สถานการณ์โลกโดยเฉพาะที่คาบสมุทรเกาหลีกำลังตึงเครียด หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มแสดงท่าทีไม่อยากใช้ไม้อ่อนอย่างการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษเกาหลีเหนือ ที่ยังคงสานต่อความทะเยอทะยานในโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ฝ่าฝืนมติสหประชาชาติและไม่สนเสียงเตือนของนานาประเทศ อีกต่อไป
ทั้งการขู่ว่า การใช้กำลังทหารเป็นหนึ่งในเรื่องที่พวกเขากำลังพิจารณาก็ดี หรือการส่งกองเรือรบนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือดำน้ำไปยังคาบสมุทรเกาหลีก็ดี ยิ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะเกิดสงครามขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้หรือไม่ แม้หากคิดตามหลักเหตุผลแล้ว ทรัมป์ ไม่น่าที่จะเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือจริงๆ ก็ตาม แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ ทำให้อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน
แต่ในกรณีที่เกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าใครก็คงเดาได้ว่า สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่ลงทุนงบประมาณทางทหารมากที่สุดในโลก ชนิดที่งบประมาณกองทัพของ 9 ในจาก 10 ประเทศอันดับท็อปรวมกันยังไม่เท่าสหรัฐฯ เลย แล้วเกาหลีเหนือจะเอาอะไรไปสู้ ซึ่งในวันนี้ไทยรัฐออนไลน์ จะพาท่านผู้อ่านไปดูว่า กองทัพเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ดีอะไรบ้าง
กองทัพเกาหลีเหนือ
กองทัพเกาหลีเหนือมีชื่อว่า กองทัพประชาชนเกาหลี (เคพีเอ) มี คิม จอง-อึน เป็นผู้บัญชาการสูงสุดและประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง แบ่งออกเป็น 4 เหล่าทัพคือ กองทัพบก, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ, กองทัพยุทธศาสตร์ขีปนาวุธ มีทหารประจำการทั้งสิ้นประมาณ 1,190,000 นาย มากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน, สหรัฐอเมริกา และอินเดีย แต่ยังมี กองกำลังเรดการ์ด (Red Guards) กองกำลังกึ่งทหาร ที่มีกำลังพลมากสุดในโลกที่ 5,889,000 คน หรือเกิน 20% ของประชากรทั้งประเทศ
ตามรายงานประจำเป็นเกี่ยวกับขีดความสามารถทางทหารเกาหลีเหนือของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพบกของเกาหลีเหนือมีรถถัง 4,200 คัน, รถหุ้มเกราะ 2,200 คัน, ปืนใหญ่ 8,600 กระบอก, ปืนครกประมาณ 10,000 กระบอก และเครื่องยิงจรวดแบบหลายลำกล้องอีกมากกว่า 4,800 เครื่อง
ปัจจุบัน เกาหลีเหนือมีรถถังหลักในครอบครองนับสิบรุ่น โดยส่วนใหญ่ผลิตโดยอดีตสหภาพโซเวียตและจีน เช่นรุ่น ไทป์ 59 และ ที-55 ที่มีประจำการกว่า 2,000 คัน แต่ก็มีรถถังหลักที่ดัดแปลงและพัฒนาเองเช่นรถถัง ชอนมา-โฮ ซึ่งผลิตมาประมาณ 1,000 คัน และรถถัง ป็อคปุง-โฮ ซึ่งใช้งานจนถึงปี 2010 นอกจากนี้ ยังมีรถถังเบาอีกอย่างน้อย 3 รุ่น คือ พีที-76, ไทป์ 63 และ พีที-85 กองทัพบกยังมีอาวุธต่อต้านรถถังและอากาศยานอีกหลายรุ่น เช่น เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 2, อาร์พีจี 7, มิซไซล์นำวิถึต่อต้านรถถึง เอที-1 ถึง เอที-5 และเอที-7, ปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยาน ซีเอสยู-57-2 เป็นต้น แต่ไม่มีใครทราบจำนวนที่แน่ชัด
ส่วนกองทัพเรือ ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาในปี 2008 กองทัพเรือเกาหลีเหนือมีเรือประมาณ 810 ลำ แบ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกหลากหลายประเภทจำนวน 456 ลำ เรือฟริเกต 3 ลำ, เรือคอร์เวตต์ 4 ลำ, เรือต่อต้านทุ่นระเบิด 30 ลำ, เรือเร็วโจมตีติดตั้งมิสไซล์ต่อต้านเรือรบ 30 ลำ, เรือตอร์ปิโด 247 ลำ และเรือลาดตระเวนอีก 191 ลำ เกาหลีเหนือยังมีเรือดำน้ำอีกประมาณ 70 ลำ เป็น เรือดำน้ำชั้นโรมีโอ (หนัก 1,800 ตัน) 20 ลำ, เรือดำน้ำชั้น ซัง-โอ (300 ตัน) 40 ลด และเรือดำน้ำขนาดเล็กหนักราว 100 ตัน อีก 10 ลำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดอุบัติเหตุระหว่างการซ้อมรบในทะเลญี่ปุ่นเมื่อปี 2013 เกาหลีเหนือก็พยายามพัฒนาแสนยานุภาพทางทะเลของพวกเขา โดยหลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียมต่างๆ จนถึงตอนนี้ แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือมีเรือชั้นใหม่ๆ ปรากฏออกมามากมาย แต่ไม่มีการยืนยันจากทางรัฐบาลเปียงยาง ขณะที่เกาหลีใต้ ซึ่งยังคงอยู่ในภาวะสงครามกับเกาหลีเหนือ ระบุว่า ประเทศปิดแห่งนี้ได้สร้างเรือยกพลขึ้นบกความเร็วสูงชื่อว่า วีเอสวี (Very Slender Vessel) ขึ้นมา โดยมีความเร็วสูงถึง 96 กม./ชม.
ยิ่งกว่านั้น เกาหลีเหนือยังอัพเกรดอาวุธบนเรือของพวกเขา เช่นในปี 2014 รัฐบาลเปียงยางเผยแพร่วิดีโอการยิงจรวดร่อน เคเอช-35 ของรัสเซีย จากเรือลาดตระเวณ เอสอีเอส ของพวกเขาด้วย ในปีเดียวกัน ภาพถ่ายดาวเทียมยังเผยให้เห็นเรือดำน้ำชั้น นงโก ที่มีความยาวถึง 67 ม. ยาวที่สุดที่เกาหลีเหนือเคยสร้างขึ้นมา เรือลำนี้ยังถูกใช้ในการสังเกตการณ์การทดสอบมิสไซล์ เคเอ็น-11 ในทะเลเมื่อปี 2015 ด้วย
กองทัพอากาศเป็นเหล่าทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเกาหลีเหนือรองจากกองทัพบก มีอากาศยานรุ่นต่างๆ ประจำการประมาณ 1,059 ลำ แบ่งเป็น เครื่องบินรบ 661 ลำ, เครื่องบินลำเลียง 1 ลำ (อันโตนอฟ เอเอ็น-2), เฮลิคอปเตอร์ 232 ลำ เครื่องบินฝึกซ้อม 165 ลำ ส่วนใหญ่ผลิตหรือมีต้นแบบมาจากจีนและโซเวียต พวกเขายังมีโดรนสอดแนมอีกกว่า 300 ลำ และโดรนโจมตีอีก 10 ลำด้วย แต่สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า รัฐบาลเปียงยางยังไม่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการติดตั้งอาวุธบนโดรน
ในส่วนของยุทโธปกรณ์ มิสไซล์บนเครื่องบินของเกาหลีเหนือทั้งหมดที่ต้นกำเนิดจากโซเวียต โดยมีมิสไซล์อากาศสู่อากาศนับพันลูก ส่วนใหญ่เป็น เค-13 มิสไซลระยะใกล้นำวิถึด้วยอินฟาเรดของโซเวียต และมิสไซล์ระยะกลาง อาร์-23 ซึ่งศักยภาพใกล้เคียงกับมิสไซล์ เอไอเอ็ม-7 สแปร์โรว์ ของสหรัฐฯ เกาหลีเหนือยังมีจรวดภาคพื้นสู่อากาศ (แซม) เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ เครื่องยิงจรวดประทับบ่า เอสเอ-7 มีถึง 4,000 เครื่อง และมิสไซล์ระบบป้องกันทางอากาศพิสัยสูง เอส-27 ดีวินา ของโซเวียต อีก 1,950 ลูก
ด้านขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ พวกเขาใช้ขีปนาวุธภาคพื้นสู่ภาคพื้นที่ออกแบบโดยโซเวียตและจีน รวมทั้งที่ผลิตขึ้นเองภายในประเทศ เกาหลีเหนือมีขีดความสามารถในการยิงขีปนาวุธจาก 4 สถานที่คือ จากไซโล, จากแท่นยิง, จากเครื่องยิงเคลื่อนที่ และจากเรือหรือเรือดำน้ำ ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือครอบครองส่วนใหญ่เป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธมากมาย รวมทั้งขีปนาวุธ โรดอง ที่พัฒนามาจากจรวดสกั๊ด มีพิสัยทำการราว 900-1,500 กม.
คาดกันว่าในเกาหลีเหนือมีขีปนาวุธ โรดอง ประมาณ 50-200 ลูก โดย โรดอง เป็นขีปนาวุธที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า เป็นจรวดชนิดเดียวของเกาหลีเหนือ ที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ (หากมีจริง) เนื่องจากประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงหลายครั้ง ส่วนขีปนาวุธพิสัยไกล แทโพดอง 1 และ 2 ซึ่งมีพิสัยทำการ 2,500 กม. และ 6,000-10,000 กม. ยังอยู่ในขั้นของการจัดแสดงเทคโนโลยี ยังไม่มีการนำมาใช้จริงหรือประจำการในกองทัพ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่า เกาหลีเหนือครอบครองอาวุธเคมีเอาไว้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งสารอันตรายอย่าง แก๊สซาริน และแก๊ซวีเอ็กซ์ แต่ไม่มีใครรู้ข้อมูลในเรื่องนี้มากนัก
กองทัพสหรัฐฯ
กองทัพสหรัฐฯ ชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แบ่งเป็น 5 หน่วยงานคือ กองทัพบก, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ, นาวิกโยธิน และหน่วยยามฝั่ง มีทหารประจำการทั้งหมด 1,301,300 นาย มากเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีกำลังสำรองอีกกว่า 800,000 นาย มีฐานทัพอยู่ในประเทศต่างๆ มากว่า 800 แห่งกองทัพสหรัฐฯ ยังมีกองทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนกองทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดลำดับ 2 ของโลกคือกองกำลังทางอากาศของกองทัพเรือสหรัฐฯ และนาวิกโยธินสหรัฐฯ รวมกัน
สหรัฐฯ มีรถถังหลักที่ยังใช้อยู่ในทุกหน่วยประมาณ 8,848 คัน โดยเป็นรถถัง ‘เอ็ม 1 เอ 2 อับรามส์’ รุ่นต่างๆ ขณะที่มีรถหุ้มเกราะหนักราวๆ 41,062 คัน ส่วนรถหุ้มเกราะเบาเช่นรถฮัมวีมีมากกว่า 260,000 คัน มีปืนใหญ่เคลื่อนที่ ประมาณ 2,341 คัน มีเครื่องยิงจรวดต่อต้านอากาศยานเคลื่อนที่ราว 2,130 เครื่องในจำนวนนี้เป็นระบบต่อต้านอากาศพิกัดสูงหรือ ทาด (THAAD) แบบที่ส่งไปเกาหลีใต้ 24 เครื่อง นอกจากนี้ยังมียานพาหนะอื่นๆ เช่นยานพาหนะต่อสู้ไรัพลขับอีกหลายแบบด้วย
ส่วนขุมกำลังทางน้ำ สหรัฐฯ มีเรือรบมากกว่า 440 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น นิมิตซ์ 10 ลำ ส่วนเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด 1 ลำกำลังรอประจำการ อีก 2 ลำกำลังอยู่ระหว่างการสร้าง และมีแผนสร้างเพิ่มอีก 10 ลำในอนาคต นอกจากนี้ยังมีเรือลาดตระเวนติดอาวุธนำวิถี ชั้น ไทคอนเดอโรกา 22 ลำ เรือพิฆาตติดอาวุธนำวิถี ชั้น อาร์เลห์เบิร์ก 63 ลำ โดยทั้ง 2 แบบมีระบบป้องกันขีปนาวุธและภัยทางอากาศเอจีสติดตั้งอยู่ ขณะที่มีเรือดำน้ำชั้นต่างๆ อีก 73 ลำ ในจำนวนนี้ 14 ลำเป็นเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธ
ด้านแสนยานุภาพทางอากาศของสหรัฐฯ ตามข้อมูลที่สหรัฐฯ เปิดเผยออกมาในปี 2015 พวกเขามีเครื่องบินรบประจำการอยู่มากกว่า 5,137 ลำ ซึ่งรวมไปถึง เครื่องบินโจมตีภาคพื้นแบบใกล้ชิด เอ-10ซี ทันเดอร์โบลด์ ทู (291 ลำ) ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบิน เอฟ-35 เอ ไลท์นิ่งทู ในปี 2028, เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-1บี แลนเซอร์ หรือ บี-52เอช สตราโตฟอร์เทรส และเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ซี/ดี ไฟท์ติ้งฟัลคอน (957 ลำ มากที่สุดในกองทัพอากาศสหรัฐฯ) เป็นต้น
นอกจากนั้น สหรัฐฯ ยังมีขีปนาวุธข้ามทวีป 406 ลูก โดยมีขีปนาวุธชื่อว่า ‘แอลจีเอ็ม-30 มินิทแมน’ ( LGM-30 Minuteman) ซึ่งมีขีดความสามารถในการบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้ถึง 3 ลูก และยิงได้ไกลถึง 13,000 กม. เป็นขีปนาวุธยิงจากฐานภาถพื้นเพียงชนิดเดียวของประเทศ สหรัฐฯ ยังมีดาวเทียมทหารอีก 63 ดวงด้วย
สงครามจะเกิดจริงหรือ?
ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆ ไม่มีการเจาะลึกไปยังรายละเอียดด้านขีดความสามารถของอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่เพียงตัวเลขจำนวนอาวุธ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า สหรัฐฯ มีความพร้อมกว่ามากหากเกิดสงครามขึ้นจริงๆ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าทั้งเกาหลีเหนือ และสหรัฐฯ หรืออย่างน้อยก็ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ต้องการให้เกิดสงครามขึ้นจริงๆ เนื่องจากประเทศที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงหาใช่สหรัฐฯ แต่เป็นเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างหาก ทั้งยังจะทำให้ความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียที่ปกติก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เลวร้ายลงไปอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องปัญหาเศรษฐกิจโลกที่จะเกิดขึ้นตามมา หากญี่ปุ่นเกาหลีใต้ ถูกโจมตีด้วย.
ภาพ/ข่าว โดยไทยรัฐออนไลน์
November 21, 2024
November 20, 2024
November 19, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
วัดแสนยานุภาพกองทัพโสมแดง-มะกัน ใครได้เปรียบหากเกิดสงคราม
สถานการณ์โลกโดยเฉพาะที่คาบสมุทรเกาหลีกำลังตึงเครียด หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มแสดงท่าทีไม่อยากใช้ไม้อ่อนอย่างการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษเกาหลีเหนือ ที่ยังคงสานต่อความทะเยอทะยานในโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ฝ่าฝืนมติสหประชาชาติและไม่สนเสียงเตือนของนานาประเทศ อีกต่อไป
ทั้งการขู่ว่า การใช้กำลังทหารเป็นหนึ่งในเรื่องที่พวกเขากำลังพิจารณาก็ดี หรือการส่งกองเรือรบนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือดำน้ำไปยังคาบสมุทรเกาหลีก็ดี ยิ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะเกิดสงครามขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้หรือไม่ แม้หากคิดตามหลักเหตุผลแล้ว ทรัมป์ ไม่น่าที่จะเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือจริงๆ ก็ตาม แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ ทำให้อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน
แต่ในกรณีที่เกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าใครก็คงเดาได้ว่า สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่ลงทุนงบประมาณทางทหารมากที่สุดในโลก ชนิดที่งบประมาณกองทัพของ 9 ในจาก 10 ประเทศอันดับท็อปรวมกันยังไม่เท่าสหรัฐฯ เลย แล้วเกาหลีเหนือจะเอาอะไรไปสู้ ซึ่งในวันนี้ไทยรัฐออนไลน์ จะพาท่านผู้อ่านไปดูว่า กองทัพเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ดีอะไรบ้าง
กองทัพเกาหลีเหนือ
กองทัพเกาหลีเหนือมีชื่อว่า กองทัพประชาชนเกาหลี (เคพีเอ) มี คิม จอง-อึน เป็นผู้บัญชาการสูงสุดและประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง แบ่งออกเป็น 4 เหล่าทัพคือ กองทัพบก, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ, กองทัพยุทธศาสตร์ขีปนาวุธ มีทหารประจำการทั้งสิ้นประมาณ 1,190,000 นาย มากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน, สหรัฐอเมริกา และอินเดีย แต่ยังมี กองกำลังเรดการ์ด (Red Guards) กองกำลังกึ่งทหาร ที่มีกำลังพลมากสุดในโลกที่ 5,889,000 คน หรือเกิน 20% ของประชากรทั้งประเทศ
ตามรายงานประจำเป็นเกี่ยวกับขีดความสามารถทางทหารเกาหลีเหนือของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพบกของเกาหลีเหนือมีรถถัง 4,200 คัน, รถหุ้มเกราะ 2,200 คัน, ปืนใหญ่ 8,600 กระบอก, ปืนครกประมาณ 10,000 กระบอก และเครื่องยิงจรวดแบบหลายลำกล้องอีกมากกว่า 4,800 เครื่อง
ปัจจุบัน เกาหลีเหนือมีรถถังหลักในครอบครองนับสิบรุ่น โดยส่วนใหญ่ผลิตโดยอดีตสหภาพโซเวียตและจีน เช่นรุ่น ไทป์ 59 และ ที-55 ที่มีประจำการกว่า 2,000 คัน แต่ก็มีรถถังหลักที่ดัดแปลงและพัฒนาเองเช่นรถถัง ชอนมา-โฮ ซึ่งผลิตมาประมาณ 1,000 คัน และรถถัง ป็อคปุง-โฮ ซึ่งใช้งานจนถึงปี 2010 นอกจากนี้ ยังมีรถถังเบาอีกอย่างน้อย 3 รุ่น คือ พีที-76, ไทป์ 63 และ พีที-85 กองทัพบกยังมีอาวุธต่อต้านรถถังและอากาศยานอีกหลายรุ่น เช่น เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 2, อาร์พีจี 7, มิซไซล์นำวิถึต่อต้านรถถึง เอที-1 ถึง เอที-5 และเอที-7, ปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยาน ซีเอสยู-57-2 เป็นต้น แต่ไม่มีใครทราบจำนวนที่แน่ชัด
ส่วนกองทัพเรือ ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาในปี 2008 กองทัพเรือเกาหลีเหนือมีเรือประมาณ 810 ลำ แบ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกหลากหลายประเภทจำนวน 456 ลำ เรือฟริเกต 3 ลำ, เรือคอร์เวตต์ 4 ลำ, เรือต่อต้านทุ่นระเบิด 30 ลำ, เรือเร็วโจมตีติดตั้งมิสไซล์ต่อต้านเรือรบ 30 ลำ, เรือตอร์ปิโด 247 ลำ และเรือลาดตระเวนอีก 191 ลำ เกาหลีเหนือยังมีเรือดำน้ำอีกประมาณ 70 ลำ เป็น เรือดำน้ำชั้นโรมีโอ (หนัก 1,800 ตัน) 20 ลำ, เรือดำน้ำชั้น ซัง-โอ (300 ตัน) 40 ลด และเรือดำน้ำขนาดเล็กหนักราว 100 ตัน อีก 10 ลำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดอุบัติเหตุระหว่างการซ้อมรบในทะเลญี่ปุ่นเมื่อปี 2013 เกาหลีเหนือก็พยายามพัฒนาแสนยานุภาพทางทะเลของพวกเขา โดยหลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียมต่างๆ จนถึงตอนนี้ แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือมีเรือชั้นใหม่ๆ ปรากฏออกมามากมาย แต่ไม่มีการยืนยันจากทางรัฐบาลเปียงยาง ขณะที่เกาหลีใต้ ซึ่งยังคงอยู่ในภาวะสงครามกับเกาหลีเหนือ ระบุว่า ประเทศปิดแห่งนี้ได้สร้างเรือยกพลขึ้นบกความเร็วสูงชื่อว่า วีเอสวี (Very Slender Vessel) ขึ้นมา โดยมีความเร็วสูงถึง 96 กม./ชม.
ยิ่งกว่านั้น เกาหลีเหนือยังอัพเกรดอาวุธบนเรือของพวกเขา เช่นในปี 2014 รัฐบาลเปียงยางเผยแพร่วิดีโอการยิงจรวดร่อน เคเอช-35 ของรัสเซีย จากเรือลาดตระเวณ เอสอีเอส ของพวกเขาด้วย ในปีเดียวกัน ภาพถ่ายดาวเทียมยังเผยให้เห็นเรือดำน้ำชั้น นงโก ที่มีความยาวถึง 67 ม. ยาวที่สุดที่เกาหลีเหนือเคยสร้างขึ้นมา เรือลำนี้ยังถูกใช้ในการสังเกตการณ์การทดสอบมิสไซล์ เคเอ็น-11 ในทะเลเมื่อปี 2015 ด้วย
กองทัพอากาศเป็นเหล่าทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเกาหลีเหนือรองจากกองทัพบก มีอากาศยานรุ่นต่างๆ ประจำการประมาณ 1,059 ลำ แบ่งเป็น เครื่องบินรบ 661 ลำ, เครื่องบินลำเลียง 1 ลำ (อันโตนอฟ เอเอ็น-2), เฮลิคอปเตอร์ 232 ลำ เครื่องบินฝึกซ้อม 165 ลำ ส่วนใหญ่ผลิตหรือมีต้นแบบมาจากจีนและโซเวียต พวกเขายังมีโดรนสอดแนมอีกกว่า 300 ลำ และโดรนโจมตีอีก 10 ลำด้วย แต่สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า รัฐบาลเปียงยางยังไม่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการติดตั้งอาวุธบนโดรน
ในส่วนของยุทโธปกรณ์ มิสไซล์บนเครื่องบินของเกาหลีเหนือทั้งหมดที่ต้นกำเนิดจากโซเวียต โดยมีมิสไซล์อากาศสู่อากาศนับพันลูก ส่วนใหญ่เป็น เค-13 มิสไซลระยะใกล้นำวิถึด้วยอินฟาเรดของโซเวียต และมิสไซล์ระยะกลาง อาร์-23 ซึ่งศักยภาพใกล้เคียงกับมิสไซล์ เอไอเอ็ม-7 สแปร์โรว์ ของสหรัฐฯ เกาหลีเหนือยังมีจรวดภาคพื้นสู่อากาศ (แซม) เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ เครื่องยิงจรวดประทับบ่า เอสเอ-7 มีถึง 4,000 เครื่อง และมิสไซล์ระบบป้องกันทางอากาศพิสัยสูง เอส-27 ดีวินา ของโซเวียต อีก 1,950 ลูก
ด้านขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ พวกเขาใช้ขีปนาวุธภาคพื้นสู่ภาคพื้นที่ออกแบบโดยโซเวียตและจีน รวมทั้งที่ผลิตขึ้นเองภายในประเทศ เกาหลีเหนือมีขีดความสามารถในการยิงขีปนาวุธจาก 4 สถานที่คือ จากไซโล, จากแท่นยิง, จากเครื่องยิงเคลื่อนที่ และจากเรือหรือเรือดำน้ำ ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือครอบครองส่วนใหญ่เป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธมากมาย รวมทั้งขีปนาวุธ โรดอง ที่พัฒนามาจากจรวดสกั๊ด มีพิสัยทำการราว 900-1,500 กม.
คาดกันว่าในเกาหลีเหนือมีขีปนาวุธ โรดอง ประมาณ 50-200 ลูก โดย โรดอง เป็นขีปนาวุธที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า เป็นจรวดชนิดเดียวของเกาหลีเหนือ ที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ (หากมีจริง) เนื่องจากประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงหลายครั้ง ส่วนขีปนาวุธพิสัยไกล แทโพดอง 1 และ 2 ซึ่งมีพิสัยทำการ 2,500 กม. และ 6,000-10,000 กม. ยังอยู่ในขั้นของการจัดแสดงเทคโนโลยี ยังไม่มีการนำมาใช้จริงหรือประจำการในกองทัพ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่า เกาหลีเหนือครอบครองอาวุธเคมีเอาไว้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งสารอันตรายอย่าง แก๊สซาริน และแก๊ซวีเอ็กซ์ แต่ไม่มีใครรู้ข้อมูลในเรื่องนี้มากนัก
กองทัพสหรัฐฯ
กองทัพสหรัฐฯ ชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แบ่งเป็น 5 หน่วยงานคือ กองทัพบก, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ, นาวิกโยธิน และหน่วยยามฝั่ง มีทหารประจำการทั้งหมด 1,301,300 นาย มากเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีกำลังสำรองอีกกว่า 800,000 นาย มีฐานทัพอยู่ในประเทศต่างๆ มากว่า 800 แห่งกองทัพสหรัฐฯ ยังมีกองทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนกองทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดลำดับ 2 ของโลกคือกองกำลังทางอากาศของกองทัพเรือสหรัฐฯ และนาวิกโยธินสหรัฐฯ รวมกัน
สหรัฐฯ มีรถถังหลักที่ยังใช้อยู่ในทุกหน่วยประมาณ 8,848 คัน โดยเป็นรถถัง ‘เอ็ม 1 เอ 2 อับรามส์’ รุ่นต่างๆ ขณะที่มีรถหุ้มเกราะหนักราวๆ 41,062 คัน ส่วนรถหุ้มเกราะเบาเช่นรถฮัมวีมีมากกว่า 260,000 คัน มีปืนใหญ่เคลื่อนที่ ประมาณ 2,341 คัน มีเครื่องยิงจรวดต่อต้านอากาศยานเคลื่อนที่ราว 2,130 เครื่องในจำนวนนี้เป็นระบบต่อต้านอากาศพิกัดสูงหรือ ทาด (THAAD) แบบที่ส่งไปเกาหลีใต้ 24 เครื่อง นอกจากนี้ยังมียานพาหนะอื่นๆ เช่นยานพาหนะต่อสู้ไรัพลขับอีกหลายแบบด้วย
ส่วนขุมกำลังทางน้ำ สหรัฐฯ มีเรือรบมากกว่า 440 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น นิมิตซ์ 10 ลำ ส่วนเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด 1 ลำกำลังรอประจำการ อีก 2 ลำกำลังอยู่ระหว่างการสร้าง และมีแผนสร้างเพิ่มอีก 10 ลำในอนาคต นอกจากนี้ยังมีเรือลาดตระเวนติดอาวุธนำวิถี ชั้น ไทคอนเดอโรกา 22 ลำ เรือพิฆาตติดอาวุธนำวิถี ชั้น อาร์เลห์เบิร์ก 63 ลำ โดยทั้ง 2 แบบมีระบบป้องกันขีปนาวุธและภัยทางอากาศเอจีสติดตั้งอยู่ ขณะที่มีเรือดำน้ำชั้นต่างๆ อีก 73 ลำ ในจำนวนนี้ 14 ลำเป็นเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธ
ด้านแสนยานุภาพทางอากาศของสหรัฐฯ ตามข้อมูลที่สหรัฐฯ เปิดเผยออกมาในปี 2015 พวกเขามีเครื่องบินรบประจำการอยู่มากกว่า 5,137 ลำ ซึ่งรวมไปถึง เครื่องบินโจมตีภาคพื้นแบบใกล้ชิด เอ-10ซี ทันเดอร์โบลด์ ทู (291 ลำ) ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบิน เอฟ-35 เอ ไลท์นิ่งทู ในปี 2028, เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-1บี แลนเซอร์ หรือ บี-52เอช สตราโตฟอร์เทรส และเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ซี/ดี ไฟท์ติ้งฟัลคอน (957 ลำ มากที่สุดในกองทัพอากาศสหรัฐฯ) เป็นต้น
นอกจากนั้น สหรัฐฯ ยังมีขีปนาวุธข้ามทวีป 406 ลูก โดยมีขีปนาวุธชื่อว่า ‘แอลจีเอ็ม-30 มินิทแมน’ ( LGM-30 Minuteman) ซึ่งมีขีดความสามารถในการบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้ถึง 3 ลูก และยิงได้ไกลถึง 13,000 กม. เป็นขีปนาวุธยิงจากฐานภาถพื้นเพียงชนิดเดียวของประเทศ สหรัฐฯ ยังมีดาวเทียมทหารอีก 63 ดวงด้วย
สงครามจะเกิดจริงหรือ?
ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆ ไม่มีการเจาะลึกไปยังรายละเอียดด้านขีดความสามารถของอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่เพียงตัวเลขจำนวนอาวุธ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า สหรัฐฯ มีความพร้อมกว่ามากหากเกิดสงครามขึ้นจริงๆ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าทั้งเกาหลีเหนือ และสหรัฐฯ หรืออย่างน้อยก็ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ต้องการให้เกิดสงครามขึ้นจริงๆ เนื่องจากประเทศที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงหาใช่สหรัฐฯ แต่เป็นเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างหาก ทั้งยังจะทำให้ความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียที่ปกติก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เลวร้ายลงไปอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องปัญหาเศรษฐกิจโลกที่จะเกิดขึ้นตามมา หากญี่ปุ่นเกาหลีใต้ ถูกโจมตีด้วย.
ภาพ/ข่าว โดยไทยรัฐออนไลน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024
อบจ.สงขลา ร่วมรับรางวัลประกาศเกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต จากโครงการ ...
November 20, 2024
อโกด้าเผย หาดใหญ่คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี
November 19, 2024