จบแล้ว…. ใช้ทุนมหาศาล ในการสร้างหนัง เรื่อง Eat Carrier Forever ภาค 2 ที่ Jas กับ True ร่วมกันสร้าง หนังกินคลื่น 900 Mhz 4G โดยใช้เงินทุน ในการสร้างหนังเรื่องนี้ 151,952 ล้านบาท กสทช ทำหน้าที่ผู้กำกับ รับเงินไปเต็มๆ ใช้เวลาในการสร้างหนังนานถึง 87 ชั่วโมง 15 นาที จำนวน 199 ครั้ง ซึ่งJas ลงทุนไป 75,654 ล้านบาท ส่วน True ใช้เงินลงทุนไปอีก 75,298 ล้านบาท True ก่อนหน้านี้ ได้ร่วมกันสร้าง ภาคแรก หนังกินคลื่น 1800 Mhz 4G ใช้เงินลงทุนสร้างไป 39,792 ล้านบาท โดยร่วมสร้างกับ AIS ซึ่งร่วมลงทุนกันไป 40986 ล้านบาท ภาคแรก ใช้เวลาสร้างสั้นหน่อย นานกว่า 30 ชั่วโมง หนังเรื่อง Eat Carrier Forever ภาค 1 สามารถฉายหนังยาวไปถึง 18 ปี ส่วนภาค 2 ที่เพิ่งสร้างเสร็จ สามารถฉายไปนานแค่ 15 ปีเอง การที่ True ยอมควักเงิน สร้างหนังเรื่องนี้ ถึง 2 ภาค โดยใช้เงินมหาศาล มากถึง 115,090 ล้านบาท ซึ่งมองว่าเป็นเงินทุนมหาศาล ที่จะทำกำไรหนังนาน ถึง 15-18 ปี คำถามมีอยู่ว่า True จะควักเงินมาจากไหน True กำลังมองอนาคตวงการสื่อสาร ในอนาคตยังไงกันแน่ ส่วน Jas ไม่เคยมีประสบการณ์ ในการสร้างหนังมาก่อนเลย ถือว่าเป็นหน้าใหม่ในวงการ ถึงแม้ว่า Dtac และ Ais จะยอมเปิดทางให้ดาวรุ่งดวงใหม่ เกิดขึ้นมาในวงการ มองว่า คิดแล้ว วงการสื่อสารต้องมีการแข่งขันกันเดือดแน่นอน คงมีกลยุทธ์ ที่จะเตรียมไว้ในอนาคต ทั้ง Dtac และ AIS ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า หนังที่จะสร้าง มันใช้เงินทุนมากเกินไปแล้วนะ รายได้อาจไม่คุ้มกัน แต่ True กลับมองอีกแบบหนึ่ง หนังที่ True ลงทุนทั้ง 2 ภาค ( 1800 Mhz และ 900 Mhz 4G ) ถึงจะใช้เงินมาศาล แต่มองว่า รายได้จะต้องทุบสถิติ อันดับหนึ่ง แน่นอน นั่นหมายความว่า True อยากเป็นเบอร์หนึ่ง ในวงการสื่อสาร ไม่ใช่เบอร์ 2 แทน Dtac แต่การจะดึงคนเข้ามาดูหนังเยอะๆ เพื่อสร้างรายได้ ก็อาจจะเหนื่อย เพราะ Jas เอง ก็มีฐานลูกค้าทางด้าน internet broadband ที่จะเรียกมาดูหนังเรื่องนี้ มากเหมือนกัน แต่จะขึ้นราคา ค่าตัวหนัง กสทช. ก็คุ้มราคาค่าตัวไว้แล้ว Dtac เอง ก็เพียงมุ่งมั่น ขยายเครื่อข่ายให้ทั่วถึง เพื่อรักษา คนดูหนังให้เท่าเดิม ก็พอแล้ว ส่วน AIS ก็ต้องกลับมานั่งคิด กลยุทธ์ที่จะรักษาคนดูหนังให้เท่าเดิม ปกป้องธุรกิจไม่ให้เกิดผลลบในวงการสื่อสาร ก็น่าจะทำให้ ผลกำไร มีมากอย่างต่อเนื่อง ก็ดูว่า ทั้ง AIS และ Dtac จะใช้กลยุทธ์น้ำทะเลสีดำ( Black Ocean Strategy ) มุมมองด้านการลงทุน ในวันจันทร์ คงสะท้อน ภาพของราคาหุ้น ..Advanc ราคาขยับราคาขึ้น ไม่น้อยกว่า 10 บาท Dtac ราคาหุ้น อาจขยับราคาลงไปอีก 5 บาท ทั้ง Jas และ True กระตุกราคาขึ้นได้ 1-2 บาท จาก Dr. สื่อสาร 4G
November 21, 2024
November 20, 2024
November 19, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
จบแล้ว…. ใช้ทุนมหาศาล ในการสร้างหนัง เรื่อง Eat Carrier Forever ภาค 2
จบแล้ว…. ใช้ทุนมหาศาล ในการสร้างหนัง เรื่อง Eat Carrier Forever ภาค 2 ที่ Jas กับ True ร่วมกันสร้าง หนังกินคลื่น 900 Mhz 4G โดยใช้เงินทุน ในการสร้างหนังเรื่องนี้ 151,952 ล้านบาท กสทช ทำหน้าที่ผู้กำกับ รับเงินไปเต็มๆ ใช้เวลาในการสร้างหนังนานถึง 87 ชั่วโมง 15 นาที จำนวน 199 ครั้ง ซึ่งJas ลงทุนไป 75,654 ล้านบาท ส่วน True ใช้เงินลงทุนไปอีก 75,298 ล้านบาท True ก่อนหน้านี้ ได้ร่วมกันสร้าง ภาคแรก หนังกินคลื่น 1800 Mhz 4G ใช้เงินลงทุนสร้างไป 39,792 ล้านบาท โดยร่วมสร้างกับ AIS ซึ่งร่วมลงทุนกันไป 40986 ล้านบาท ภาคแรก ใช้เวลาสร้างสั้นหน่อย นานกว่า 30 ชั่วโมง หนังเรื่อง Eat Carrier Forever ภาค 1 สามารถฉายหนังยาวไปถึง 18 ปี ส่วนภาค 2 ที่เพิ่งสร้างเสร็จ สามารถฉายไปนานแค่ 15 ปีเอง การที่ True ยอมควักเงิน สร้างหนังเรื่องนี้ ถึง 2 ภาค โดยใช้เงินมหาศาล มากถึง 115,090 ล้านบาท ซึ่งมองว่าเป็นเงินทุนมหาศาล ที่จะทำกำไรหนังนาน ถึง 15-18 ปี คำถามมีอยู่ว่า True จะควักเงินมาจากไหน True กำลังมองอนาคตวงการสื่อสาร ในอนาคตยังไงกันแน่ ส่วน Jas ไม่เคยมีประสบการณ์ ในการสร้างหนังมาก่อนเลย ถือว่าเป็นหน้าใหม่ในวงการ ถึงแม้ว่า Dtac และ Ais จะยอมเปิดทางให้ดาวรุ่งดวงใหม่ เกิดขึ้นมาในวงการ มองว่า คิดแล้ว วงการสื่อสารต้องมีการแข่งขันกันเดือดแน่นอน คงมีกลยุทธ์ ที่จะเตรียมไว้ในอนาคต ทั้ง Dtac และ AIS ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า หนังที่จะสร้าง มันใช้เงินทุนมากเกินไปแล้วนะ รายได้อาจไม่คุ้มกัน แต่ True กลับมองอีกแบบหนึ่ง หนังที่ True ลงทุนทั้ง 2 ภาค ( 1800 Mhz และ 900 Mhz 4G ) ถึงจะใช้เงินมาศาล แต่มองว่า รายได้จะต้องทุบสถิติ อันดับหนึ่ง แน่นอน นั่นหมายความว่า True อยากเป็นเบอร์หนึ่ง ในวงการสื่อสาร ไม่ใช่เบอร์ 2 แทน Dtac แต่การจะดึงคนเข้ามาดูหนังเยอะๆ เพื่อสร้างรายได้ ก็อาจจะเหนื่อย เพราะ Jas เอง ก็มีฐานลูกค้าทางด้าน internet broadband ที่จะเรียกมาดูหนังเรื่องนี้ มากเหมือนกัน แต่จะขึ้นราคา ค่าตัวหนัง กสทช. ก็คุ้มราคาค่าตัวไว้แล้ว Dtac เอง ก็เพียงมุ่งมั่น ขยายเครื่อข่ายให้ทั่วถึง เพื่อรักษา คนดูหนังให้เท่าเดิม ก็พอแล้ว ส่วน AIS ก็ต้องกลับมานั่งคิด กลยุทธ์ที่จะรักษาคนดูหนังให้เท่าเดิม ปกป้องธุรกิจไม่ให้เกิดผลลบในวงการสื่อสาร ก็น่าจะทำให้ ผลกำไร มีมากอย่างต่อเนื่อง ก็ดูว่า ทั้ง AIS และ Dtac จะใช้กลยุทธ์น้ำทะเลสีดำ( Black Ocean Strategy ) มุมมองด้านการลงทุน ในวันจันทร์ คงสะท้อน ภาพของราคาหุ้น ..Advanc ราคาขยับราคาขึ้น ไม่น้อยกว่า 10 บาท Dtac ราคาหุ้น อาจขยับราคาลงไปอีก 5 บาท ทั้ง Jas และ True กระตุกราคาขึ้นได้ 1-2 บาท จาก Dr. สื่อสาร 4G
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024
อบจ.สงขลา ร่วมรับรางวัลประกาศเกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต จากโครงการ ...
November 20, 2024
อโกด้าเผย หาดใหญ่คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี
November 19, 2024