ไม่ว่า “คำสั่ง”เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในเรื่องให้ระวัง “คาร์บอมบ์”  สอดรับกับ “คำแถลง”  โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ภายหลัง การประชุมร่วมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม
1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล
1 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 1 กองบัญชาการตำรวจสันติบาล 1 กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค1 ภาค2 ภาค3
1 สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
1 กองบังคับการตำรวจปราบปราม
ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากเวลา 17.00 น.เป็นเวลา 2 ชั่วโมงจนถึงเวลา 19.00 น.  เท่ากับเป็นการประสานและปฏิบัติตาม

ขณะเดียวกัน ไม่ว่า”คำสั่ง”ไม่ว่า”คำแถลง”ในเวลาต่อมาในเรื่อง “คาร์บอมบ์”
บ่งชี้”เบาะแส” อย่างแน่ชัดว่ามาจาก”ที่ใด”

นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
บทสรุปจากสถานการณ์”วางระเบิด”มีความโน้มเอียง
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่บริเวณย่านรามคำแหง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์บนเกาะสมุย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์
เป็นความโน้มเอียงที่จะชี้ว่าเป็น “การเมือง”
เป็นการเมืองเนื่องแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นการเมืองเนื่องแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ทั้งๆที่ “ระเบิด” มาจาก 3 จังหวัดชายแดน”ภาคใต้”
แม้กระทั่งล่าสุดสถานการณ์ 17 จุด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนความโน้มเอียงก็ออกมาเป็น”การเมือง”
ทั้งๆที่ “ความเป็นจริง” ไม่น่าจะใช่

เพิ่งปรากฏเป็น”คำสั่ง”ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม เพิ่งปรากฏเป็น”คำแถลง”ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม
ที่มิได้เน้นในเรื่อง “การเมือง”
หากบ่งชี้อย่างมีความเชื่อมั่นว่า เส้นทางน่าจะมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป้าหมายคือ 1 กทม. และ 1 ปริมณฑล
งานหลักจึงมิได้เป็นเพียงกองบัญชาการตำรวจนครบาล หากแต่เป็นกองปราบปราม
และกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ภาค 2 ภาค 3
ไม่ว่าในที่สุดกัมปนาทแห่ง”คาร์บอมบ์”จะปะทุขึ้นระหว่างวันที่ 25-30 ตุลาคม หรือไม่
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการยืนยัน
ยืนยันว่าบทสรุปที่ว่ามีการขยาย”พื้นที่”จาก 3 จังหวัดภาคใต้เริ่มเป็น”ความจริง”
ความจริงจากปาก”ตำรวจ”.