กรมศุลกากรบูรณาการต่อเนื่อง ลดการลักลอบเติมน้ำมันเขียว แนะผู้ประกอบการลดต้นทุนเชื้นเชื้อเพลิง พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการสถานีบริการ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
ในวันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) นายธีรัชย์ อัดนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายภาคภูมิ เลิศวัฒนารักษ์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม และ พ.ต.ต.ท.อนุราช วิมล รองผู้กำกับการ 6 กองบังคับการดำรวจน้ำ กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมสังเกตการณ์วิธีปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร (โครงการน้ำมันเขียว) และเข้าตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันในเขตตต่อเนื่อง (Tanker) บริเวณใกล้เกาะสมุยจำนวน 3 จุด เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ และข้อเรียกร้องต่าง ๆ ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการน้ำมันเขียว รวมถึงร่วมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพในการปราบปรามการลักลอบน้ำน้ำน้ำมันเขียวมาบริโภคภายในประเทศ อันเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์ ของโครงการฯ ณ บริษัทท่าเรือขนอม จำกัด จังหวัดนครศรีธรรมราช
นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การร่วมบูรณาการระหว่างกรมศุลกากรกรมสรรพสามิต และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในครั้งนี้ เป็นการร่วมสังเกตการณ์วิธีปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับ การจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร (โครงการน้ำมันเขียว) และเข้าตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันในเขตต่อเนื่อง (Tanker) ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่อง ครั้งที่แล้ว (เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568) ซึ่งในครั้งนั้นได้ร่วมกันสังเกตการณ์สถานีบริการฯ จำนวน 1 แห่ง ในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร (พื้นที่ทางทะเล ใกล้เคียง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) การเดินทางไปร่วมสังเกตการณ์สถานีบริการฯ จำนวน 3 แห่ง ในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักรใกล้เคียง เกาะสมุยและเกาะพงัน จังหวัดนครศรีธรรรมราช)
อธิบดีกรมศุลกากร ยังกล่าวอีกว่า สำหรับโครถการนั้นนั้นชียวจะช่วจะช่วยทุนผู้ปผู้ปผู้ประการในการลดต้นทุนด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการในกิจการประมง อันจะเป็นการเสริมสร้าง ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับชุมชนอีกทางหนึ่ง ทั้งสามหน่วยงานจึงให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าน้ำมันในเขตต่อเนื่อง และชาวประมง เพื่อให้การดำเนินการของทุกภาคส่วน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประสิทธิภาพ ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 (ระยะเวลากว่า 9 เดือน) มีสถิติการจับกุมการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 260 ราย มีของกลางที่เป็นน้ำมัน เชื้อเพลิง ทั้งสิ้น 255,625 ลิตร คิดเป็นมูลค่า 7,674,429 บาท มูลค่าของกลาง เพิ่มขึ้นจากปิงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทั้งปี คิดเป็นร้อยละ 29.24.
ภาพ/ข่าว โกมล อรรถพร
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
December 5, 2025
December 4, 2025
December 3, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
กรมศุลกากรบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการลักลอบเติมน้ำมันเขียว
กรมศุลกากรบูรณาการต่อเนื่อง ลดการลักลอบเติมน้ำมันเขียว แนะผู้ประกอบการลดต้นทุนเชื้นเชื้อเพลิง พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการสถานีบริการ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
ในวันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) นายธีรัชย์ อัดนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายภาคภูมิ เลิศวัฒนารักษ์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม และ พ.ต.ต.ท.อนุราช วิมล รองผู้กำกับการ 6 กองบังคับการดำรวจน้ำ
กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมสังเกตการณ์วิธีปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร (โครงการน้ำมันเขียว)
และเข้าตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันในเขตตต่อเนื่อง (Tanker) บริเวณใกล้เกาะสมุยจำนวน 3 จุด เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ และข้อเรียกร้องต่าง ๆ ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการน้ำมันเขียว รวมถึงร่วมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพในการปราบปรามการลักลอบน้ำน้ำน้ำมันเขียวมาบริโภคภายในประเทศ อันเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์
ของโครงการฯ ณ บริษัทท่าเรือขนอม จำกัด จังหวัดนครศรีธรรมราช
นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การร่วมบูรณาการระหว่างกรมศุลกากรกรมสรรพสามิต และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในครั้งนี้ เป็นการร่วมสังเกตการณ์วิธีปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับ
การจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร (โครงการน้ำมันเขียว) และเข้าตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันในเขตต่อเนื่อง (Tanker) ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่อง
ครั้งที่แล้ว (เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568) ซึ่งในครั้งนั้นได้ร่วมกันสังเกตการณ์สถานีบริการฯ จำนวน 1 แห่ง ในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร (พื้นที่ทางทะเล ใกล้เคียง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)
การเดินทางไปร่วมสังเกตการณ์สถานีบริการฯ จำนวน 3 แห่ง ในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักรใกล้เคียง เกาะสมุยและเกาะพงัน จังหวัดนครศรีธรรรมราช)
อธิบดีกรมศุลกากร ยังกล่าวอีกว่า สำหรับโครถการนั้นนั้นชียวจะช่วจะช่วยทุนผู้ปผู้ปผู้ประการในการลดต้นทุนด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการในกิจการประมง อันจะเป็นการเสริมสร้าง
ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับชุมชนอีกทางหนึ่ง ทั้งสามหน่วยงานจึงให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าน้ำมันในเขตต่อเนื่อง และชาวประมง เพื่อให้การดำเนินการของทุกภาคส่วน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประสิทธิภาพ ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 (ระยะเวลากว่า 9 เดือน) มีสถิติการจับกุมการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 260 ราย มีของกลางที่เป็นน้ำมัน
เชื้อเพลิง ทั้งสิ้น 255,625 ลิตร คิดเป็นมูลค่า 7,674,429 บาท มูลค่าของกลาง เพิ่มขึ้นจากปิงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทั้งปี คิดเป็นร้อยละ 29.24.
ภาพ/ข่าว โกมล อรรถพร
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธินายช่างไทยฯ ผนึกกำลังจิตอาสา กฟผ. ระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.สงขลา
December 5, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จัดการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ...
December 4, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ส่งต่อถุงยังชีพ AOT ให้ชุมชนรอบสนามบิน
December 3, 2025
โรงเรียน นานาชาติ The American School of Bangkok ...
December 3, 2025