จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารเข้าจับเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติทางภาคใต้ กระทั่งมีการสืบสวนจนนำมาสู่การจับกุมนายบรรจง ปองผล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ โดยกล่าวหาว่ามีส่วนในคดี กักขังชาวโรฮีนจาเรียกค่าไถ่ในพื้นที่รอยต่อชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งทางนายบรรจงเป็นฝ่ายเข้ามอบตัวพร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมาแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จ.สงขลา ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่จาก 5 หน่วยงาน ประกอบด้วยตำรวจ ทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปปง.และเจ้าหน้าที่สรรพากรกว่า 100 นาย โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็น 5 ชุด เพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 5 จุด ที่คาดว่าจะมีพยานหลักฐาน เกี่ยวข้องกับคดีการค้ามนุษย์ซุกซ่อนอยู่

สำหรับจุดแรกตำรวจคอมมานโดพร้อมอาวุธครบมือคุมตัวนายบรรจง ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวขึ้นรถกระบะไปยังบ้านพักเลขที่ 4 ถนนทักษิณเฉลิมเขต เขตเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อตรวจค้นหาหาหลักฐานทางคดี ซึ่งภายหลังสามารถตรวจยึดเอกสารต้องสงสัยได้จำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เข้าค้นจุดที่ 2 ที่เมเยอร์รีสอร์ท ซึ่งเป็นของนายบรรจง และจุดที่ 3 คือที่ห้องทำงานในสำนักงานเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเอกสารต่าง ๆ ได้จำนวนหนึ่งเช่นกัน

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังไปค้นบ้านพักของผู้ต้องสงสัยที่ถูกออกหมายจับยังบ้านเลขที่ 45 ถนนพลังพัฒนา 1 อ.สะเดา จ.สงขลา และบ้านเลขที่ 103/4 หมู่ 6 ต.ต.ปาดัง อ.สะเดา จ.สงขลา สามารถตรวจยึดเอกสารที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับทางคดีนี้ได้อีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามคดีโรฮินจา ทางตำรวจได้ขอหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ไปแล้ว 29 ราย ติดตามจับกุมและมอบตัวเพียง 11 คน เท่านั้น.