพร แต่หารู้ไม่ ในช่วงฤดูฝนนี่แหละก็พาฟินได้ไม่แพ้กัน ยิ่งหลังฝนตกใหม่ๆ คุณเอ๋ยความสดชื่นมาเต็มมาก ดินอาจเฉอะแฉะแต่กลิ่นของดินทำให้เราผ่อนคลายได้ ยิ่งถ้าได้ไปเที่ยวที่เขากระโจมจะได้เห็นทะเลหมอกแบบสวยๆ แบบไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือ การไปเที่ยวสวนผึ้งถึงแม้ว่าการเดินทางไม่ไกลมากแต่แนะนำว่าให้พักค้างสักคืน หรือ2 คืน จะได้สัมผัสอากศที่สดชื่นแบบเต็มอิ่มไปเลย สามารถจองที่พักสวนผึ้งกับ Traveloka ได้ที่นี่

5. แก่งหินเพิง เขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี

หากคุณรักความท้าทายชอบท่องเที่ยวแบบความตื่นเต้น พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ต้องมาที่ “แก่งหินเพิง” จังหวัดปราจีนบุรี มาล่องแก่งเรียกความตื่นตัวกันให้สนุกสุดเหวี่ยง หลังจากฝนแรกที่ตกลงมาผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ งแก่งหินเพิงจะมีน้ำเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวสายบู๊อย่างล้นหลาม จากน้ำที่แห้งขอดก็กลับมามีความจะเชี่ยวเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ทำให้การล่องแก่งมันและเร้าใจเป็นอย่างมาก คำเตือน! ที่ควรทำตาม ถึงแม้ว่าการล่องแก่งหินเพิง จะปลอดภัยก็ตาม แต่คนเล่นควรใส่เสื้อชูชีพและอย่าประมาทกรุณาทำตามกฎของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดกันด้วยนะ นอกจากนี้จังหวัดปราจีนบุรียังมีที่พักรองรับนักท่องเที่ยวมากมายเลยทีเดียว โดยเช็คราคาและจองที่พักปราจีนบุรีกับ Traveloka ได้ที่นี่

ในความเปียก (ฝน) นั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวงดงามรอเราอยู่เป็นจำนวนมาก บางสถานที่ควรเที่ยวช่วงฤดูฝนเท่านั้นด้วยซ้ำ อย่าคิดว่า ฤดูฝนหน้าเบื่อ ฤดูแห่งความเหงา อยากให้ลองมองในมุมใหม่ๆ ถึงแม้ฝนตกอาจทำให้รู้สึกเหงา แต่ถ้าได้ลองเปิดใจ เปิดคอมฯ จองที่พักล่วงหน้ากับ Traveloka จะเจอกับที่พักราคาถูกกว่าใคร จากนั้นก็เพียงแค่เปิดประตูออกจากบ้าน แล้วไปเที่ยวในแบบที่เราชอบ ความเหงาในฤดูฝนจะหายไปมีแต่ความสดชื่น ความบันเทิงเข้ามาแทนที่…รีบไปเที่ยวก่อนฤดูฝนจะหมดไป.