3 ตุลาคม 2555 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดการสัมมนาทางวิชาการ ประจำปี 2555 เรื่อง “แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2556 รุ่งหรือร่วง” ร่วมด้วยนายพฤทธิพงศ์ ศรีมาจันทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ โดยมี ดร.ปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ดร.วิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ดร.อมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายวางแผนและงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนา และแขกผู้มีเกียรติและประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การฟื้นตัวจากส่วนต่างๆโดยเฉพาะ “กำลังภายใน” ของเศรษฐกิจในประเทศนั้น ช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปีขยายตัวได้ร้อยละ 2.2 ซึ่งมากกว่าที่แบงค์ชาติประเมินไว้ ถึงแม้ว่าการส่งออกจะมีสัญญาณไม่ดีนักเพราะเริ่มมีอาการเจ็บป่วยแทรกซ้อนจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ซึ่งแบงค์ชาติคาดว่า ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจมีแรงส่งได้ต่อเนื่องในปีนี้ และคาดว่าทั้งปีเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่คณะกรรมการนโยบายการเงินคาดไว้(ร้อยละ 5.7 ณ กันยายน 2555 )
สำหรับปีหน้าแบงค์ชาติมองว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 0.5 ถึง ร้อยละ 3.0 แต่แรงส่งทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะชะลอลง ทำให้ความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นประเด็นหลัก สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีหน้า จึงต้องจับตาว่า จุดแข็งด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจชองไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดีในช่วงที่ผ่านมาและแรงชับเคลื่อนจากเศรษฐกิจในประเทศจะช่วยเป็นเกราะป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบของเศรษฐกิจโลกได้มากน้อยเพียงใด
ในด้านการดำเนินนโยบายในช่วงที่ผ่านมา หลักการของ ธปท. และแนวนโยบายในปี 2556 การเสริมจุดแข็งด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจเป็นหน้าที่โดยตรงของแบงค์ชาติ ภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ในปีหน้าแบงค์ชาติจะยังคงดำเนินนโยบายโดยมุ่งเน้นเตรียมความพร้อมให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพและมีความแข็งแกร่งพร้อมรับมือความท้าทายในด้านต่าง ๆ
เรื่องนโยบายสถาบันการเงินมีแนวทางมุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสถาบันการเงิน โดยมุ่งรักษาความมั่นคงของระบบสถาบันการเงินและเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบสถาบันการเงิน จะทำให้ระบบสถาบันการเงินซึ่งเป็นจุดแข็งของระบบเศรษฐกิจการเงินไทย สามารถช่วยเป็นเกราะรองรับความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกในปีหน้าได้
สำหรับธุรกิจสถาบันการเงินบางประเภท เช่น สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire – Purchase) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (Leasing) แม้ไม่อยู่ในการกำกับดูแลของแบงค์ชาติ แต่การยึดแนวทางให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงินคงจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้บ้าง โดยแบงค์ชาติได้ตั้งศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน สายด่วน 1213
แบงค์ชาติตระหนักถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จึงได้เตรียมพร้อมออกแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้าย เพื่อให้เงินทุนสามารถไหลเข้าออกได้สมดุลมากขึ้น “การดำเนินนโยบายของแบงค์ชาติไม่ใช่ส่วนเดียวที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้า ไม่”ร่วง” การดำเนินนโยบายของรัฐบาลและภาคเอกชนเองก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน” ดร.ประสาร กล่าวสรุป.
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
แบงค์ชาติ จัดสัมมนาในหัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2556 รุ่งหรือร่วง”
3 ตุลาคม 2555 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดการสัมมนาทางวิชาการ ประจำปี 2555 เรื่อง “แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2556 รุ่งหรือร่วง” ร่วมด้วยนายพฤทธิพงศ์ ศรีมาจันทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ โดยมี ดร.ปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ดร.วิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ดร.อมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายวางแผนและงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนา และแขกผู้มีเกียรติและประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การฟื้นตัวจากส่วนต่างๆโดยเฉพาะ “กำลังภายใน” ของเศรษฐกิจในประเทศนั้น ช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปีขยายตัวได้ร้อยละ 2.2 ซึ่งมากกว่าที่แบงค์ชาติประเมินไว้ ถึงแม้ว่าการส่งออกจะมีสัญญาณไม่ดีนักเพราะเริ่มมีอาการเจ็บป่วยแทรกซ้อนจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ซึ่งแบงค์ชาติคาดว่า ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจมีแรงส่งได้ต่อเนื่องในปีนี้ และคาดว่าทั้งปีเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่คณะกรรมการนโยบายการเงินคาดไว้(ร้อยละ 5.7 ณ กันยายน 2555 )
สำหรับปีหน้าแบงค์ชาติมองว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 0.5 ถึง ร้อยละ 3.0 แต่แรงส่งทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะชะลอลง ทำให้ความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นประเด็นหลัก สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีหน้า จึงต้องจับตาว่า จุดแข็งด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจชองไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดีในช่วงที่ผ่านมาและแรงชับเคลื่อนจากเศรษฐกิจในประเทศจะช่วยเป็นเกราะป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบของเศรษฐกิจโลกได้มากน้อยเพียงใด
ในด้านการดำเนินนโยบายในช่วงที่ผ่านมา หลักการของ ธปท. และแนวนโยบายในปี 2556 การเสริมจุดแข็งด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจเป็นหน้าที่โดยตรงของแบงค์ชาติ ภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ในปีหน้าแบงค์ชาติจะยังคงดำเนินนโยบายโดยมุ่งเน้นเตรียมความพร้อมให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพและมีความแข็งแกร่งพร้อมรับมือความท้าทายในด้านต่าง ๆ
เรื่องนโยบายสถาบันการเงินมีแนวทางมุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสถาบันการเงิน โดยมุ่งรักษาความมั่นคงของระบบสถาบันการเงินและเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบสถาบันการเงิน จะทำให้ระบบสถาบันการเงินซึ่งเป็นจุดแข็งของระบบเศรษฐกิจการเงินไทย สามารถช่วยเป็นเกราะรองรับความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกในปีหน้าได้
สำหรับธุรกิจสถาบันการเงินบางประเภท เช่น สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire – Purchase) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (Leasing) แม้ไม่อยู่ในการกำกับดูแลของแบงค์ชาติ แต่การยึดแนวทางให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงินคงจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้บ้าง โดยแบงค์ชาติได้ตั้งศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน สายด่วน 1213
แบงค์ชาติตระหนักถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จึงได้เตรียมพร้อมออกแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้าย เพื่อให้เงินทุนสามารถไหลเข้าออกได้สมดุลมากขึ้น “การดำเนินนโยบายของแบงค์ชาติไม่ใช่ส่วนเดียวที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้า ไม่”ร่วง” การดำเนินนโยบายของรัฐบาลและภาคเอกชนเองก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน” ดร.ประสาร กล่าวสรุป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
There is no related posts.