ต้องเรียกว่า เป็นปรากฏการณ์ “ฟ้าผ่า “ก็พูดได้ หากในอีกไม่กี่วันข้างหน้า “ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา “ หรือคุ้นเคยกันในชื่อ “ บิ๊กแป๊ะ” ผบ.ตร. จะออกคำสั่งให้”พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร “ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “ แป๊ะ “เช่นเดียวกัน พ้นจากการรักษาราชการแทน”ผบช.น. “ หรือเรียกกันสั้นว่า” น.1 “ กลับไปเป็นผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) ตามเดิม
ผลพวงจากการเปลี่ยนครั้งนี้ หนีไม่พ้นการหารือในระดับ”บิ๊กรัฐบาล” ภายหลังการร่วมงานรดน้ำขอพร”พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะพี่ใหญ่แห่ง “บูรพาพยัคฆ์ “ที่บ้านพักซอยลาดพร้าวซอย71 เมื่อช่วงสายขชองวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา โดยผู้หารือนี้ประกอบด้วย “ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. พล.อ. ประวิตร พล.ต.อ. พัชรวาทวงศ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายพล.อ. ประวิตร พล.ต.อ. จักรทิพย์ และพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.
มีข่าวว่าการพูดคุยครั้งนี้ ได้นำปัญหาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2558 ซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการได้ ตามกฎ ก.ตร.แล้วต้องแต่งตั้งแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน ของทุกปี แต่ปีนี้เนื่องด้วยมีการปรับแก้กฎ ระเบียบ และโครงสร้างตำแหน่งพนักงานสอบสวน ซึ่งเกี่ยวพันกัน ทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต้องขออนุมัติ ก.ตร.เลื่อนการแต่งตั้งวาระประจำปีที่แล้วออกไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนเมษายนปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการแต่งตั้ง ที่ล่าช้าที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ตร.
แหล่งข่าวระบุว่า การแต่งตั้งที่ล่าช้า เกิดจากปัญหาในพื้นที่”นครบาล “ ซึ่ง”แม่ทัพสีกากี” กับ “รักษาราชการในตำแหน่ง น.1 “มีความเห็นต่างกัน โดย” พล.ต.ท.ศานิตย์”ไม่เห็นด้วยกับรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้าย ที่ทางผู้บังคับบัญชาส่งมาให้ อ้างว่าบางคนมีปัญหาและไม่มีประสิทธิภาพ เลยเล่นบท”ยอมหัก”ไม่ยอมงอ เพราะคิดว่าอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย สมควรเป็นของตนเอง
“ แทนที่จะเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับผบ.ตร. กับเล่นบทแข็ง จนทำให้เกิดปัญหา และอาจคิดว่าได้รับการสนับสนุนจากนายกฯ ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรจบสิ้นแล้ว พล.ต.ท. สานิตย์ซึ่งมีชื่อเล่นว่า”แป๊ะ”เหมือนกัน พยายามเข้าไปชี้แจงกับนาบยกฯ แต่พล.อ.ประยุทธ์บอกปัด โดยบอกว่า ต้องไปทำความเข้าใจกับรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลตร.เอง” คำพูดนายตำรวจระดับสูง ที่บอกเล่า บรรยากาศช่วงหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้น ที่บ้านพักพล.อ. ประวิตร
อาจเป็นไปไดว่า รักษาราชการแทน “ น. 1 “ ไม่ได้ศึกษาวัฒนธรรมของตร. โดยเฉพาะในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับต่างๆ เพราะในที่สุด รายชื่อหรือโผ ที่สมควรได้รับพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นสมัย “นักการเมือง”ดูแล หรือในยุคคสช.ซึ่ง “กองทัพ “มีบทบาทสำคัญกับการบริหารประเทศ ก็ต้องยึดจากฝ่ายบริหารเป็นหลัก เพราะชะตากรรมอดีต”ผบ.ตร.”หลายคน ก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
แม้กระทั่ง “กองบัญชาการ”บางแห่ง ระดับผบช.ไม่มีสิทธิ์จัดทำโผแต่งตั้งโยกย้ายเองด้วยซ้ำ เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล และ ฝ่ายคุมนโยบาย ซึ่งเป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย แม้ว่ารายชื่อนายตำรวจบางคนจะมีปัญหา แต่ก็ต้องใช้ศักยภาพความผู้นำ และการพูดคุย เพื่อทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ทำงานตามเป้าหมายให้ได้
ต้องบอกว่า ถ้า” พล.ต.ท.” สานิตย์ไม่ได้ทำหน้า “ผบช.น อีกต่อไป จะกลายเป็นบทเรียนให้นายตำรวจหรือข้าราชการหน่วยงานต่างๆ ต้องศึกษาและนำไปเป็นบทเรียนได้เลยทีเดียว
ส่วนแคนดิเดทที่อาจเข้ามารับตำแหน่งแทน คือ “ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช” ผบช. ภ.7 หรือสื่อเรียกกันติดปากว่า “บิ๊กหยม “ ซึ่งถูกวางตัวให้เป็น“ ผบช.น. “ ไว้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เนื่องจากเคยเป็นทีมงานให้ “แม่ทัพสีกากี “ สมัยนั่งคุม”นครบาล “ และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน และเป็นไปตามเป้ามายของ “บิ๊กแป๊ะ” ที่ไม่เห็นด้วย กับการการให้” พล.ต.ท..ศานิตย์ “มาคุมเมืองหลวงตั้งแรก
ขณะที่ก่อนหน้านั้น” พล.ต.ต.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์” รองผบช.สำนักงานกำลังพล (รอง ผบช.สกพ.) ปฏิบัติราชการแทนผบช.สำนักงานกำลังพล ได้หนังสือบันทึกข้อความด่วนที่สุด ที่ 009.231/3494 ลงวันที่ 15 เมษายน 2559 เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ถึงผู้บัญชาการ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้บังคับการในสังกัดสำนักงานผบ.ตร. มีใจความว่า ตามหนังสือ ตร.ด่วนที่สุด ที่ 0009.231/ว 15 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2559
แจ้งแนวทางการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2558 โดยให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้เสร็จสิ้นและมีคำสั่งแต่งตั้งในวันที่ 27 เมษายน 2559 นั้น เนื่องจากปัจจุบันมีหน่วยหลายหน่วยเสนอ ตร.เพื่อขอรับพิจารณาจัดสรรตำแหน่งว่างจากหน่วยอื่น
เพื่อรองรับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด ที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสม ที่จะได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเพิ่มจากตำแหน่งว่างที่มีอยู่ ซึ่ง ตร.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2558 นี้สถานภาพของตำแหน่งว่างกับข้าราชการตำรวจที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะได้รับเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ในหน่วยต่างๆ มีความลักลั่นกันหลายหน่วย
“ตร.จึงได้มีบันทึกลงวันที่ 15 เมษายน 2559 มอบหมายให้คณะทำงานตามคำสั่ง ตร.ที่ 181/2559 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2559 ซึ่งมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะทำงาน พิจารณามีความเห็นในกรณีดังกล่าวจนเป็นที่ยุติก่อน ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และการบริหารงายบุคคลในภาพรวมของ ตร.เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้สั่งการให้ทุกหน่วยชลอการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ ในวาระประจำปี 2558 ไปก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง”หนังสือดังกล่าวระบุ
แต่ในที่สุด … ถ้าวิบากกรรมมาตกอยู่ที่ “ พล.ต.ท. สานิตย์ “ ซึ่งจำใจต้องกลับไปทำงานในฐานะ” ผบช.ประจำตร. “ด้วยเหตุผล ยอมแข็ง ไม่ยอมงอ และไม่มีศาสตร์และศิลป์ในการทำงานรวมกับ “ ผู้บังคับบัญชาา “ ด้วยความเชื่อ บางอย่าง น่าจะเรียกว่า”ศึกสองแป๊ะ “ วันนี้มีคำตอบแล้ว ใครเป็น”ของจริง “ ใครเป็น “ของแถม “
“เมืองสมุทร”
ขอขอบคุณภาพ/ข้อมูล จาก www.1morenews.com
November 24, 2024
November 21, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
ฟ้าผ่า นครบาล จ่อเด้ง ศานิตย์ พ้นน. 1 –ส่ง บิ๊กหยม “เสียบแทน
ต้องเรียกว่า เป็นปรากฏการณ์ “ฟ้าผ่า “ก็พูดได้ หากในอีกไม่กี่วันข้างหน้า “ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา “ หรือคุ้นเคยกันในชื่อ “ บิ๊กแป๊ะ” ผบ.ตร. จะออกคำสั่งให้”พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร “ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “ แป๊ะ “เช่นเดียวกัน พ้นจากการรักษาราชการแทน”ผบช.น. “ หรือเรียกกันสั้นว่า” น.1 “ กลับไปเป็นผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) ตามเดิม
ผลพวงจากการเปลี่ยนครั้งนี้ หนีไม่พ้นการหารือในระดับ”บิ๊กรัฐบาล” ภายหลังการร่วมงานรดน้ำขอพร”พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะพี่ใหญ่แห่ง “บูรพาพยัคฆ์ “ที่บ้านพักซอยลาดพร้าวซอย71 เมื่อช่วงสายขชองวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา โดยผู้หารือนี้ประกอบด้วย “ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. พล.อ. ประวิตร พล.ต.อ. พัชรวาทวงศ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายพล.อ. ประวิตร พล.ต.อ. จักรทิพย์ และพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.
มีข่าวว่าการพูดคุยครั้งนี้ ได้นำปัญหาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2558 ซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการได้ ตามกฎ ก.ตร.แล้วต้องแต่งตั้งแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน ของทุกปี แต่ปีนี้เนื่องด้วยมีการปรับแก้กฎ ระเบียบ และโครงสร้างตำแหน่งพนักงานสอบสวน ซึ่งเกี่ยวพันกัน ทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต้องขออนุมัติ ก.ตร.เลื่อนการแต่งตั้งวาระประจำปีที่แล้วออกไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนเมษายนปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการแต่งตั้ง ที่ล่าช้าที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ตร.
แหล่งข่าวระบุว่า การแต่งตั้งที่ล่าช้า เกิดจากปัญหาในพื้นที่”นครบาล “ ซึ่ง”แม่ทัพสีกากี” กับ “รักษาราชการในตำแหน่ง น.1 “มีความเห็นต่างกัน โดย” พล.ต.ท.ศานิตย์”ไม่เห็นด้วยกับรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้าย ที่ทางผู้บังคับบัญชาส่งมาให้ อ้างว่าบางคนมีปัญหาและไม่มีประสิทธิภาพ เลยเล่นบท”ยอมหัก”ไม่ยอมงอ เพราะคิดว่าอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย สมควรเป็นของตนเอง
“ แทนที่จะเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับผบ.ตร. กับเล่นบทแข็ง จนทำให้เกิดปัญหา และอาจคิดว่าได้รับการสนับสนุนจากนายกฯ ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรจบสิ้นแล้ว พล.ต.ท. สานิตย์ซึ่งมีชื่อเล่นว่า”แป๊ะ”เหมือนกัน พยายามเข้าไปชี้แจงกับนาบยกฯ แต่พล.อ.ประยุทธ์บอกปัด โดยบอกว่า ต้องไปทำความเข้าใจกับรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลตร.เอง” คำพูดนายตำรวจระดับสูง ที่บอกเล่า บรรยากาศช่วงหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้น ที่บ้านพักพล.อ. ประวิตร
อาจเป็นไปไดว่า รักษาราชการแทน “ น. 1 “ ไม่ได้ศึกษาวัฒนธรรมของตร. โดยเฉพาะในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับต่างๆ เพราะในที่สุด รายชื่อหรือโผ ที่สมควรได้รับพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นสมัย “นักการเมือง”ดูแล หรือในยุคคสช.ซึ่ง “กองทัพ “มีบทบาทสำคัญกับการบริหารประเทศ ก็ต้องยึดจากฝ่ายบริหารเป็นหลัก เพราะชะตากรรมอดีต”ผบ.ตร.”หลายคน ก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
แม้กระทั่ง “กองบัญชาการ”บางแห่ง ระดับผบช.ไม่มีสิทธิ์จัดทำโผแต่งตั้งโยกย้ายเองด้วยซ้ำ เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล และ ฝ่ายคุมนโยบาย ซึ่งเป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย แม้ว่ารายชื่อนายตำรวจบางคนจะมีปัญหา แต่ก็ต้องใช้ศักยภาพความผู้นำ และการพูดคุย เพื่อทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ทำงานตามเป้าหมายให้ได้
ต้องบอกว่า ถ้า” พล.ต.ท.” สานิตย์ไม่ได้ทำหน้า “ผบช.น อีกต่อไป จะกลายเป็นบทเรียนให้นายตำรวจหรือข้าราชการหน่วยงานต่างๆ ต้องศึกษาและนำไปเป็นบทเรียนได้เลยทีเดียว
ส่วนแคนดิเดทที่อาจเข้ามารับตำแหน่งแทน คือ “ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช” ผบช. ภ.7 หรือสื่อเรียกกันติดปากว่า “บิ๊กหยม “ ซึ่งถูกวางตัวให้เป็น“ ผบช.น. “ ไว้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เนื่องจากเคยเป็นทีมงานให้ “แม่ทัพสีกากี “ สมัยนั่งคุม”นครบาล “ และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน และเป็นไปตามเป้ามายของ “บิ๊กแป๊ะ” ที่ไม่เห็นด้วย กับการการให้” พล.ต.ท..ศานิตย์ “มาคุมเมืองหลวงตั้งแรก
ขณะที่ก่อนหน้านั้น” พล.ต.ต.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์” รองผบช.สำนักงานกำลังพล (รอง ผบช.สกพ.) ปฏิบัติราชการแทนผบช.สำนักงานกำลังพล ได้หนังสือบันทึกข้อความด่วนที่สุด ที่ 009.231/3494 ลงวันที่ 15 เมษายน 2559 เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ถึงผู้บัญชาการ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้บังคับการในสังกัดสำนักงานผบ.ตร. มีใจความว่า ตามหนังสือ ตร.ด่วนที่สุด ที่ 0009.231/ว 15 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2559
แจ้งแนวทางการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2558 โดยให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้เสร็จสิ้นและมีคำสั่งแต่งตั้งในวันที่ 27 เมษายน 2559 นั้น เนื่องจากปัจจุบันมีหน่วยหลายหน่วยเสนอ ตร.เพื่อขอรับพิจารณาจัดสรรตำแหน่งว่างจากหน่วยอื่น
เพื่อรองรับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด ที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสม ที่จะได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเพิ่มจากตำแหน่งว่างที่มีอยู่ ซึ่ง ตร.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2558 นี้สถานภาพของตำแหน่งว่างกับข้าราชการตำรวจที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะได้รับเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ในหน่วยต่างๆ มีความลักลั่นกันหลายหน่วย
“ตร.จึงได้มีบันทึกลงวันที่ 15 เมษายน 2559 มอบหมายให้คณะทำงานตามคำสั่ง ตร.ที่ 181/2559 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2559 ซึ่งมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะทำงาน พิจารณามีความเห็นในกรณีดังกล่าวจนเป็นที่ยุติก่อน ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และการบริหารงายบุคคลในภาพรวมของ ตร.เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้สั่งการให้ทุกหน่วยชลอการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ ในวาระประจำปี 2558 ไปก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง”หนังสือดังกล่าวระบุ
แต่ในที่สุด … ถ้าวิบากกรรมมาตกอยู่ที่ “ พล.ต.ท. สานิตย์ “ ซึ่งจำใจต้องกลับไปทำงานในฐานะ” ผบช.ประจำตร. “ด้วยเหตุผล ยอมแข็ง ไม่ยอมงอ และไม่มีศาสตร์และศิลป์ในการทำงานรวมกับ “ ผู้บังคับบัญชาา “ ด้วยความเชื่อ บางอย่าง น่าจะเรียกว่า”ศึกสองแป๊ะ “ วันนี้มีคำตอบแล้ว ใครเป็น”ของจริง “ ใครเป็น “ของแถม “
“เมืองสมุทร”
ขอขอบคุณภาพ/ข้อมูล จาก www.1morenews.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาคที่ 2 ช่วยเหลือเหตุเรืออับปางในทะเล บริเวณทางทิศตะวันออกของร่องน้ำสงขลา
November 24, 2024
JUBILEE DIAMOND ฉลองครบรอบ 95 ปี เปิดบ้าน THE ...
November 24, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024