เลขาฯนายกฯ ร่อนหนังสือแจ้งสื่อ ลงนามลงโทษสูงสุดไล่ออก “ธาริต” หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลฐานร่ำรวยผิดปกติ ครั้งนั่งเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอ โดยมีผลตั้งแต่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา จ่ออายัดทรัพย์เพิ่มอีก 100 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.60 หลังจากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แจ้งมติให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)มีความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติและถูกอายัดทรัพย์ โดยให้พิจารณามีคำสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออกนั้นว่า
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.เวลา 10.15 น. พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของนายธาริต ส่งหนังสือชี้แจงมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการกรณี นายธาริต ถึงสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ผ่านกลุ่มไลน์สื่อทำเนียบ แจ้งวาระโดยหนังสือมีเนื้อหาว่า “เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติว่า นายธาริต ร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588 บาท เป็นกรณีการดำเนินการตามมาตรา 80(4)แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติแล้ว ให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการ สั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
โดยแต่เดิม นายธาริต ดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ต่อมาเมื่อ 24 พ.ค. 57 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้มีคำสั่งให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี และเมื่อ 27 มิ.ย.57 จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามลำดับ เรื่องนี้จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นผู้ออกคำสั่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.) ได้รับเรื่องดังกล่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.ในช่วงปีที่ผ่านมา และได้ตรวจสอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการกรณีดังกล่าว โดยได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงาน ป.ป.ช.สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาโดยตลอด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา
ทั้งนี้หน่วยงานดังกล่าวข้างต้นได้ให้ความเห็นสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันว่า กรณีนี้เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาลงโทษตามที่กำหนดในมาตรา 80(4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่น ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ว่า การทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.60 ที่ผ่านมา”.
May 9, 2024
May 8, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
เลขาฯนายกฯ ร่อนหนังสือลงนามตะเพิด ‘ธาริต’ หลัง ป.ป.ช.ชี้รวยผิดปกติ
เลขาฯนายกฯ ร่อนหนังสือแจ้งสื่อ ลงนามลงโทษสูงสุดไล่ออก “ธาริต” หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลฐานร่ำรวยผิดปกติ ครั้งนั่งเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอ โดยมีผลตั้งแต่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา จ่ออายัดทรัพย์เพิ่มอีก 100 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.60 หลังจากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แจ้งมติให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)มีความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติและถูกอายัดทรัพย์ โดยให้พิจารณามีคำสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออกนั้นว่า
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.เวลา 10.15 น. พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของนายธาริต ส่งหนังสือชี้แจงมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการกรณี นายธาริต ถึงสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ผ่านกลุ่มไลน์สื่อทำเนียบ แจ้งวาระโดยหนังสือมีเนื้อหาว่า “เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติว่า นายธาริต ร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588 บาท เป็นกรณีการดำเนินการตามมาตรา 80(4)แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติแล้ว ให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการ สั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
โดยแต่เดิม นายธาริต ดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ต่อมาเมื่อ 24 พ.ค. 57 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้มีคำสั่งให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี และเมื่อ 27 มิ.ย.57 จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามลำดับ เรื่องนี้จึงเป็นอำนาจของเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นผู้ออกคำสั่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.) ได้รับเรื่องดังกล่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.ในช่วงปีที่ผ่านมา และได้ตรวจสอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการกรณีดังกล่าว โดยได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงาน ป.ป.ช.สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาโดยตลอด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา
ทั้งนี้หน่วยงานดังกล่าวข้างต้นได้ให้ความเห็นสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันว่า กรณีนี้เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาลงโทษตามที่กำหนดในมาตรา 80(4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่น ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ว่า การทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.60 ที่ผ่านมา”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ผศ.กมลนาวิน อินทนูจิตร” รอง ผอ.สำนักศิลปะฯ มรภ.สงขลา รับโล่ประกาศเกียรติคุณผู้ทำคุณประโยชน์แก่หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและศิลปกรรมท้องถิ่น
May 9, 2024
อบจ.สงขลา ขอเชิญร่วมออกบูธแสดงสินค้าในโครงการอบรมสัมมนาทางวิชาการ “27 ปี กับทิศทางการกระจายอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสู่อนาคต”
May 8, 2024
หาดทิพย์ มอบรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% ให้แก่ ม.อ.หาดใหญ่ สนับสนุนในการขนส่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
May 8, 2024
SPRC เผยผลประกอบการทางการเงินประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2567
May 8, 2024