เผยครอบครัวแตกแยกพ่อไม่เคยเหลียวแล-โชคดีสภาสังคมสงเคราะห์และ รพ.ท่าศาลา สร้างบ้านหลังเล็กให้พอได้อยู่อาศัยอย่างแร้นแค้น
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2559 ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจว่าพบครอบครัวยากไรแร้นแค้นอาศัยอยู่สองแม่ลูก โดยแม่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัว ช่วยเหลือตัวไม่ค่อยได้ ส่วนลูกชายอายุ 11 ปี แต่ยังเรียนชั้น ป.1 เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาเลี้ยงแม่อย่างน่าเวทนาสงสาร โดยสองแม่ลูกอาศัยในบ้านหลังเล็ก ๆ บริเวณบ้านสระบัว เลขที่ 140/1 หมู่ 6 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านที่ได้รับความอนุเคราะห์จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับโรงพยาบาลท่าศาลา สร้างให้อยู่อาศัยเมื่อปี 2557
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าบ้านของสองแม่ลูกรายดังกล่าว อยู่บริเวณด้านหลังชายหาดสระบัวและบริเวณบ้านยังมีน้ำท่วมขัง โดยมีการนำไม้ทั้งต้นขนาดเท่าขามาวางเป็นสะพานชั่วคราวสำหรับเดินข้ามน้ำอย่างยากลำบากเพื่อเข้าไปยังบ้านของสองแม่ลูกซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีกประมาณ 30 เมตร แต่หากไม่ต้องการเดินข้ามสะพานไม้ดังกล่าวก็ต้องเดินอ้อมไปทางด้านหลังผ่านบ้านเรือนของชาวบ้านหลายหลัง แต่เส้นทางเดินเล็ก ๆ ก็ยังแฉะต้องเดินอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ภายในบ้านพบนางปานใจ พัฒนะชัย อายุ 43 ปี และ ด.ช.พรชัย จันทร์แก้ว หรือ “น้องแมน” อายุ 11 ปี อยู่ภายในบ้าน โดยภายในบ้านมีเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ เพียงไม่กี่ชิ้นและวางกองหนีภัยน้ำท่วมพะรุงพะรัง
นางปานใจ กล่าวว่า ตนมีลูก 2 คนคนโตเป็นผู้หญิงแยกไปมาครอบครัวแล้ว ส่วนคนเล็กคือ “น้องแมน” อายุ 11 ปี แต่ยังเรียนชั้น ป. 1 โรงเรียนวัดไพศาลสถิต เขต ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้เนื่องจากน้องแมนขาดเรียนบ่อย ๆ จึงต้องเรียนซ้ำชั้น ป.1 ต่อเนื่องมาก 4- 5 ปีแล้ว และตนป่วยเป็นอัมพฤกษ์ร่างกายซีกด้านซ้ายชาและอ่อนแรงไม่สามารถประกอบอาชีพใด ๆ ได้ ส่วนสามีของตนได้ทิ้งไปมีเมียใหม่ไม่เคยเหลียวแลทิ้งให้ตนเผชิญชีวิตอยู่กับลูก ๆ มาตั้งแต่ปี 2552 ตนต้องต่อสู้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่เดิมตนและลูกไม่มีบ้านต้องขออาศัยอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่บ้านพ่อแม่คับแคบมากตนและลูกต้องนอนลาน โดยใช้เสื่อเก่า ๆ ปูนอนข้างบ้านพ่อแม่หรือตามใต้โนต้นไม้ จนเมื่อปี 2557 ทางสภาสังคมสงเคราะห์ร่วมกับโรงพยาบาลท่าศาลา มาสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ให้ตนอยู่อาศัยมาถึงทุกวันนี้ แม้จะมีไฟฟ้าแต่เนื่องจากดวงไฟขาดไม่มีเงินซื้อเปลี่ยนจึงต้องใช้เทียนจุดให้แสงสว่างในตอนกลางคืน
“ตนมีรายได้จากเงินช่วยเหลือคนพิการเดือนละ 800 บาท ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ด.ช.พรชัย หรือ “น้องแมน”บุตรชาย จะออกเร่ขายไข่นกกระทาต้มที่ชายหาดซันไรท์ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 3 กม. เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว โดยจะนั่งรถสองแถวโดยสารไปซื้อไข่นกกระทาจากฟาร์มเลี้ยงในตัว อ.ท่าศาลา ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กม. และซื้อมาคราวละ 200 ใบ เป็นเงิน 160 บาท นำมาต้มให้สุก และบรรจุถุงพลาสติกถุงละ 12 ใบได้ 16 ถุง รวม 192 ใบส่วนที่เหลืออีก 8 ใบต้มกินกับข้าวมื้อเย็น โดยนำไปขายถุงละ 20 บาท หากขายหมดจะได้เงิน 320 บาท เท่ากับได้กำไร 160 บาท เมื่อหักค่ารถโดยสารทั้งที่ไปซื้อไข่นกกระทาและนำไข่นกกระทาไปเร่ขายที่ชายหาดซันไรท์จะเหลือกำไรประมาณ 100-120 บาท ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ตนและลูกต้องอดมื้อกินมื้อ หากวันไหนลูกไปโรงเรียนทางโรงเรียนเขาเลี้ยงข้าวก็จะเก็บข้าวที่เหลือกลับมากินกับตนที่บ้าน ตนอยากให้ใครก็ได้ช่วยย้ายโรงเรียนให้น้องแมน บุตรชายมาเรียนที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 1.5 กม.จะทำให้น้องแมนเดินไปโรงเรียนได้อย่างสะดวก ในขณะที่โรงเรียนวัดไพศาลสถิตที่น้องแมนเรียนอยู่ห่างออกไป 3-4 กม.และอยู่ในเขต ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช”
ทางด้าน ด.ช.พรชัย หรือน้องแมน กล่าวว่า บางครั้งอดอยากจริง ๆ ก็จะเดินไปขอเงินพ่อซึ่งไปมีครอบครัวใหม่อยู่บ้านปากพยิง เขต อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พ่อจะให้เงินมาครั้งละ 100 บาทแต่นาน ๆ ปีสักครั้งสองครั้งที่ตนไปขอเงินพ่อ ยอมรับว่าผมไม่ค่อยได้ไปโรงเรียนเพราะเป็นห่วงแม่ บางวันก็ไม่มีเงินเสียค่ารถทำให้ตนต้องเรียนซ้ำชั้นมา 4-5 ปีแล้ว แต่ในปีนี้คุณครูบอกว่าจะให้ไปเรียนชั้น ป.2 แล้ว สำหรับการเร่ขายไข่นกกระทาต้มถุงละ 20 บาท เมื่อก่อนตนมีรถจักรยานสองล้อคันเล็กและเก่ามากแล้วปั่นไปเร่ขายไข่นกกระทาสามารถลดค่าใช้จ่ายค่ารถโดยสารได้ประมาณ 30 -40 บาท แต่รถจักรยานยนต์ล้อยางเปื่อยรั่วลมจึงต้องนั่งรถโดยสารไปซื้อไข่นกกระทามาให้แม่ต้มและเมื่อนำไปขายก็ต้องนั่งรถโดยสารทำให้กำไรลดลง เพื่อลดค่าใช้จ่ายบางวันตนจึงต้องยอมเดินเท้าไปขายไข่นกกระทาแทน ระยะทางไปกลับประมาณ 6 กม.ขายได้เงินมาก็ซื้อกับข้าวมามากินกับแม่
ผู้สื่อข่าวจึงนำรถจักรยานสองล้อของ ด.ช.พรชัย หรือน้องแมนบรรทุกรถยนต์กระบะไปร้านซ่อมทำการเปลี่ยนยางนอกและยางในล้อหลัง ช่างซ่อมคิดราคา 250 บาท จากนั้นจึงไปซื้อชุดหลอดไฟส่องสว่างสำเร็จรูป 1 ชุดราคา 190 บาท แต่เจ้าของร้านลดราคาให้เป็นพิเศษเหลือเพียง 150 บาท นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังซื้อขนมให้ ด.ช.พรชัย หรือน้องแมนกินบนรถแต่ ด.ช.พรชัย ไม่ยอมกินบอกว่าจะนำกลับไปกินกับแม่ที่บ้าน ผู้สื่อข่าวจึงมอบเงินทุนให้ ด.ช.พรชัย ไว้ซื้อไข่นกกระทามาต้มเร่ข่ายหารายได้จุนเจือต่อไปอีกด้วย สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการจะช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ช.พรชัย หรือน้องแมนแจ้งความประสงค์บริจาคช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช 082-3333139, 081-6761299.
November 24, 2024
November 21, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
สุดอนาถชีวิตสองแม่ลูกแม่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัวรับเงินคนพิการเดือนละ 800 บาท-ลูกชายวัย 11 ปีแต่ยังเรียนชั้น ป. 1 ออกเร่ขายไข่นกกระทาต้มหาเงินเลี้ยงแม่วัย 43 ปี
เผยครอบครัวแตกแยกพ่อไม่เคยเหลียวแล-โชคดีสภาสังคมสงเคราะห์และ รพ.ท่าศาลา สร้างบ้านหลังเล็กให้พอได้อยู่อาศัยอย่างแร้นแค้น
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2559 ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจว่าพบครอบครัวยากไรแร้นแค้นอาศัยอยู่สองแม่ลูก โดยแม่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัว ช่วยเหลือตัวไม่ค่อยได้ ส่วนลูกชายอายุ 11 ปี แต่ยังเรียนชั้น ป.1 เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาเลี้ยงแม่อย่างน่าเวทนาสงสาร โดยสองแม่ลูกอาศัยในบ้านหลังเล็ก ๆ บริเวณบ้านสระบัว เลขที่ 140/1 หมู่ 6 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านที่ได้รับความอนุเคราะห์จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับโรงพยาบาลท่าศาลา สร้างให้อยู่อาศัยเมื่อปี 2557
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าบ้านของสองแม่ลูกรายดังกล่าว อยู่บริเวณด้านหลังชายหาดสระบัวและบริเวณบ้านยังมีน้ำท่วมขัง โดยมีการนำไม้ทั้งต้นขนาดเท่าขามาวางเป็นสะพานชั่วคราวสำหรับเดินข้ามน้ำอย่างยากลำบากเพื่อเข้าไปยังบ้านของสองแม่ลูกซึ่งอยู่ลึกเข้าไปอีกประมาณ 30 เมตร แต่หากไม่ต้องการเดินข้ามสะพานไม้ดังกล่าวก็ต้องเดินอ้อมไปทางด้านหลังผ่านบ้านเรือนของชาวบ้านหลายหลัง แต่เส้นทางเดินเล็ก ๆ ก็ยังแฉะต้องเดินอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ภายในบ้านพบนางปานใจ พัฒนะชัย อายุ 43 ปี และ ด.ช.พรชัย จันทร์แก้ว หรือ “น้องแมน” อายุ 11 ปี อยู่ภายในบ้าน โดยภายในบ้านมีเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ เพียงไม่กี่ชิ้นและวางกองหนีภัยน้ำท่วมพะรุงพะรัง
นางปานใจ กล่าวว่า ตนมีลูก 2 คนคนโตเป็นผู้หญิงแยกไปมาครอบครัวแล้ว ส่วนคนเล็กคือ “น้องแมน” อายุ 11 ปี แต่ยังเรียนชั้น ป. 1 โรงเรียนวัดไพศาลสถิต เขต ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้เนื่องจากน้องแมนขาดเรียนบ่อย ๆ จึงต้องเรียนซ้ำชั้น ป.1 ต่อเนื่องมาก 4- 5 ปีแล้ว และตนป่วยเป็นอัมพฤกษ์ร่างกายซีกด้านซ้ายชาและอ่อนแรงไม่สามารถประกอบอาชีพใด ๆ ได้ ส่วนสามีของตนได้ทิ้งไปมีเมียใหม่ไม่เคยเหลียวแลทิ้งให้ตนเผชิญชีวิตอยู่กับลูก ๆ มาตั้งแต่ปี 2552 ตนต้องต่อสู้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่เดิมตนและลูกไม่มีบ้านต้องขออาศัยอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่บ้านพ่อแม่คับแคบมากตนและลูกต้องนอนลาน โดยใช้เสื่อเก่า ๆ ปูนอนข้างบ้านพ่อแม่หรือตามใต้โนต้นไม้ จนเมื่อปี 2557 ทางสภาสังคมสงเคราะห์ร่วมกับโรงพยาบาลท่าศาลา มาสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ให้ตนอยู่อาศัยมาถึงทุกวันนี้ แม้จะมีไฟฟ้าแต่เนื่องจากดวงไฟขาดไม่มีเงินซื้อเปลี่ยนจึงต้องใช้เทียนจุดให้แสงสว่างในตอนกลางคืน
“ตนมีรายได้จากเงินช่วยเหลือคนพิการเดือนละ 800 บาท ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ด.ช.พรชัย หรือ “น้องแมน”บุตรชาย จะออกเร่ขายไข่นกกระทาต้มที่ชายหาดซันไรท์ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 3 กม. เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว โดยจะนั่งรถสองแถวโดยสารไปซื้อไข่นกกระทาจากฟาร์มเลี้ยงในตัว อ.ท่าศาลา ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กม. และซื้อมาคราวละ 200 ใบ เป็นเงิน 160 บาท นำมาต้มให้สุก และบรรจุถุงพลาสติกถุงละ 12 ใบได้ 16 ถุง รวม 192 ใบส่วนที่เหลืออีก 8 ใบต้มกินกับข้าวมื้อเย็น โดยนำไปขายถุงละ 20 บาท หากขายหมดจะได้เงิน 320 บาท เท่ากับได้กำไร 160 บาท เมื่อหักค่ารถโดยสารทั้งที่ไปซื้อไข่นกกระทาและนำไข่นกกระทาไปเร่ขายที่ชายหาดซันไรท์จะเหลือกำไรประมาณ 100-120 บาท ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ตนและลูกต้องอดมื้อกินมื้อ หากวันไหนลูกไปโรงเรียนทางโรงเรียนเขาเลี้ยงข้าวก็จะเก็บข้าวที่เหลือกลับมากินกับตนที่บ้าน ตนอยากให้ใครก็ได้ช่วยย้ายโรงเรียนให้น้องแมน บุตรชายมาเรียนที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 1.5 กม.จะทำให้น้องแมนเดินไปโรงเรียนได้อย่างสะดวก ในขณะที่โรงเรียนวัดไพศาลสถิตที่น้องแมนเรียนอยู่ห่างออกไป 3-4 กม.และอยู่ในเขต ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช”
ทางด้าน ด.ช.พรชัย หรือน้องแมน กล่าวว่า บางครั้งอดอยากจริง ๆ ก็จะเดินไปขอเงินพ่อซึ่งไปมีครอบครัวใหม่อยู่บ้านปากพยิง เขต อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พ่อจะให้เงินมาครั้งละ 100 บาทแต่นาน ๆ ปีสักครั้งสองครั้งที่ตนไปขอเงินพ่อ ยอมรับว่าผมไม่ค่อยได้ไปโรงเรียนเพราะเป็นห่วงแม่ บางวันก็ไม่มีเงินเสียค่ารถทำให้ตนต้องเรียนซ้ำชั้นมา 4-5 ปีแล้ว แต่ในปีนี้คุณครูบอกว่าจะให้ไปเรียนชั้น ป.2 แล้ว สำหรับการเร่ขายไข่นกกระทาต้มถุงละ 20 บาท เมื่อก่อนตนมีรถจักรยานสองล้อคันเล็กและเก่ามากแล้วปั่นไปเร่ขายไข่นกกระทาสามารถลดค่าใช้จ่ายค่ารถโดยสารได้ประมาณ 30 -40 บาท แต่รถจักรยานยนต์ล้อยางเปื่อยรั่วลมจึงต้องนั่งรถโดยสารไปซื้อไข่นกกระทามาให้แม่ต้มและเมื่อนำไปขายก็ต้องนั่งรถโดยสารทำให้กำไรลดลง เพื่อลดค่าใช้จ่ายบางวันตนจึงต้องยอมเดินเท้าไปขายไข่นกกระทาแทน ระยะทางไปกลับประมาณ 6 กม.ขายได้เงินมาก็ซื้อกับข้าวมามากินกับแม่
ผู้สื่อข่าวจึงนำรถจักรยานสองล้อของ ด.ช.พรชัย หรือน้องแมนบรรทุกรถยนต์กระบะไปร้านซ่อมทำการเปลี่ยนยางนอกและยางในล้อหลัง ช่างซ่อมคิดราคา 250 บาท จากนั้นจึงไปซื้อชุดหลอดไฟส่องสว่างสำเร็จรูป 1 ชุดราคา 190 บาท แต่เจ้าของร้านลดราคาให้เป็นพิเศษเหลือเพียง 150 บาท นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังซื้อขนมให้ ด.ช.พรชัย หรือน้องแมนกินบนรถแต่ ด.ช.พรชัย ไม่ยอมกินบอกว่าจะนำกลับไปกินกับแม่ที่บ้าน ผู้สื่อข่าวจึงมอบเงินทุนให้ ด.ช.พรชัย ไว้ซื้อไข่นกกระทามาต้มเร่ข่ายหารายได้จุนเจือต่อไปอีกด้วย สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการจะช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ช.พรชัย หรือน้องแมนแจ้งความประสงค์บริจาคช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช 082-3333139, 081-6761299.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาคที่ 2 ช่วยเหลือเหตุเรืออับปางในทะเล บริเวณทางทิศตะวันออกของร่องน้ำสงขลา
November 24, 2024
JUBILEE DIAMOND ฉลองครบรอบ 95 ปี เปิดบ้าน THE ...
November 24, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024