ดร.วิษณุ เครืองาม แนะแนวทาง มรภ.สงขลา นับถอยหลังสู่ประชาคมอาเซียน ชี้ต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษ และเรียนรู้วัฒนธรรมอีก 9 ประเทศ เตือนนักศึกษาไม่เตรียมตัวให้พร้อม ระวังโดนแบ่งเค้ก
เมื่อเร็วๆ นี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) บรรยายพิเศษเรื่องการเตรียมความพร้อมของมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ว่า ทุกคนมีหน้าที่ต้องเตรียมตัว โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย เนื่องจากอาชีพต่างๆ เริ่มต้นและมีผลผลิตมาจากมหาวิทยาลัย การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงเป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เนื่องจากเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราพัฒนาตัวเองมากขึ้น และเป็นแรงจูงใจที่จะทำให้มีการปรับตัวเองในด้านต่างๆ ซึ่งในการเตรียมความพร้อมของ มรภ.สงขลา อันดับแรกต้องมีความรู้ในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ ต้องรู้จักภาษาต่างประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในอาเซียน ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน ไม่ว่าจะในแง่ของวัฒนธรรมหรือเศรษฐกิจ รวมทั้งต้องให้คำแนะนำนักศึกษาในการอยู่ร่วมและทำงานกับคนต่างชาติ นอกจากนั้น ยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย
นายกสภา มรภ.สงขลา กล่าวอีกว่า นักศึกษาอาจนึกในใจว่าก็เป็นเรื่องของมหาวิทยาลัย ไม่เกี่ยวอะไรกับตน ที่จริงแล้วเกี่ยวข้องโดยตรง เพราะวันหนึ่งนักศึกษาจะต้องเป็นบัณฑิต และต้องเข้าสู่ตลาดงาน ซึ่งงานที่ว่านี้เปรียบได้กับขนมเค้กก้อนหนึ่ง เมื่อก่อนจะแบ่งขนมเค้กกันก็อยู่ในหมู่คนไม่เท่าไหร่ แต่ต่อไปจะมีคนมาแบ่งขนมเค้กก้อนนี้มากขึ้น สมมติว่าเค้กชิ้นนี้เคยเอาร้อยหาร แค่นี้ก็สู้แทบไม่ไหวแล้ว แต่ต่อไปจะเอาพันมาหาร ก็ต้องคิดว่าเราจะแข่งกับเขาไหวไหม เหนืออื่นใดก็จะมีคนจากที่อื่นเอาขนมเค้กมาวาง แล้วคุยว่าดีกว่า อร่อยกว่า ถูกกว่า คนนับร้อยนับพันที่มะรุมมะตุ้มอยู่กับเค้กก้อนนี้ ก็จะทิ้งไปหาเค้กก้อนใหม่ เราก็จะมะงุมมะงาหราจมอยู่กับเค้กก้อนเดิม แล้วก็จะไม่มีเค้กก้อนใหม่อยู่เพียงก้อนเดียว แต่จะมีก้อนแล้วก้อนเล่าที่เขานำเสนอหรือหยิบยื่น นี่คือผลว่าทำไมวันนี้ถึงได้ตื่นตัวกันมาก ไม่ใช่แต่เฉพาะมหาวิทยาลัยเท่านั้น กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ก็ตื่นตัวตื่นเต้นกันมาก ตื่นตัวตื่นเต้นจนน่าสงสัยว่าแล้วทำไมไม่ตื่นตัวกันเมื่อ 3 ปี 5 ปี 7 ปี 10 ปีที่แล้ว คำตอบคือคนไทยอยู่ในภาวะแห่งความประมาท สำนวนจีนบอกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา สำนวนชาวบ้านต่างจังหวัดบอกว่าไม่ได้ยินกลองเพลก็ไม่ยอมหิ้วปิ่นโตไปวัด บัดนี้กลองเพลได้ตีแล้ว โลงศพก็มาวางไว้จวนจะขึ้นเมรุแล้ว ถ้ายังเฉื่อยชาอยู่อีก ก็คงพลาดโอกาสทั้งหมด
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ไม่ว่าที่ไหนในประเทศไทย ก็ลุกขึ้นพูดเรื่องประชาคมอาเซียนกันทั้งนั้น เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องใหม่ ที่นับวันจะใกล้ตัวเข้ามาทุกที การที่วันหนึ่งเราจะต้องเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น เป็นสิ่งที่รับรู้มานานแล้ว แต่ทุกรัฐบาล ทุกคน ก็จะบอกว่าเหลืออีก 10 ปี เหลืออีก 5 ปี เพราะฉะนั้นทุกอย่างรอได้ มาถึงวันนี้เหลืออีก 2 ปี 3 เดือน ก็จะถึงวันที่ 1 มกราคม 2558 นั่นก็แปลว่าเหลืออีก 2 ปี 3 เดือน เราก็จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเต็มรูปแบบ การพูดถึงเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะพูดแบบสนุกสนานคะนองปากเห็นจะไม่ได้อีกต่อไป แต่ในความเป็นจริงก็เห็นพูดกันเล่นไปเรื่อย เหมือนกับที่ติดปากพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง โดยที่ไม่รู้ว่าคืออะไร สำคัญอย่างไร แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าอีก 2 ปี 3 เดือน พอถึงวันที่ 1 มกราคม 2558 จะมีนักท่องเที่ยวแห่กันเข้ามาในประเทศไทย โรงแรมจะเต็มแน่นไปหมด ที่ดินจะราคาแพง เศรษฐกิจจะเฟื่องฟู ข้าวของจะขายดี ใครที่คิดอย่างนั้นก็ถือว่าเวอร์ไปหน่อย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น ยังจะต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปอีกนาน อาจจะนานถึง 3 ปี 5 ปี 10 ปี ก็ได้ แต่เรามีบทเรียนแล้วว่าอย่าไปเล่นกับเวลาเป็นอันขาด จากวันนี้ไปฉลองปีใหม่อีกเพียง 2 ครั้งเท่านั้น พอถึงการฉลองปีใหม่ครั้งที่ 3 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็จะเกิดขึ้น คำพูดที่เราใช้อยู่เสมอก็คือว่า ใครที่ไม่เตรียมตัวเอาไว้ในเวลานี้จะตกขบวนรถด่วน ใครไม่เตรียมตัวไว้ในเวลานี้จะเสียโอกาส ใครไม่เตรียมตัวไว้เวลานี้จะพลาดนาทีทอง แล้วถ้าคนอื่นเขาเตรียมตัวไปแล้วเราจะแข่งกับเขาไม่ทัน
“เขาในที่นี้หมายถึงอีก 9 ประเทศ และเขาในที่นี้หมายถึงคนที่อยู่ในประเทศที่ 10 คือประเทศไทยเราเอง เพราะวันนี้ทุกคนตื่นตัวลุกขึ้นทำอะไรกันเป็นที่โกลาหลทั้งนั้น ถ้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนที่อะไรเลย เราก็จะเสียโอกาสในสิ่งที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เพื่อนบ้านใกล้เคียงเราเขาคว้าโอกาสไป ยังจะต้องไปเทียบกับมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต แล้วยังจะต้องไปแข่งหรือเทียบกับธรรมศาสตร์ จุฬาฯ มหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะวันนี้มหาวิทยาลัยเกือบ 200 แห่งในประเทศไทย เขาตื่นตัวกันทั้งนั้น” ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเข้ามาพร้อมกับการเปิดประชาคมอาเซียน ก็คือ การเปิดเสรีทางการค้าอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ง่าย ดังนั้น จึงต้องเตรียมพร้อมรับมือ นอกเหนือจากความพร้อมในด้านอื่นๆ ซึ่งการเปิดเสรีในด้านต่างๆ ของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน สิ่งที่รัฐที่อยู่ในอาเซียนต้องปฏิบัติ คือ รัฐปฏิบัติต่อคนในชาติของตนอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติต่อคนในรัฐของประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประชาคมอาเซียนเช่นเดียวกัน จะเลือกปฏิบัติต่างกันไม่ได้.
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
‘ดร.วิษณุ’ แนะเก่งภาษา-เรียนรู้ วธ. 9 ปท. ปูทาง มรภ.สงขลา พร้อมสู่อาเซียน
ดร.วิษณุ เครืองาม แนะแนวทาง มรภ.สงขลา นับถอยหลังสู่ประชาคมอาเซียน ชี้ต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษ และเรียนรู้วัฒนธรรมอีก 9 ประเทศ เตือนนักศึกษาไม่เตรียมตัวให้พร้อม ระวังโดนแบ่งเค้ก
เมื่อเร็วๆ นี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) บรรยายพิเศษเรื่องการเตรียมความพร้อมของมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ว่า ทุกคนมีหน้าที่ต้องเตรียมตัว โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย เนื่องจากอาชีพต่างๆ เริ่มต้นและมีผลผลิตมาจากมหาวิทยาลัย การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจึงเป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เนื่องจากเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราพัฒนาตัวเองมากขึ้น และเป็นแรงจูงใจที่จะทำให้มีการปรับตัวเองในด้านต่างๆ ซึ่งในการเตรียมความพร้อมของ มรภ.สงขลา อันดับแรกต้องมีความรู้ในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ ต้องรู้จักภาษาต่างประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในอาเซียน ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน ไม่ว่าจะในแง่ของวัฒนธรรมหรือเศรษฐกิจ รวมทั้งต้องให้คำแนะนำนักศึกษาในการอยู่ร่วมและทำงานกับคนต่างชาติ นอกจากนั้น ยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย
นายกสภา มรภ.สงขลา กล่าวอีกว่า นักศึกษาอาจนึกในใจว่าก็เป็นเรื่องของมหาวิทยาลัย ไม่เกี่ยวอะไรกับตน ที่จริงแล้วเกี่ยวข้องโดยตรง เพราะวันหนึ่งนักศึกษาจะต้องเป็นบัณฑิต และต้องเข้าสู่ตลาดงาน ซึ่งงานที่ว่านี้เปรียบได้กับขนมเค้กก้อนหนึ่ง เมื่อก่อนจะแบ่งขนมเค้กกันก็อยู่ในหมู่คนไม่เท่าไหร่ แต่ต่อไปจะมีคนมาแบ่งขนมเค้กก้อนนี้มากขึ้น สมมติว่าเค้กชิ้นนี้เคยเอาร้อยหาร แค่นี้ก็สู้แทบไม่ไหวแล้ว แต่ต่อไปจะเอาพันมาหาร ก็ต้องคิดว่าเราจะแข่งกับเขาไหวไหม เหนืออื่นใดก็จะมีคนจากที่อื่นเอาขนมเค้กมาวาง แล้วคุยว่าดีกว่า อร่อยกว่า ถูกกว่า คนนับร้อยนับพันที่มะรุมมะตุ้มอยู่กับเค้กก้อนนี้ ก็จะทิ้งไปหาเค้กก้อนใหม่ เราก็จะมะงุมมะงาหราจมอยู่กับเค้กก้อนเดิม แล้วก็จะไม่มีเค้กก้อนใหม่อยู่เพียงก้อนเดียว แต่จะมีก้อนแล้วก้อนเล่าที่เขานำเสนอหรือหยิบยื่น นี่คือผลว่าทำไมวันนี้ถึงได้ตื่นตัวกันมาก ไม่ใช่แต่เฉพาะมหาวิทยาลัยเท่านั้น กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ก็ตื่นตัวตื่นเต้นกันมาก ตื่นตัวตื่นเต้นจนน่าสงสัยว่าแล้วทำไมไม่ตื่นตัวกันเมื่อ 3 ปี 5 ปี 7 ปี 10 ปีที่แล้ว คำตอบคือคนไทยอยู่ในภาวะแห่งความประมาท สำนวนจีนบอกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา สำนวนชาวบ้านต่างจังหวัดบอกว่าไม่ได้ยินกลองเพลก็ไม่ยอมหิ้วปิ่นโตไปวัด บัดนี้กลองเพลได้ตีแล้ว โลงศพก็มาวางไว้จวนจะขึ้นเมรุแล้ว ถ้ายังเฉื่อยชาอยู่อีก ก็คงพลาดโอกาสทั้งหมด
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ไม่ว่าที่ไหนในประเทศไทย ก็ลุกขึ้นพูดเรื่องประชาคมอาเซียนกันทั้งนั้น เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องใหม่ ที่นับวันจะใกล้ตัวเข้ามาทุกที การที่วันหนึ่งเราจะต้องเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น เป็นสิ่งที่รับรู้มานานแล้ว แต่ทุกรัฐบาล ทุกคน ก็จะบอกว่าเหลืออีก 10 ปี เหลืออีก 5 ปี เพราะฉะนั้นทุกอย่างรอได้ มาถึงวันนี้เหลืออีก 2 ปี 3 เดือน ก็จะถึงวันที่ 1 มกราคม 2558 นั่นก็แปลว่าเหลืออีก 2 ปี 3 เดือน เราก็จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเต็มรูปแบบ การพูดถึงเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะพูดแบบสนุกสนานคะนองปากเห็นจะไม่ได้อีกต่อไป แต่ในความเป็นจริงก็เห็นพูดกันเล่นไปเรื่อย เหมือนกับที่ติดปากพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง โดยที่ไม่รู้ว่าคืออะไร สำคัญอย่างไร แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าอีก 2 ปี 3 เดือน พอถึงวันที่ 1 มกราคม 2558 จะมีนักท่องเที่ยวแห่กันเข้ามาในประเทศไทย โรงแรมจะเต็มแน่นไปหมด ที่ดินจะราคาแพง เศรษฐกิจจะเฟื่องฟู ข้าวของจะขายดี ใครที่คิดอย่างนั้นก็ถือว่าเวอร์ไปหน่อย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น ยังจะต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปอีกนาน อาจจะนานถึง 3 ปี 5 ปี 10 ปี ก็ได้ แต่เรามีบทเรียนแล้วว่าอย่าไปเล่นกับเวลาเป็นอันขาด จากวันนี้ไปฉลองปีใหม่อีกเพียง 2 ครั้งเท่านั้น พอถึงการฉลองปีใหม่ครั้งที่ 3 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็จะเกิดขึ้น คำพูดที่เราใช้อยู่เสมอก็คือว่า ใครที่ไม่เตรียมตัวเอาไว้ในเวลานี้จะตกขบวนรถด่วน ใครไม่เตรียมตัวไว้ในเวลานี้จะเสียโอกาส ใครไม่เตรียมตัวไว้เวลานี้จะพลาดนาทีทอง แล้วถ้าคนอื่นเขาเตรียมตัวไปแล้วเราจะแข่งกับเขาไม่ทัน
“เขาในที่นี้หมายถึงอีก 9 ประเทศ และเขาในที่นี้หมายถึงคนที่อยู่ในประเทศที่ 10 คือประเทศไทยเราเอง เพราะวันนี้ทุกคนตื่นตัวลุกขึ้นทำอะไรกันเป็นที่โกลาหลทั้งนั้น ถ้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนที่อะไรเลย เราก็จะเสียโอกาสในสิ่งที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เพื่อนบ้านใกล้เคียงเราเขาคว้าโอกาสไป ยังจะต้องไปเทียบกับมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต แล้วยังจะต้องไปแข่งหรือเทียบกับธรรมศาสตร์ จุฬาฯ มหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะวันนี้มหาวิทยาลัยเกือบ 200 แห่งในประเทศไทย เขาตื่นตัวกันทั้งนั้น” ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเข้ามาพร้อมกับการเปิดประชาคมอาเซียน ก็คือ การเปิดเสรีทางการค้าอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ง่าย ดังนั้น จึงต้องเตรียมพร้อมรับมือ นอกเหนือจากความพร้อมในด้านอื่นๆ ซึ่งการเปิดเสรีในด้านต่างๆ ของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน สิ่งที่รัฐที่อยู่ในอาเซียนต้องปฏิบัติ คือ รัฐปฏิบัติต่อคนในชาติของตนอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติต่อคนในรัฐของประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประชาคมอาเซียนเช่นเดียวกัน จะเลือกปฏิบัติต่างกันไม่ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
There is no related posts.