นายกสภา มรภ.สงขลา มองภาพไทยแลนด์ 4.0 ชี้ต้องเป็นพลเมืองที่มีความรู้ ผลิตและบริโภคอย่างมีเหตุผล ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง แนะไทยได้เปรียบเชิงพื้นที่ เหมาะฟื้นด้านเกษตร แต่ต้องป้องกันการรุกล้ำของเมือง
ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา นายกสภา มรภ.สงขลา ผู้เชี่ยวชาญด้านการกระจายอำนาจทางการคลัง ธนาคารโลก บรรยายพิเศษในหัวข้อ “นโยบายสาธารณะ กับการขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0” ให้แก่นักศึกษาโปรแกรมวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มรภ.สงขลา เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ไทยแลนด์ 4.0 คือระบบเศรษฐกิจในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นในช่วงนี้ และจะเห็นชัดเจนในอีก 10-20 ปีข้างหน้า มีที่มาจากระบบทุนนิยมที่มีทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จในขณะเดียวกัน การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 มีทั้งแรงผลักและแรงส่ง แรงผลักคือวิกฤติการณ์ของระบบทุนนิยมโลก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมา การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เข้มข้นและทำลายล้างในยุคโลกไร้พรมแดน วิกฤติการณ์ความเสื่อมโทรมด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ วิกฤติการณ์ด้านประชากรสูงอายุมากขึ้น แรงงานลดลง สังคมแบ่งขั้วแบ่งชนชั้นคนรวยคนจนอย่างรุนแรง วัฒนธรรมบริโภคนิยมแบบไม่มีเหตุผล ผู้บริโภคส่วนใหญ่ล้มละลาย มีหนี้ท่วมตัว ตัวอย่างความล้มเหลวของระบบทุนนิยมโลก คือปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียม รัฐบาลทุกยุคสมัยประกาศสงครามต่อสู้กับความยากจน ผลคือความยากจนเป็นฝ่ายชนะรัฐบาลเสมอมา
ในส่วนของแรงส่งสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เป็นผลพวงจากการปฏิวัติอุสาหกรรมยุค 2-3 ที่ผ่านมา เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีอัจฉริยะ สังคม-วัฒนธรรม ที่มีการเชื่อมต่อกันตลอดเวลา ในระดับหน่วยเศรษฐกิจที่เล็กที่สุด โดยผ่านระบบเชื่อมต่อเสมือนจริง ถามว่ามีอะไรใหม่ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ นั่นคือมีการนำเทคโนโลยีดิจิตัลและอินเทอร์เน็ตมาใช้ในกระบวนการผลิตและกระจายสินค้าบริการ เชื่อมความต้องการของผู้บริโภคแต่ละรายเข้ากับกระบวนการผลิตสินค้าได้โดยตรง และมีหน่วยผลิตอย่างฟาร์มเกษตร-โรงงานฯ แบบอัจฉริยะ (Smart farms-smart factories) ที่สามารถผลิตสินค้าได้ตามความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคแต่ละรายเป็นจำนวนมากๆ ได้รวดเร็วทันเวลา ผู้ผลิต-ผู้บริโภคให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้น มีการนำระบบเงินตราแบบอิเล็กทรอนิกส์ (เงินเครดิต-เงินเสมือนจริง) มาใช้แทนระบบเงินตราแบบดั้งเดิม ผ่านธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ ของไทยเราคือ “พร้อมเพ” (Prompt pay) อุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่เปลี่ยนรูป แยกตัว-กระจายตัวออกเป็นหน่วยย่อยๆ ที่เป็นอิสระจากกันมากขึ้น และรวมหน่วยปัจจัยการผลิต-ผู้บริโภคเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เชื่อมโยงผ่านระบบเครือข่าย ธุรกิจเน้นการพึ่งพากันและกัน มากกว่าแข่งขันแบบทำลายล้าง ธุรกิจเพื่อสังคม สหกรณ์ และองค์กรภาคประชาสังคม เข้ามามีบทบาททดแทนหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น ขณะเดียวกันการเมืองมีก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ประชากรเมืองเพิ่มขึ้น คนเมืองมีมากกว่าร้อยละ 70 เมืองยุคดั้งเดิมถูกแทนที่โดยเมืองสมัยใหม่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสำคัญมากขึ้น เปลี่ยนบทบาทจากการปกครองเป็นการบริหารเมืองสมัยใหม่ รัฐในระดับชาติทำหน้าที่ด้านการกำกับดูแลตลาด การจัดสรร และการกระจาย เพื่อลดปัญหาชนชั้น ผลิต-ให้บริการ น้อยลง เปลี่ยนผู้ผลิตและผู้บริโภคให้เป็นพลเมืองที่มีความรู้ ผลิต-บริโภคอย่างมีเหตุผลและรับผิดชอบ ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจ 4.0 ในนโยบายของรัฐบาลไทย ใช้ 3 กลไกขับเคลื่อน 1. Productive Growth Engines ปรับเปลี่ยนประเทศไทยสู่ประเทศที่มีรายได้สูง ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ปัญญา เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ อาทิ สร้างเครือข่ายความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐ บริหารจัดการสมัยใหม่ สร้างคลัสเตอร์ทางด้านเทคโนโลยี พัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ริเริ่มการร่วมทุนรัฐและเอกชนในโครงการขนาดใหญ่ และบ่มเพาะธุรกิจด้านเทคโนโลยี 2. Inclusive Growth Engines กระจายรายได้ โอกาส และความมั่งคั่ง โดยสร้างคลัสเตอร์เศรษฐกิจระดับกลุ่มจังหวัด พัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากในชุมชน ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก สร้างงานใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ยกระดับขีดความสามารถ การเสริมสร้างทักษะและพัฒนาศักยภาพของพลเมือง ให้ทันกับพลวัตการเปลี่ยนแปลง ชดเชยรายได้ให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ และ 3. Green Growth Engines ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เน้นการใช้พลังงานทดแทน คำนึงถึงประโยชน์ที่ได้จากการลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งระบบ มากกว่าความได้เปรียบด้านต้นทุน
ประเทศไทยกำลังมุ่งสู่เศรษฐกิจ 4.0 ด้วย 5 สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1. Biotechnology เกษตร อาหาร ฐานนวัตกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ เน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเชื่อมต่อผู้ผลิตกับผู้บริโภคแบบครบวงจร 2. Bio-Medical สาธารณสุข สุขภาพ ฐานเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ 3. Robotic เครื่องมือเทคโนโลยีอุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ ระบบเครื่องกลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการควบคุม 4. Digital & IOT เทคโนโลยีการสื่อสาร การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบอัจฉริยะ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ 5. Creative & Culture: อุตสาหกรรมและบริการสร้างสรรค์ เชื่อมโยงโรงงานกับผู้บริโภค สื่อเสมือนจริง การท่องเที่ยวฐานวัฒนธรรม เชื่อมโยงพื้นที่ วัฒนธรรม หน่วยให้บริการนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ในอนาคตบริษัทขนาดใหญ่จะถูกย่อยเป็นบริษัทขนาดเล็ก ขณะเดียวกันผู้ที่ทำธุรกิจแบบเดี่ยวๆ จะมีน้อยลง แต่จะรวมกลุ่มกันและมีการลงทะเบียนเพื่อควบคุมมาตรฐานสินค้า
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทย 4.0 จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเบื้องต้นต่อไปนี้คือ 1. การเกิดพลเมืองยุคใหม่ 2. การเกิดเทคโนโลยีการผลิตและเชื่อมต่อยุคใหม่ (พลังงาน วัสดุ เกษตร ไอที การจัดการชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ฯลฯ) 3. การกระจายการถือครองทรัพย์สินประเภททุน (ที่ดิน อาคารบ้านเรือน เงินลงทุน ข้อมูลและความรู้) 4. การกระจายตัวของการลงทุน และการลงทุนระยะยาว 5. การเกิดเมืองสมัยใหม่ และระบบโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ ให้สามารถรองรับการกระจายตัวของการลงทุนและนวัตกรรมยุคใหม่ 6. การเกิดความรู้เกี่ยวกับการจัดการองค์กรยุคใหม่-องค์กรเครือข่าย-องค์กรเสมือนจริง ธุรกิจเพื่อสังคม แทนที่ความรู้เกี่ยวกับการจัดการองค์กรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ในยุคที่ 3 และ 7. การเมืองแบบประชาธิปไตยที่มีเหตุผล กล่าวได้ว่า ไทยแลนด์ 4.0 มีความเกี่ยวข้องกับเราทุกคน เนื่องจากเราคือพลเมืองยุคใหม่ซึ่งจะใช้ชีวิตอยู่ในระบบเศรษฐกิจ 4.0 ในวันนี้และวันข้างหน้า ในการเตรียมตัวนั้นต้องทำตัวให้พร้อมที่จะเป็นพลเมืองที่ฉลาดและมีเหตุผล (ไม่เป็นผู้บริโภคที่ไม่มีเหตุผล) มีศักยภาพในการเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของหน่วยธุรกิจขนาดเล็ก-ขนาดกลาง หรือเป็นส่วนหนึ่งของระบบเชื่อมต่อระหว่างหน่วยเศรษฐกิจอื่นๆ ในสังคมท้องถิ่น สังคมไทย และสังคมโลก
“ผลกระทบจากไทยแลนด์ 4.0 ต่อคนกลุ่มต่างๆ คนรวยก็จะยังคงรวยต่อไป แต่คนชั้นกลางจะเลื่อนไปเป็นคนชั้นล่าง ในขณะที่คนชายขอบส่วนหนึ่งจะตกขอบและดึงไม่ขึ้น ซึ่งอาจได้รับความช่วยเหลือในแง่เงินสงเคราะห์จากรัฐบาล ขณะนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจที่รัฐกำลังร่างอยู่ ได้พยายามนำเอาไทยแลนด์ 4.0 ไปใส่ในยุทธศาสตร์ชาติในอนาคต โดยจะครอบคลุมเรื่องทิศทางและมาตรการที่จะเดิน สุดท้ายนี้ผมอยากชี้ให้เห็นว่า การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ไม่จำเป็นต้องเน้นด้านอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว เพราะอย่างประเทศนิวซีแลนด์ เดนมาร์ก ซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรมแบบเกษตรก้าวหน้า ก็สามารถมีรายได้สูงได้ ไทยเองมีข้อได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้ง ดินแดนที่เราอยู่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการทำเกษตร ดังนั้น ต้องฟื้นด้านเกษตรให้ดี และป้องกันการรุกล้ำของเมือง”.
June 7, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
นายกสภา มรภ.สงขลา มอง “ไทยแลนด์ 4.0” แนะฟื้นด้านเกษตร-จำกัดการรุกล้ำของเมือง
นายกสภา มรภ.สงขลา มองภาพไทยแลนด์ 4.0 ชี้ต้องเป็นพลเมืองที่มีความรู้ ผลิตและบริโภคอย่างมีเหตุผล ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง แนะไทยได้เปรียบเชิงพื้นที่ เหมาะฟื้นด้านเกษตร แต่ต้องป้องกันการรุกล้ำของเมือง
ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา นายกสภา มรภ.สงขลา ผู้เชี่ยวชาญด้านการกระจายอำนาจทางการคลัง ธนาคารโลก บรรยายพิเศษในหัวข้อ “นโยบายสาธารณะ กับการขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0” ให้แก่นักศึกษาโปรแกรมวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มรภ.สงขลา เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ไทยแลนด์ 4.0 คือระบบเศรษฐกิจในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นในช่วงนี้ และจะเห็นชัดเจนในอีก 10-20 ปีข้างหน้า มีที่มาจากระบบทุนนิยมที่มีทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จในขณะเดียวกัน การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 มีทั้งแรงผลักและแรงส่ง แรงผลักคือวิกฤติการณ์ของระบบทุนนิยมโลก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมา การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เข้มข้นและทำลายล้างในยุคโลกไร้พรมแดน วิกฤติการณ์ความเสื่อมโทรมด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ วิกฤติการณ์ด้านประชากรสูงอายุมากขึ้น แรงงานลดลง สังคมแบ่งขั้วแบ่งชนชั้นคนรวยคนจนอย่างรุนแรง วัฒนธรรมบริโภคนิยมแบบไม่มีเหตุผล ผู้บริโภคส่วนใหญ่ล้มละลาย มีหนี้ท่วมตัว ตัวอย่างความล้มเหลวของระบบทุนนิยมโลก คือปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียม รัฐบาลทุกยุคสมัยประกาศสงครามต่อสู้กับความยากจน ผลคือความยากจนเป็นฝ่ายชนะรัฐบาลเสมอมา
ในส่วนของแรงส่งสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เป็นผลพวงจากการปฏิวัติอุสาหกรรมยุค 2-3 ที่ผ่านมา เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีอัจฉริยะ สังคม-วัฒนธรรม ที่มีการเชื่อมต่อกันตลอดเวลา ในระดับหน่วยเศรษฐกิจที่เล็กที่สุด โดยผ่านระบบเชื่อมต่อเสมือนจริง ถามว่ามีอะไรใหม่ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ นั่นคือมีการนำเทคโนโลยีดิจิตัลและอินเทอร์เน็ตมาใช้ในกระบวนการผลิตและกระจายสินค้าบริการ เชื่อมความต้องการของผู้บริโภคแต่ละรายเข้ากับกระบวนการผลิตสินค้าได้โดยตรง และมีหน่วยผลิตอย่างฟาร์มเกษตร-โรงงานฯ แบบอัจฉริยะ (Smart farms-smart factories) ที่สามารถผลิตสินค้าได้ตามความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคแต่ละรายเป็นจำนวนมากๆ ได้รวดเร็วทันเวลา ผู้ผลิต-ผู้บริโภคให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้น มีการนำระบบเงินตราแบบอิเล็กทรอนิกส์ (เงินเครดิต-เงินเสมือนจริง) มาใช้แทนระบบเงินตราแบบดั้งเดิม ผ่านธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ ของไทยเราคือ “พร้อมเพ” (Prompt pay) อุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่เปลี่ยนรูป แยกตัว-กระจายตัวออกเป็นหน่วยย่อยๆ ที่เป็นอิสระจากกันมากขึ้น และรวมหน่วยปัจจัยการผลิต-ผู้บริโภคเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เชื่อมโยงผ่านระบบเครือข่าย ธุรกิจเน้นการพึ่งพากันและกัน มากกว่าแข่งขันแบบทำลายล้าง ธุรกิจเพื่อสังคม สหกรณ์ และองค์กรภาคประชาสังคม เข้ามามีบทบาททดแทนหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น ขณะเดียวกันการเมืองมีก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ประชากรเมืองเพิ่มขึ้น คนเมืองมีมากกว่าร้อยละ 70 เมืองยุคดั้งเดิมถูกแทนที่โดยเมืองสมัยใหม่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสำคัญมากขึ้น เปลี่ยนบทบาทจากการปกครองเป็นการบริหารเมืองสมัยใหม่ รัฐในระดับชาติทำหน้าที่ด้านการกำกับดูแลตลาด การจัดสรร และการกระจาย เพื่อลดปัญหาชนชั้น ผลิต-ให้บริการ น้อยลง เปลี่ยนผู้ผลิตและผู้บริโภคให้เป็นพลเมืองที่มีความรู้ ผลิต-บริโภคอย่างมีเหตุผลและรับผิดชอบ ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจ 4.0 ในนโยบายของรัฐบาลไทย ใช้ 3 กลไกขับเคลื่อน 1. Productive Growth Engines ปรับเปลี่ยนประเทศไทยสู่ประเทศที่มีรายได้สูง ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ปัญญา เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ อาทิ สร้างเครือข่ายความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐ บริหารจัดการสมัยใหม่ สร้างคลัสเตอร์ทางด้านเทคโนโลยี พัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ริเริ่มการร่วมทุนรัฐและเอกชนในโครงการขนาดใหญ่ และบ่มเพาะธุรกิจด้านเทคโนโลยี 2. Inclusive Growth Engines กระจายรายได้ โอกาส และความมั่งคั่ง โดยสร้างคลัสเตอร์เศรษฐกิจระดับกลุ่มจังหวัด พัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากในชุมชน ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก สร้างงานใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ยกระดับขีดความสามารถ การเสริมสร้างทักษะและพัฒนาศักยภาพของพลเมือง ให้ทันกับพลวัตการเปลี่ยนแปลง ชดเชยรายได้ให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ และ 3. Green Growth Engines ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เน้นการใช้พลังงานทดแทน คำนึงถึงประโยชน์ที่ได้จากการลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งระบบ มากกว่าความได้เปรียบด้านต้นทุน
ประเทศไทยกำลังมุ่งสู่เศรษฐกิจ 4.0 ด้วย 5 สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1. Biotechnology เกษตร อาหาร ฐานนวัตกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ เน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเชื่อมต่อผู้ผลิตกับผู้บริโภคแบบครบวงจร 2. Bio-Medical สาธารณสุข สุขภาพ ฐานเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ 3. Robotic เครื่องมือเทคโนโลยีอุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ ระบบเครื่องกลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการควบคุม 4. Digital & IOT เทคโนโลยีการสื่อสาร การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบอัจฉริยะ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ 5. Creative & Culture: อุตสาหกรรมและบริการสร้างสรรค์ เชื่อมโยงโรงงานกับผู้บริโภค สื่อเสมือนจริง การท่องเที่ยวฐานวัฒนธรรม เชื่อมโยงพื้นที่ วัฒนธรรม หน่วยให้บริการนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ในอนาคตบริษัทขนาดใหญ่จะถูกย่อยเป็นบริษัทขนาดเล็ก ขณะเดียวกันผู้ที่ทำธุรกิจแบบเดี่ยวๆ จะมีน้อยลง แต่จะรวมกลุ่มกันและมีการลงทะเบียนเพื่อควบคุมมาตรฐานสินค้า
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทย 4.0 จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเบื้องต้นต่อไปนี้คือ 1. การเกิดพลเมืองยุคใหม่ 2. การเกิดเทคโนโลยีการผลิตและเชื่อมต่อยุคใหม่ (พลังงาน วัสดุ เกษตร ไอที การจัดการชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ฯลฯ) 3. การกระจายการถือครองทรัพย์สินประเภททุน (ที่ดิน อาคารบ้านเรือน เงินลงทุน ข้อมูลและความรู้) 4. การกระจายตัวของการลงทุน และการลงทุนระยะยาว 5. การเกิดเมืองสมัยใหม่ และระบบโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ ให้สามารถรองรับการกระจายตัวของการลงทุนและนวัตกรรมยุคใหม่ 6. การเกิดความรู้เกี่ยวกับการจัดการองค์กรยุคใหม่-องค์กรเครือข่าย-องค์กรเสมือนจริง ธุรกิจเพื่อสังคม แทนที่ความรู้เกี่ยวกับการจัดการองค์กรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ในยุคที่ 3 และ 7. การเมืองแบบประชาธิปไตยที่มีเหตุผล กล่าวได้ว่า ไทยแลนด์ 4.0 มีความเกี่ยวข้องกับเราทุกคน เนื่องจากเราคือพลเมืองยุคใหม่ซึ่งจะใช้ชีวิตอยู่ในระบบเศรษฐกิจ 4.0 ในวันนี้และวันข้างหน้า ในการเตรียมตัวนั้นต้องทำตัวให้พร้อมที่จะเป็นพลเมืองที่ฉลาดและมีเหตุผล (ไม่เป็นผู้บริโภคที่ไม่มีเหตุผล) มีศักยภาพในการเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของหน่วยธุรกิจขนาดเล็ก-ขนาดกลาง หรือเป็นส่วนหนึ่งของระบบเชื่อมต่อระหว่างหน่วยเศรษฐกิจอื่นๆ ในสังคมท้องถิ่น สังคมไทย และสังคมโลก
“ผลกระทบจากไทยแลนด์ 4.0 ต่อคนกลุ่มต่างๆ คนรวยก็จะยังคงรวยต่อไป แต่คนชั้นกลางจะเลื่อนไปเป็นคนชั้นล่าง ในขณะที่คนชายขอบส่วนหนึ่งจะตกขอบและดึงไม่ขึ้น ซึ่งอาจได้รับความช่วยเหลือในแง่เงินสงเคราะห์จากรัฐบาล ขณะนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจที่รัฐกำลังร่างอยู่ ได้พยายามนำเอาไทยแลนด์ 4.0 ไปใส่ในยุทธศาสตร์ชาติในอนาคต โดยจะครอบคลุมเรื่องทิศทางและมาตรการที่จะเดิน สุดท้ายนี้ผมอยากชี้ให้เห็นว่า การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ไม่จำเป็นต้องเน้นด้านอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว เพราะอย่างประเทศนิวซีแลนด์ เดนมาร์ก ซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรมแบบเกษตรก้าวหน้า ก็สามารถมีรายได้สูงได้ ไทยเองมีข้อได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้ง ดินแดนที่เราอยู่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการทำเกษตร ดังนั้น ต้องฟื้นด้านเกษตรให้ดี และป้องกันการรุกล้ำของเมือง”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มรภ.สงขลา จัดอบรมพัฒนานวัตกรรมจากระบบสมองกลฝังตัว ถ่ายทอดความรู้ครู-นร. โรงเรียนขนาดเล็กพื้นที่ จ.สงขลา พัทลุง สตูล
June 7, 2025
มรภ.สงขลา ผนึกราชภัฏกลุ่มภาคใต้ ร่วมเวทีสัมมนาการจัดการความรู้ เตรียมความพร้อมการประกันคุณภาพการศึกษาระดับนานาชาติ
June 7, 2025
มรภ.สงขลา จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน ...
June 7, 2025
มรภ.สงขลา อบรมเตรียมความพร้อมเข้าสู่อาจารย์มืออาชีพ “Thailand-PSF” รุ่นที่ 2 ติวเข้มผู้สอนทุกหลักสูตร ปูทางสู่การยื่นขอรับการประเมินให้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
June 7, 2025