กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่าง ASEAN – US Cooperation Project on KCS ระหว่างวันที่ 21-25 มีนาคม 2559 ณ โรงแรมโกลเด้นบีช อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ด้านการจัดการในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงพัฒนาร่างแผนระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน 18 ด้าน ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประเทศไทยให้เป็นเมืองปลอดภัยน่าอยู่ รู้รับ ปรับตัว ฟื้นกลับจากภัยพิบัติอย่างรวดเร็ว
นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สาธารณภัยมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและเกิดบ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก การจัดการในภาวะฉุกเฉินที่เป็นระบบและมีเอกภาพถือเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยปกป้องชีวิต และลดผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ขับเคลื่อนกลไกการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2559 โดยจัดตั้งองค์กรปฏิบัติการตามระดับการจัดการสาธารณภัย และกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานอย่างครอบคลุมทุกด้าน ในการนี้ จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) เพื่อเปนเวทีในการพัฒนาระบบการจัดการภาวะฉุกเฉิน และเสริมสร้างศักยภาพองค์กรปฏิบัติให้สามารถรองรับสาธารณภัยได้ตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมทุกประเภทภัยและทุกระดับการจัดการ เพื่อสร้างประเทศไทยให้เป็นเมืองปลอดภัย น่าอยู่ รู้รับ ปรับตัว ฟื้นกลับจากภัยพิบัติอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาตามวิสัยทัศน์ประเทศไทย พ.ศ. 2558-2565 “ประเทศไทยมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ประชาคมยั่งยืน”
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การบูรณาการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ได้กำหนดแนวทางการสร้างมาตรฐานการจัดการภาวะในภาวะฉุกเฉิน โดยจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) และขนาดร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) รวมถึงกำหนดให้พัฒนาระบบและเครื่องมือสนับสนุนการเผชิญเหตุ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน : สปฉ. (Emergency Support Function : ESF) ดังนั้นกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ระหว่างวันที่ 21-25 มีนาคม 2559 ณ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่าง ASEAN – US Cooperation Project on KCS ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศนำร่องที่นำระบบบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System : ICS) มาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการสาธารณภัย โดยผู้เข้าร่วมประชุมฯ ประกอบด้วย หน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำนวน 36 หน่วยงาน บุคลากรในสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งนี้ การประชุมฯ ดังกล่าวมุ่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน ทั้งการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน และระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงพัฒนาร่างแผนระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน 18 ด้าน ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนวาระสำคัญของรัฐบาล “ประเทศไทยปลอดภัย (Safety Thalland)”.
เว็บไซต์ Bankaonews.com
December 5, 2025
December 4, 2025
December 3, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
ปภ.พัฒนาระบบการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) สร้างประเทศไทยปลอดภัยยั่งยืน
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่าง ASEAN – US Cooperation Project on KCS ระหว่างวันที่ 21-25 มีนาคม 2559 ณ โรงแรมโกลเด้นบีช อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ด้านการจัดการในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงพัฒนาร่างแผนระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน 18 ด้าน ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประเทศไทยให้เป็นเมืองปลอดภัยน่าอยู่ รู้รับ ปรับตัว ฟื้นกลับจากภัยพิบัติอย่างรวดเร็ว
นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สาธารณภัยมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและเกิดบ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก การจัดการในภาวะฉุกเฉินที่เป็นระบบและมีเอกภาพถือเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยปกป้องชีวิต และลดผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ขับเคลื่อนกลไกการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2559 โดยจัดตั้งองค์กรปฏิบัติการตามระดับการจัดการสาธารณภัย และกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานอย่างครอบคลุมทุกด้าน ในการนี้ จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) เพื่อเปนเวทีในการพัฒนาระบบการจัดการภาวะฉุกเฉิน และเสริมสร้างศักยภาพองค์กรปฏิบัติให้สามารถรองรับสาธารณภัยได้ตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมทุกประเภทภัยและทุกระดับการจัดการ เพื่อสร้างประเทศไทยให้เป็นเมืองปลอดภัย น่าอยู่ รู้รับ ปรับตัว ฟื้นกลับจากภัยพิบัติอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาตามวิสัยทัศน์ประเทศไทย พ.ศ. 2558-2565 “ประเทศไทยมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ประชาคมยั่งยืน”
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การบูรณาการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ได้กำหนดแนวทางการสร้างมาตรฐานการจัดการภาวะในภาวะฉุกเฉิน โดยจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) และขนาดร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) รวมถึงกำหนดให้พัฒนาระบบและเครื่องมือสนับสนุนการเผชิญเหตุ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน : สปฉ. (Emergency Support Function : ESF) ดังนั้นกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ระหว่างวันที่ 21-25 มีนาคม 2559 ณ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่าง ASEAN – US Cooperation Project on KCS ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศนำร่องที่นำระบบบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System : ICS) มาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการสาธารณภัย โดยผู้เข้าร่วมประชุมฯ ประกอบด้วย หน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำนวน 36 หน่วยงาน บุคลากรในสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งนี้ การประชุมฯ ดังกล่าวมุ่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน ทั้งการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน และระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงพัฒนาร่างแผนระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน 18 ด้าน ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนวาระสำคัญของรัฐบาล “ประเทศไทยปลอดภัย (Safety Thalland)”.
เว็บไซต์ Bankaonews.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธินายช่างไทยฯ ผนึกกำลังจิตอาสา กฟผ. ระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.สงขลา
December 5, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จัดการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ...
December 4, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ส่งต่อถุงยังชีพ AOT ให้ชุมชนรอบสนามบิน
December 3, 2025
โรงเรียน นานาชาติ The American School of Bangkok ...
December 3, 2025