กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมมือกัน สร้างมิติใหม่ ประกาศส่งเสริมการใช้นวัตกรรมสีเขียวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศ เพื่อคืนลมหายใจสะอาดให้กับคนไทยและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ
วันที่ 4 มีนาคม 2568 นายเดชอิศม์ ขาวทองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข ได้สร้างมิติใหม่ในการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5ให้กับประเทศ โดยประกาศสนับสนุนส่งเสริมการใช้นวัตกรรมระบบแปรรูปเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นชีวมวลอัดเม็ดแบบเคลื่อนที่ (Mobile biomass pellet system) ซึ่งเป็นนวัตกรรมสีเขียวที่ถูกคิดค้นวิจัยและพัฒนาภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมมลพิษกับภาคเอกชน ที่มีขีดความ สามารถในการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ตอซังฟางข้าว , ต้นเปลือกซังข้าวโพด และใบอ้อยในพื้นที่การเพาะปลูกทั่วประเทศมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดเม็ดซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้สะอาดที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน(carbon neutral)เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดและการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ต่อไปเกษตรกรทั่วประเทศไม่ต้องเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ทำให้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกได้100% และเกษตรกรยังจะได้รับรายได้จากค่าเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรได้อีก นอกจากนี้ยังจะมีการส่งเสริม ให้เกษตรกรนำพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนมาเพราะปลูกไผ่เพื่อใช้นวัตกรรมดังกล่าวแปรรูปไผ่เป็นชีวมวลอัดเม็ดเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศเพื่อนำเงินตราเข้าประเทศเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับประเทศและเพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้จากไผ่มากกว่ารายได้จากการเพาะปลูกพืชผลเดิมรวมถึง เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าป้องกันอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดสูงชันในภาคเหนือ โดยรมช.เดชอิศม์ กล่าวว่าจะเสนอให้มีนโยบายและแผนรวมถึงประสานงานกับกองทุนสีเขียวด้านสิ่งแวดล้อมต่างประเทศเพื่อให้มีการใช้นวัตกรรมดังกล่าว ในการจัดการเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่การเพาะปลูกทั่วประเทศให้เป็นชีวมวลอัดเม็ด เพื่อสร้าง พลังงานสะอาดให้กับประเทศไทยเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุการเกษตรทั่วประเทศภายในปี 2571 รมช.เดชอิศม์ยังกล่าวอีกว่า การใช้นวัตกรรมสีเขียวเพื่อเป็นวิธีการเชิงการป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศภายในปี 2571ดังกล่าว จะทำให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถป้องกันไม่ให้ประชาชนกว่าหลายล้านคนต่อปีต้องเจ็บป่วยและอีกหลายหมื่นคนต่อปีไม่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและทำให้กระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องเสียงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยกว่าหลายแสนล้านบาทต่อปีรวมถึงยังสามารถป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจได้กว่าหลายแสนล้านบาทต่อปี เป็นการคืนลมหายใจสะอาดให้กับประชาชนและพี่น้องทั่วประเทศรวมถึงยังสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับประชากรในอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยัง สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดจากพลังงานหมุนเวียนชีวมวลอัดเม็ดจากเศษวัสดุการเกษตรดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนรวมถึงยังทำให้ภาคอุตสาหกรรมส่งออกมีเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดใช้แทนเชื้อเพลิงฟอสซิลลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนป้องกันการถูกกีดกันทางการค้าจากมาตรการกำแพงภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนข้ามแดน(CBAM) สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
March 13, 2025
March 12, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมมือกัน สร้างมิติใหม่ ประกาศส่งเสริมการใช้นวัตกรรมสีเขียวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมมือกัน สร้างมิติใหม่ ประกาศส่งเสริมการใช้นวัตกรรมสีเขียวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศ เพื่อคืนลมหายใจสะอาดให้กับคนไทยและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ
วันที่ 4 มีนาคม 2568 นายเดชอิศม์ ขาวทองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข ได้สร้างมิติใหม่ในการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5ให้กับประเทศ โดยประกาศสนับสนุนส่งเสริมการใช้นวัตกรรมระบบแปรรูปเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นชีวมวลอัดเม็ดแบบเคลื่อนที่ (Mobile biomass pellet system) ซึ่งเป็นนวัตกรรมสีเขียวที่ถูกคิดค้นวิจัยและพัฒนาภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมมลพิษกับภาคเอกชน ที่มีขีดความ
สามารถในการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ตอซังฟางข้าว , ต้นเปลือกซังข้าวโพด และใบอ้อยในพื้นที่การเพาะปลูกทั่วประเทศมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดเม็ดซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้สะอาดที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน(carbon neutral)เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดและการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ต่อไปเกษตรกรทั่วประเทศไม่ต้องเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ทำให้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกได้100% และเกษตรกรยังจะได้รับรายได้จากค่าเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรได้อีก นอกจากนี้ยังจะมีการส่งเสริม ให้เกษตรกรนำพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนมาเพราะปลูกไผ่เพื่อใช้นวัตกรรมดังกล่าวแปรรูปไผ่เป็นชีวมวลอัดเม็ดเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศเพื่อนำเงินตราเข้าประเทศเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับประเทศและเพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้จากไผ่มากกว่ารายได้จากการเพาะปลูกพืชผลเดิมรวมถึง เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าป้องกันอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดสูงชันในภาคเหนือ
โดยรมช.เดชอิศม์ กล่าวว่าจะเสนอให้มีนโยบายและแผนรวมถึงประสานงานกับกองทุนสีเขียวด้านสิ่งแวดล้อมต่างประเทศเพื่อให้มีการใช้นวัตกรรมดังกล่าว ในการจัดการเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่การเพาะปลูกทั่วประเทศให้เป็นชีวมวลอัดเม็ด เพื่อสร้าง พลังงานสะอาดให้กับประเทศไทยเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุการเกษตรทั่วประเทศภายในปี 2571 รมช.เดชอิศม์ยังกล่าวอีกว่า การใช้นวัตกรรมสีเขียวเพื่อเป็นวิธีการเชิงการป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศภายในปี 2571ดังกล่าว จะทำให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถป้องกันไม่ให้ประชาชนกว่าหลายล้านคนต่อปีต้องเจ็บป่วยและอีกหลายหมื่นคนต่อปีไม่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและทำให้กระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องเสียงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยกว่าหลายแสนล้านบาทต่อปีรวมถึงยังสามารถป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจได้กว่าหลายแสนล้านบาทต่อปี เป็นการคืนลมหายใจสะอาดให้กับประชาชนและพี่น้องทั่วประเทศรวมถึงยังสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับประชากรในอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยัง สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดจากพลังงานหมุนเวียนชีวมวลอัดเม็ดจากเศษวัสดุการเกษตรดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนรวมถึงยังทำให้ภาคอุตสาหกรรมส่งออกมีเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดใช้แทนเชื้อเพลิงฟอสซิลลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนป้องกันการถูกกีดกันทางการค้าจากมาตรการกำแพงภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนข้ามแดน(CBAM) สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เทศบาลนครหาดใหญ่แสดงความยินดีกับ คนสงขลาคนต้นแบบ ของอำเภอหาดใหญ่
March 13, 2025
กฟผ. ชวนเปิดโอกาสธุรกิจ EV กับ Platform BackEN EV ...
March 13, 2025
นายกฯ สุพิศ เปิด “ทัพพระยาเกมส์“ การแข่งขันกีฬาประเพณีประจำตำบลทับช้าง ต่อต้านยาเสพติด ครั้งที่ ...
March 13, 2025
“สส.น้ำหอม” ร่วมต้อนรับผู้เข้าประกวด Miss Grand Thailand 2025 สู่จังหวัดสงขลา
March 12, 2025