4G คือชื่อที่ใช้เรียกแทนยุคที่ 4 ของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ โดยตัวอักษร G นั้นย่อมาจาก Generation ที่แปลว่ายุคสมัย ซึ่งก่อนหน้านี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ 1G, 2G และ 3G ที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้กันในปัจจุบัน สำหรับความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคมีดังนี้
1G = ยุคเริ่มต้นของโทรศัพท์มือถือ ใช้สัญญาณแบบอนาล็อกล้วน ๆ โทรคุยกันได้อย่างเดียว
2G = ยุคที่โทรศัพท์มือถือเริ่มมีการส่งข้อมูลแบบดิจิตอล เริ่มมีการส่งข้อความ SMS หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีอย่าง GPRS และ EDGE ได้
3G = ยุคที่โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสมาร์ทโฟนอย่างเต็มรูปแบบ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยีอย่าง HSPA (หรือที่เราเห็นไอคอน H บนจอมือถือ)
4G = ยุคล่าสุดที่เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี LTE ซึ่งทำให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วที่สูงกว่า 3G หลายเท่าตัว
ทั้งนี้แท้จริงแล้วในแต่ละยุคจะมีการพัฒนาแบบย่อย ๆ อีกมากมาย เช่น 2.5G 2.75G, 3.5G, 3.75G, 3.9G ซึ่งจะมีเทคโนโลยีที่ค่อนข้างหลากหลายกันออกไป
4G ดีกว่า 3G อย่างไร ?
จุดเด่นหลัก ๆ ที่ 4G ดีกว่า 3G ก็คือความเร็วอินเทอร์เน็ต โดย 3G จะมีความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 200kbit/s หรือ 0.2Mbit/s ส่วน 4G จะมีความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 100Mbit/s ทั้งนี้ความเร็วอินเทอรฺ์เน็ตไม่ว่าจะเป็น 3G หรือ 4G ล้วนขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ, แพ็กเกจที่ใช้ รวมทั้งจำนวนคนที่ใช้งานในพื้นที่และช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบความเร็วตามแต่ละรูปแบบการใช้งานโดยประมาณได้ดังนี้
โหลดเกมขนาด 20MB
– 3G ใช้เวลา 3 นาที – 4G ใช้เวลา 25 วินาที
สตรีมเพลง
– 3G ใช้เวลา 10 วินาที – 4G ใช้เวลา 1 วินาที
สตรีมวิดีโอ SD
– 3G ใช้เวลา 20 วินาที – 4G ใช้เวลา 1 วินาที
สตรีมวิดีโอ HD
– 3G ใช้เวลา 1-5 นาที – 4G ใช้เวลา 30 วินาที
อัพโหลดรูปภาพ
– 3G ใช้เวลา 25 วินาที – 4G ใช้เวลา 1 วินาที
อยากใช้ 4G ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
การจะใช้งาน 4G นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่รองรับ 4G หรือ LTE และเปิดใช้งานแพ็กเกจ 4G ของเครือข่ายที่มีให้บริการ เท่านี้ก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ 4G ได้แล้ว
Wow แล้วก็มาถึงยุค 5G.. ระบบ 5G วันนี้ผมเลยขอชวนท่านผู้อ่านไปคุยเรื่อง “โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 5G” กันดีกว่า เพราะวันนี้ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในโลกก้าวหน้าไปมาก จนระบบ 3G ของไทยที่มีความเร็วแค่ 2.5G กลายเป็นระบบที่ล้าหลังไปแล้ว
ผมจะเล่าถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของ ระบบ 5G ที่เหนือกว่า ระบบ 4G ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะไฟเขียวให้ กสทช. เปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ ผมเชื่อว่า ระบบ 4G แบบไทยๆ เมื่อประมูลเสร็จ สร้างเครือข่ายเสร็จ เปิดใช้บริการได้ ก็กลายเป็นระบบที่ล้าหลังไปทันที เหมือนระบบ 3G ในปัจจุบัน
จากการติดตามข่าวล่าสุด ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G มีการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก จนใกล้จะบรรลุถึง “ขั้นเทพ” แล้ว
ตอนที่ ค่ายมือถือซัมซุงเกาหลีใต้ ทดลองโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 5G ที่มีความเร็วสูงถึง 1 กิ๊กต่อวินาที เมื่อปี 2013 ก็สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก เพราะสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ระบบ HD ความคมชัดสูงทั้งเรื่องได้ในเวลาเพียง 30 วินาที
แต่ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G วันนี้ ได้พัฒนาความเร็วขึ้นไปถึง 800 กิ๊กต่อวินาทีแล้ว มีความเร็วมากกว่าระบบ 5G ของซัมซุงถึง 100เท่า
ด้วยความเร็วที่ 800 กิ๊กต่อวินาที โทรศัพท์ระบบ 5G สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ระบบ HD ความคมชัดสูงได้ถึง 33 เรื่องภายในเวลาเพียง 1 วินาทีเท่านั้น จนนักวิจัยชักเป็นห่วงว่าจะมีมนุษย์ที่ไหนต้องการดาวน์โหลดอะไรรวดเร็วมากมายขนาดนั้น
แต่ก็คาดกันว่า ภายในปี 2020 อีก 5 ปีข้างหน้า โลกจะเข้าสู่ยุค Internet of Things ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกจะเชื่อมโยงกันด้วยเครือข่ายอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ภายในปี 2020 จะมีเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดกว่า 50,000–100,000 ล้านเครื่อง เชื่อมต่อสื่อสารกันทางอินเตอร์เน็ต การเชื่อมต่อเหล่านี้จะสื่อสารกันด้วยคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน
นี่คือยุคที่เรียกว่า Internet of Things อย่างแท้จริง
เครือข่ายระบบ 5G จะไม่ใช้คลื่นโทรศัพท์มือถือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่จะใช้ “คลื่นความถีวิทยุ” หรือ Radio Spectrum ทำให้อยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน โดยมี ITU สหภาพโทรคมนาคมนานาชาติ เป็นผู้กำกับดูแลจัดสรรการใช้คลื่น แต่ละคลื่นความถี่จะมีระบบการสื่อสารที่แตกต่างกัน เช่น คลื่นวิทยุการบิน คลื่นวิทยุทางทะเล คลื่นวิทยุโทรทัศน์ คลื่นการส่งข้อมูลเคลื่อนที่ เป็นต้น
ปัจจุบันคลื่นความถี่วิทยุกลายเป็นของที่ไม่มีค่า แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาขึ้น คลื่นความถี่วิทยุจะถูกบีบให้เป็นช่องที่มีความถี่แตกต่างกัน เพื่อการสื่อสารที่แตกต่างกัน
เวลานี้ หัวเหว่ย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จีนกำลังวางแผนใช้ 5G กับรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้คนขับ ให้สามารถสื่อสารกันเองได้ และสื่อสารกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่ขับผ่านได้ ด้วยความเร็วของ 5G ทำให้แพทย์สามารถทำการผ่าตัดทางไกลด้วยการสื่อสารกับหุ่นยนต์ผ่าตัดที่ความเร็ว 50 เท่าของความเร็ว 4G เพื่อไม่ให้มีการผิดพลาด
ค่ายมือถือซัมซุง กำลังวางแผนจะทดลองใช้ระบบ 5Gในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 และ ค่ายมือถือหัวเหว่ย ก็วางแผนจะเปิดตัวระบบ 5G ในการแข่งขันฟุตบอล World Cup 2018 ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย
นี่คือ ความมหัศจรรย์ของ Mobile Network 5G ทีย่กำลังจะมาถึงในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า เลยขอเอามาเล่าสู่กันฟังล่วงหน้าเพลินๆไปก่อน..!!.
September 2, 2020
February 21, 2020
November 1, 2019
October 29, 2019
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
่ขอนำเกร็ดเล็กๆ น้อย ๆ มาแชร์กับเพื่อนที่สนใจอาจจะเชยสำหรับบางคนครับ 4G คืออะไร?
4G คือชื่อที่ใช้เรียกแทนยุคที่ 4 ของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ โดยตัวอักษร G นั้นย่อมาจาก Generation ที่แปลว่ายุคสมัย ซึ่งก่อนหน้านี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ 1G, 2G และ 3G ที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้กันในปัจจุบัน สำหรับความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคมีดังนี้
1G = ยุคเริ่มต้นของโทรศัพท์มือถือ ใช้สัญญาณแบบอนาล็อกล้วน ๆ โทรคุยกันได้อย่างเดียว
2G = ยุคที่โทรศัพท์มือถือเริ่มมีการส่งข้อมูลแบบดิจิตอล เริ่มมีการส่งข้อความ SMS หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีอย่าง GPRS และ EDGE ได้
3G = ยุคที่โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสมาร์ทโฟนอย่างเต็มรูปแบบ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยีอย่าง HSPA (หรือที่เราเห็นไอคอน H บนจอมือถือ)
4G = ยุคล่าสุดที่เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี LTE ซึ่งทำให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วที่สูงกว่า 3G หลายเท่าตัว
ทั้งนี้แท้จริงแล้วในแต่ละยุคจะมีการพัฒนาแบบย่อย ๆ อีกมากมาย เช่น 2.5G 2.75G, 3.5G, 3.75G, 3.9G ซึ่งจะมีเทคโนโลยีที่ค่อนข้างหลากหลายกันออกไป
4G ดีกว่า 3G อย่างไร ?
จุดเด่นหลัก ๆ ที่ 4G ดีกว่า 3G ก็คือความเร็วอินเทอร์เน็ต โดย 3G จะมีความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 200kbit/s หรือ 0.2Mbit/s ส่วน 4G จะมีความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 100Mbit/s ทั้งนี้ความเร็วอินเทอรฺ์เน็ตไม่ว่าจะเป็น 3G หรือ 4G ล้วนขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ, แพ็กเกจที่ใช้ รวมทั้งจำนวนคนที่ใช้งานในพื้นที่และช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบความเร็วตามแต่ละรูปแบบการใช้งานโดยประมาณได้ดังนี้
โหลดเกมขนาด 20MB
– 3G ใช้เวลา 3 นาที
– 4G ใช้เวลา 25 วินาที
สตรีมเพลง
– 3G ใช้เวลา 10 วินาที
– 4G ใช้เวลา 1 วินาที
สตรีมวิดีโอ SD
– 3G ใช้เวลา 20 วินาที
– 4G ใช้เวลา 1 วินาที
สตรีมวิดีโอ HD
– 3G ใช้เวลา 1-5 นาที
– 4G ใช้เวลา 30 วินาที
อัพโหลดรูปภาพ
– 3G ใช้เวลา 25 วินาที
– 4G ใช้เวลา 1 วินาที
อยากใช้ 4G ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
การจะใช้งาน 4G นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่รองรับ 4G หรือ LTE และเปิดใช้งานแพ็กเกจ 4G ของเครือข่ายที่มีให้บริการ เท่านี้ก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ 4G ได้แล้ว
Wow แล้วก็มาถึงยุค 5G..
ระบบ 5G
วันนี้ผมเลยขอชวนท่านผู้อ่านไปคุยเรื่อง “โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 5G” กันดีกว่า เพราะวันนี้ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในโลกก้าวหน้าไปมาก จนระบบ 3G ของไทยที่มีความเร็วแค่ 2.5G กลายเป็นระบบที่ล้าหลังไปแล้ว
ผมจะเล่าถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของ ระบบ 5G ที่เหนือกว่า ระบบ 4G ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะไฟเขียวให้ กสทช. เปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ ผมเชื่อว่า ระบบ 4G แบบไทยๆ เมื่อประมูลเสร็จ สร้างเครือข่ายเสร็จ เปิดใช้บริการได้ ก็กลายเป็นระบบที่ล้าหลังไปทันที เหมือนระบบ 3G ในปัจจุบัน
จากการติดตามข่าวล่าสุด ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G มีการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก จนใกล้จะบรรลุถึง “ขั้นเทพ” แล้ว
ตอนที่ ค่ายมือถือซัมซุงเกาหลีใต้ ทดลองโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 5G ที่มีความเร็วสูงถึง 1 กิ๊กต่อวินาที เมื่อปี 2013 ก็สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก เพราะสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ระบบ HD ความคมชัดสูงทั้งเรื่องได้ในเวลาเพียง 30 วินาที
แต่ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G วันนี้ ได้พัฒนาความเร็วขึ้นไปถึง 800 กิ๊กต่อวินาทีแล้ว มีความเร็วมากกว่าระบบ 5G ของซัมซุงถึง 100เท่า
ด้วยความเร็วที่ 800 กิ๊กต่อวินาที โทรศัพท์ระบบ 5G สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ระบบ HD ความคมชัดสูงได้ถึง 33 เรื่องภายในเวลาเพียง 1 วินาทีเท่านั้น จนนักวิจัยชักเป็นห่วงว่าจะมีมนุษย์ที่ไหนต้องการดาวน์โหลดอะไรรวดเร็วมากมายขนาดนั้น
แต่ก็คาดกันว่า ภายในปี 2020 อีก 5 ปีข้างหน้า โลกจะเข้าสู่ยุค Internet of Things ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกจะเชื่อมโยงกันด้วยเครือข่ายอินเตอร์เน็ตทั้งหมด ภายในปี 2020 จะมีเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดกว่า 50,000–100,000 ล้านเครื่อง เชื่อมต่อสื่อสารกันทางอินเตอร์เน็ต การเชื่อมต่อเหล่านี้จะสื่อสารกันด้วยคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน
นี่คือยุคที่เรียกว่า Internet of Things อย่างแท้จริง
เครือข่ายระบบ 5G จะไม่ใช้คลื่นโทรศัพท์มือถือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่จะใช้ “คลื่นความถีวิทยุ” หรือ Radio Spectrum ทำให้อยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน โดยมี ITU สหภาพโทรคมนาคมนานาชาติ เป็นผู้กำกับดูแลจัดสรรการใช้คลื่น แต่ละคลื่นความถี่จะมีระบบการสื่อสารที่แตกต่างกัน เช่น คลื่นวิทยุการบิน คลื่นวิทยุทางทะเล คลื่นวิทยุโทรทัศน์ คลื่นการส่งข้อมูลเคลื่อนที่ เป็นต้น
ปัจจุบันคลื่นความถี่วิทยุกลายเป็นของที่ไม่มีค่า แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาขึ้น คลื่นความถี่วิทยุจะถูกบีบให้เป็นช่องที่มีความถี่แตกต่างกัน เพื่อการสื่อสารที่แตกต่างกัน
เวลานี้ หัวเหว่ย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จีนกำลังวางแผนใช้ 5G กับรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้คนขับ ให้สามารถสื่อสารกันเองได้ และสื่อสารกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่ขับผ่านได้ ด้วยความเร็วของ 5G ทำให้แพทย์สามารถทำการผ่าตัดทางไกลด้วยการสื่อสารกับหุ่นยนต์ผ่าตัดที่ความเร็ว 50 เท่าของความเร็ว 4G เพื่อไม่ให้มีการผิดพลาด
ค่ายมือถือซัมซุง กำลังวางแผนจะทดลองใช้ระบบ 5Gในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 และ ค่ายมือถือหัวเหว่ย ก็วางแผนจะเปิดตัวระบบ 5G ในการแข่งขันฟุตบอล World Cup 2018 ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย
นี่คือ ความมหัศจรรย์ของ Mobile Network 5G ทีย่กำลังจะมาถึงในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า เลยขอเอามาเล่าสู่กันฟังล่วงหน้าเพลินๆไปก่อน..!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขอเชิญร่วมพิธีมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่สอบผ่านธรรมศึกษา สำนักศาสนศึกษาวัดโพธิ์ปฐมาวาส และพิธีทำบุญวันคล้ายวันเกิดพระโสภณวราภรณ์ (บัณฑิต ...
September 2, 2020
เทศบาลนครหาดใหญ่ ขอเชิญสาวงามผู้สนใจเข้าร่วมประกวดนางสงกรานต์ ประจำปี 2563
February 21, 2020
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี “สมทบทุนสร้างอุโบสถ หลังแรก” ณ วัดท่ากระชับ (วัดป่า)
November 1, 2019
10 ซูเปอร์ฟู้ดบำรุงสายตา คนติดหน้าจอ ติดโซเชียล กินให้ไว
October 29, 2019