วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 เวลา 01.00 น.

จากกรณีแกะรอยไล่ล่าขบวนการค้ามนุษย์หลังพบศพชาวโรฮิงญา 26 ราย ถูกฝังอยู่ในหลุมศพอย่างปริศนาในสุสานบริเวณแคมป์ที่พักชั่วคราวบนยอดเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.และพล.ต.อ.เอก เอกอังสนานนท์ รองผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็กเยาวชนและสตรีและปราบปรามการค้ามนุษย์ ลงพื้นที่ไปสืบสวนและติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องกระทั่ง พล.ต.อ.สมยศ ลงนามคำสั่งโยกย้ายนายตำรวจชนิดเด้งระนาวเข้ากรุ ตั้งแต่ “ผบก.ภ.จว.สตูล” “ผกก.สภ.ควนโดน” “5 เสือโรงพักปาดังเบซาร์” รวมถึง ตชด.และตำรวจที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 14 นาย เนื่องจากเชื่อมีเอี่ยวในการเรียกรับผลประโยชน์ นอกจากนี้ยังสามารถลากคอผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการได้แล้ว 4 ราย หลังศาลอนุมัติหมายจับ 8 ราย ทั้งรองนายกเล็ก-สท.-ผญบ.ผช.ผญบ.ร่วมก๊วนเพียบ จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตที่ทั่วโลกต่างจับตามอง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยาหลี เขร็ม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดาจ.สงขลา ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยมี พล.ต.อ.เอก เอกอังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เข้ารับการมอบตัวเพื่อสอบปากคำ เบื้องต้นนายยาหลียังให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจากนั้นได้คุมตัวไปตรวจค้นบ้านพักในพื้นที่ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยการเข้ามอบตัวครั้งนี้ทำให้ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 3 รายคือ นายประสิทธิ์ เหล็มเหล๊ะ รองนายกเทศมนตรีตำบลปาดังเบซาร์ นายพรรคพล เบ็ญล่าเต๊ะ และนายเจริญ ทองแดง ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

พล.ต.อ.เอก เปิดเผยว่า มาตรการหลังจากนี้จะปิดพื้นที่ปลายทางที่เป็นแหล่งพักพิงตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซียทั้งหมด รวมถึงต้นทางใน จ.สตูล เพื่อไม่ให้มีการค้ามนุษย์โรฮิงญาเกิดขึ้นอีก รวมทั้งจะปูพรมตรวจค้นว่า ยังมีแคมป์หรือชาวโรฮิงญาหลบหนีอยู่อีกหรือไม่ ส่วนตำรวจที่ถูกสั่งย้ายทั้ง 14 นายนั้น ทางจเรตำรวจจะสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง ถ้าเกี่ยวข้องจริงเจอโทษทางวินัยร้ายแรงแน่นอกจากนี้ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษเฉพาะกิจขึ้นที่ สภ.หาดใหญ่ เพื่อบูรณาการทุกฝ่ายมาคลี่คลายคดี

ด้านนางคอลีเยาะ ล่าเมาะ ภรรยาของนายอาหลี ล่าเม๊าะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ ที่โดนจับกุมก่อนหน้านี้ ได้เข้าขอความเป็นธรรมพร้อมกับลูก ๆ โดยนำสมุดบัญชีธนาคารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าสามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนเล่าว่า สามีไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการค้าโรฮิงญา ครอบครัวมีอาชีพทำสวนยางพาราเชิงเขาแก้ว ส่วนบัญชีก็มีแต่เงินกู้และหนี้สิน ไม่ได้ร่ำรวยอะไรไม่อยากให้ต้องเป็นจำเลยสังคม

มีรายงานว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพบหลุมฝังศพชาวโรฮิงญา บนเทือกเขาแก้ว ตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ ได้ขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับตัวการใหญ่ซึ่งเป็นนายทหารยศระดับ “พ.ต.” นายหนึ่ง เนื่องจากได้จับตัวนายหน้าค้าโรฮิงญาไปเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 2 ล้านบาท แต่ปรากฏว่านายหน้าคนดังกล่าวหลุดรอดออกมาแจ้งความกับ พ.ต.ท.ประพันธ์ อารีบำบัด พนักงานสอบสวน สภ.ปาดังเบซาร์ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามนายทหารคนดังกล่าวมาดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเส้นทางการนำพาชาวโรฮิงญาปัจจุบันใช้วิธีการล่องเรือโดยตรงจากรัฐยะไข่ ประเทศพม่ามาขึ้นฝั่งที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ฝั่งตรงกันข้ามกับเกาะลังกาวีประเทศมาเลเซีย เนื่องจากเป็นมุมอับและอยู่นอกเหนือพื้นที่อุทยาน ใช้เวลาเดินทาง 20 วัน อีกทั้งบนเกาะจะมีค่ายกักกัน และมีโรงเรือน 2 หลัง หลังคามุงจากและผ้าเต๊นท์ความจุ 200 คน จากนั้นจึงทำการอพยพด้วยเรือเล็กขึ้นฝั่งที่อ.ละงู จ.สตูล โดยใช้พื้นที่ของท่าเรือเอกชนแล้วเดินทางต่อด้วยรถตู้เข้าสู่พื้นที่ ก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่เขต จ.สงขลา

สำหรับจ.สงขลา จะมีค่ายกักกันชาวโรฮิงญาอยู่ระหว่างทางก่อนถึงพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซียคือที่ ต.คลองกั่ว อ.รัตภูมิ เพื่อไว้เป็นที่พักพิงหรือหลบซ่อนชั่วคราวซึ่งหากผ่าน อ.รัตภูมิ ก็จะเข้าสู่พื้นที่ อ.หาดใหญ่ และอ.สะเดา จ.สงขลาซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง และจะแบ่งแยกเข้าสู่ค่ายกักกันขนาดใหญ่ตามแนวชายแดนอีก 2 จุด แล้วแต่นายทุนว่าเป็นกลุ่มไหน คือที่ ต.สำนักขาม และต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ที่เจ้าหน้าที่เพิ่งพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยหากเดินทางผ่านค่ายกักกันสุดท้ายในพื้นที่อ.สะเดา ไปได้ ก็จะเข้าสู่เขตแดนของประเทศมาเลเซีย ฝั่งรัฐเปอร์ลิส ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น

ส่วนเส้นทางการนำชาวโรฮิงญาจากรัฐยะไข่ประเทศพม่า เข้าสู่ประเทศไทยนั้น แต่ก่อนลำเลียงมาขึ้นฝั่งที่ จ.ระนอง แต่ระยะหลังเจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเข้มงวดมากจึงเปลี่ยนเส้นทางไปใช้เรือมุ่งตรงเข้าสู่ จ.สตูล เป็นหลักและเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการสั่งเด้ง พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จว.สตูล และพ.ต.อ.ภาสกร ภักดีวานิช ผกก สภ.ควนโดน จ.สตูล เนื่องจากเป็นพื้นที่ในการลำเลียงโรฮิงญาและที่ผ่านมาทั้ง 2 จังหวัด ก็มีการตรวจพบแคมป์ในลักษณะดังกล่าวแต่ไม่ได้กวดขันจริงจังมากนัก.