คนหนึ่งเป็น นักข่าวพลเมืองจากกลุ่มอินเซ้าท์ (Insouth) และอีกคนหนึ่งเป็นนักข่าวพลเมืองดีสลาตัน ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
7 ตุลาคม 2555 ประชาไท ได้รับการแจ้งข่าวจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า มีนักข่าวพลเมืองสองคนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนที่ สถานีตำรวจภูธรนราธิวาส เป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนได้รับการปล่อยตัวมาโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา
นักข่าวสองคนนี้ คนหนึ่งเป็น นักข่าวพลเมืองจากกลุ่มอินเซ้าท์ (Insouth) และอีกคนหนึ่งเป็นนักข่าวพลเมืองดีสลาตัน ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 55 เวลาประมาณ 10.00 น. เขาทั้งสองพร้อมด้วยกล้องวีดีโอหนึ่งตัวและกล้องถ่ายภาพนิ่งหนึ่งตัวออกขี่รถจักรยานเพื่อบันทึกภาพบรรยากาศภายในตัวเมืองจังหวัดนราธิวาสที่เงียบเหงา เนื่องจากวันนั้นเป็นวันศุกร์และร้านค้าภายในตัวเมืองไม่เปิดให้บริการ เพราะมีใบปลิวข่มขู่ออกมาจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีก่อนหน้านั้นว่าให้ร้านค้าในพื้นที่ปิดบริการทุกวันศุกร์
ขณะที่ขี่จักรยานผ่านบริเวณหอนาฬิกากลางเมืองนราธิวาส มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบพร้อมชุด อส. ขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกันสองคนมาเรียกให้พวกเขาหยุด เพื่อถามถึงสาเหตุที่ออกมาถ่ายภาพในวันนั้น ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยตามมาสมทบ
หลังจากนั้น พวกเขาถูกนำตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรนราธิวาสโดยเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหลายนายเป็นเวลาประมาณสองชั่วโมง เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามถึงชื่อ ที่อยู่ หน่วยงานที่สังกัด และวัตถุประสงค์ในการถ่ายภาพ แต่เมื่อแสดงบัตรผู้สื่อข่าวแล้วเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่เชื่อ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่เคยได้ยินชื่อกลุ่มอินเซ้าท์มาก่อน และแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ไปตรวจสอบกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสแล้วพบว่า เป็นนักข่าวมีตัวตนอยู่จริง ก็ยังไม่เชื่อ ยังคงสอบสวนต่ออีกระยะหนึ่ง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังขอหน่วยความจำในกล้องของพวกเขาไปตรวจสอบ และลบภาพที่ถ่ายในวันนั้นออกทั้งหมด หลังจากการสอบสวนเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงพวกเขาก็ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และไม่มีการลงนามในบันทึกการสอบปากคำแต่อย่างใด แต่ได้ถ่ายรูปของพวกเขาเก็บไว้เป็นทะเบียนประวัติ และข่มขู่ว่าหากหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นในพื้นที่พวกเขาก็จะถูกเรียกมาสอบสวนก่อน
ขณะที่เพื่อนของพวกเขาอีกหนึ่งคนซึ่งพวกเขามาขอพักอาศัยที่บ้านในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งไม่ได้เป็นนักข่าวก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนด้วยในฐานะผู้ให้ที่พักพิง
หลังจากนั้นพวกเขาจึงปรึกษากันและตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนที่ศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดนราธิวาส.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ประชาไท.com
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากสองคนนี้เป็นนักข่าว และมีต้นสังกัดที่ชัดเจน นับว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะต้องมีการบันทึกรูปภาพในเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ (เป็นสัญชาตญาณของนักข่าว) แล้วที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เป็นการไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน แล้วที่นำไปสอบสวนเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วปล่อยตัวโดยไม่มีการบันทึกการสอบปากคำนั้นน่าจะมีอะไรแอบแฝงมากกว่านี้ แถมยังข่มขู่อีก ถือว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติคุกคามสื่อหรือเปล่า เพราะสื่อก็มีหน้าที่ของความเป็นสื่อในฐานะที่จะต้องทำข่าว เพื่อให้สังคมได้รับรู้ข่าวสาร แล้วเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติหน้าที่คือจับโจรผู้ร้าย หรือผู้กระทำผิดกฏหมาย แล้วสื่อทำผิดอะไรหรือคับท่าน? .
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
นักข่าวชายแดนใต้ โดนตำรวจเรียกสอบ-ยึดรูปถ่าย
คนหนึ่งเป็น นักข่าวพลเมืองจากกลุ่มอินเซ้าท์ (Insouth) และอีกคนหนึ่งเป็นนักข่าวพลเมืองดีสลาตัน ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
7 ตุลาคม 2555 ประชาไท ได้รับการแจ้งข่าวจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า มีนักข่าวพลเมืองสองคนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนที่ สถานีตำรวจภูธรนราธิวาส เป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนได้รับการปล่อยตัวมาโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา
นักข่าวสองคนนี้ คนหนึ่งเป็น นักข่าวพลเมืองจากกลุ่มอินเซ้าท์ (Insouth) และอีกคนหนึ่งเป็นนักข่าวพลเมืองดีสลาตัน ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 55 เวลาประมาณ 10.00 น. เขาทั้งสองพร้อมด้วยกล้องวีดีโอหนึ่งตัวและกล้องถ่ายภาพนิ่งหนึ่งตัวออกขี่รถจักรยานเพื่อบันทึกภาพบรรยากาศภายในตัวเมืองจังหวัดนราธิวาสที่เงียบเหงา เนื่องจากวันนั้นเป็นวันศุกร์และร้านค้าภายในตัวเมืองไม่เปิดให้บริการ เพราะมีใบปลิวข่มขู่ออกมาจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีก่อนหน้านั้นว่าให้ร้านค้าในพื้นที่ปิดบริการทุกวันศุกร์
ขณะที่ขี่จักรยานผ่านบริเวณหอนาฬิกากลางเมืองนราธิวาส มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบพร้อมชุด อส. ขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกันสองคนมาเรียกให้พวกเขาหยุด เพื่อถามถึงสาเหตุที่ออกมาถ่ายภาพในวันนั้น ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยตามมาสมทบ
หลังจากนั้น พวกเขาถูกนำตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรนราธิวาสโดยเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหลายนายเป็นเวลาประมาณสองชั่วโมง เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามถึงชื่อ ที่อยู่ หน่วยงานที่สังกัด และวัตถุประสงค์ในการถ่ายภาพ แต่เมื่อแสดงบัตรผู้สื่อข่าวแล้วเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่เชื่อ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่เคยได้ยินชื่อกลุ่มอินเซ้าท์มาก่อน และแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ไปตรวจสอบกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสแล้วพบว่า เป็นนักข่าวมีตัวตนอยู่จริง ก็ยังไม่เชื่อ ยังคงสอบสวนต่ออีกระยะหนึ่ง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังขอหน่วยความจำในกล้องของพวกเขาไปตรวจสอบ และลบภาพที่ถ่ายในวันนั้นออกทั้งหมด หลังจากการสอบสวนเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงพวกเขาก็ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และไม่มีการลงนามในบันทึกการสอบปากคำแต่อย่างใด แต่ได้ถ่ายรูปของพวกเขาเก็บไว้เป็นทะเบียนประวัติ และข่มขู่ว่าหากหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นในพื้นที่พวกเขาก็จะถูกเรียกมาสอบสวนก่อน
ขณะที่เพื่อนของพวกเขาอีกหนึ่งคนซึ่งพวกเขามาขอพักอาศัยที่บ้านในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งไม่ได้เป็นนักข่าวก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนด้วยในฐานะผู้ให้ที่พักพิง
หลังจากนั้นพวกเขาจึงปรึกษากันและตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนที่ศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดนราธิวาส.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ประชาไท.com
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ความคิดเห็นจากสื่อมวลชนหนังสือพิมพ์บ้านข่าว
จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากสองคนนี้เป็นนักข่าว และมีต้นสังกัดที่ชัดเจน นับว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะต้องมีการบันทึกรูปภาพในเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ (เป็นสัญชาตญาณของนักข่าว) แล้วที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เป็นการไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน แล้วที่นำไปสอบสวนเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วปล่อยตัวโดยไม่มีการบันทึกการสอบปากคำนั้นน่าจะมีอะไรแอบแฝงมากกว่านี้ แถมยังข่มขู่อีก ถือว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติคุกคามสื่อหรือเปล่า เพราะสื่อก็มีหน้าที่ของความเป็นสื่อในฐานะที่จะต้องทำข่าว เพื่อให้สังคมได้รับรู้ข่าวสาร แล้วเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติหน้าที่คือจับโจรผู้ร้าย หรือผู้กระทำผิดกฏหมาย แล้วสื่อทำผิดอะไรหรือคับท่าน? .
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
There is no related posts.