กนอ. ลงนามร่วม GPSC- TTM ศึกษาและวิจัยพัฒนาโรงไฟฟ้าป้อนภาคการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เล็งสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้า หนุนพลังงานสะอาด มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ดึงความเชื่อมั่นการลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ยางของไทย สู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้ายางพาราครบวงจร ยกเป็นโมเดลต้นแบบ ก่อนขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาเสถียรภาพทางพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเพื่ออุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรกรมภาคใต้ ระหว่าง กนอ. บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท ทรานส์ ไทย- มาเลเซีย (ประเทศไทย ) จำกัด หรือ TTM เพื่อศึกษา วิจัย และพัฒนาโครงการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติให้กับภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของในพื้นที่ภาคใต้ โดยโครงการนี้ มีระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี (ปี 2565- ปี 2566) ทั้งนี้ กนอ. เลือกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีความเหมาะสมต่อการพัฒนาด้านพลังงานหลากหลายรูปแบบให้มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งเป็นต้นแบบการพัฒนาระบบไฟฟ้าและพลังงานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถขยายไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพอื่นๆ ได้ “ความร่วมมือครั้งนี้ กนอ.จะเป็นจัดหาข้อมูลรายละเอียดเชิงพื้นที่ เกี่ยวกับความต้องการไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและแผนในอนาคต รวมถึงกฎระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ในการพัฒนาโครงการเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านระบบไฟฟ้าในพื้นที่ และรองรับการขยายการลงทุนสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจร ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงในระบบห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะเกษตรกรสวนยางพาราของไทย ที่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยางของประเทศในอนาคต” ผู้ว่า กนอ. กล่าว ด้านนางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. กล่าวว่า GPSC มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมพลังงานและไฟฟ้าที่มีศักยภาพของประเทศ มีความพร้อมในการพัฒนาทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีความมั่นคงสูงสามารถสร้างเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้า รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นพลังงานสะอาด เพื่อสนับสนุนภาคการผลิต และมีส่วนช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายของไทยและสังคมโลก เพื่อก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) รวมถึงความพร้อมด้านแพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานแบบอัจฉริยะ ที่จะนำไปสู่การเป็นโรงไฟฟ้าต้นแบบในพื้นที่ “ความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 3 องค์กร จะร่วมกันศึกษาและคัดเลือกเทคโนโลยี รูปแบบการผลิต และรูปแบบการลงทุนธุรกิจ ซึ่งการพัฒนาโรงไฟฟ้าในพื้นที่นิคมฯ ภาคใต้ครั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ สำหรับแหล่งเชื้อเพลิงทั้งจากก๊าซธรรมชาติ ที่มีระบบโครงข่ายท่อขนส่งก๊าซของ TTM และพลังงานจากชีวมวลจากภาคการเกษตร ที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าจากภาคการผลิตที่เป็นกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในนิคมฯ ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานได้มากยิ่งขึ้น” นางรสยากล่าว
นายคมกฤช โลห์เพ็ชร์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรานส์ ไทย- มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TTM กล่าวว่า “ในฐานะเป็นผู้ให้บริการโรงแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จากแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (Thai-Malaysia Joint Development Area) เรามีความพร้อมสนับสนุนการส่งก๊าซธรรมชาติ โดยปัจจุบันมีการจัดส่งไปยังโรงแยกก๊าซธรรมชาติ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยระบบโครงข่ายท่อส่งก๊าซบนบกผ่าน 5 อำเภอของจังหวัดสงขลา รวมทั้งความสามารถที่จะต่อเชื่อมท่อโครงข่ายเพิ่มเติมไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านเชื้อเพลิงให้กับภาคใต้ของไทย หากโครงการนี้มีความเป็นไปได้ในการลงทุน บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบการผลิตไฟฟ้าและภาคการผลิต รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับพื้นที่ ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
March 28, 2024
March 26, 2024
March 25, 2024
March 23, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
กนอ.- GPSC – TTM ลงนามศึกษาโรงไฟฟ้าป้อนนิคมฯ ภาคใต้ เล็งใช้ก๊าซฯ-พลังงานหมุนเวียน สร้างความมั่นคงภาคการผลิต
กนอ. ลงนามร่วม GPSC- TTM ศึกษาและวิจัยพัฒนาโรงไฟฟ้าป้อนภาคการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เล็งสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้า หนุนพลังงานสะอาด มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ดึงความเชื่อมั่นการลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ยางของไทย สู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้ายางพาราครบวงจร ยกเป็นโมเดลต้นแบบ ก่อนขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพ
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาเสถียรภาพทางพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเพื่ออุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรกรมภาคใต้ ระหว่าง กนอ. บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท ทรานส์ ไทย- มาเลเซีย (ประเทศไทย ) จำกัด หรือ TTM เพื่อศึกษา วิจัย และพัฒนาโครงการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติให้กับภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของในพื้นที่ภาคใต้ โดยโครงการนี้ มีระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี (ปี 2565- ปี 2566) ทั้งนี้ กนอ. เลือกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีความเหมาะสมต่อการพัฒนาด้านพลังงานหลากหลายรูปแบบให้มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งเป็นต้นแบบการพัฒนาระบบไฟฟ้าและพลังงานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถขยายไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพอื่นๆ ได้
“ความร่วมมือครั้งนี้ กนอ.จะเป็นจัดหาข้อมูลรายละเอียดเชิงพื้นที่ เกี่ยวกับความต้องการไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและแผนในอนาคต รวมถึงกฎระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ในการพัฒนาโครงการเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านระบบไฟฟ้าในพื้นที่ และรองรับการขยายการลงทุนสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจร ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงในระบบห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะเกษตรกรสวนยางพาราของไทย ที่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยางของประเทศในอนาคต” ผู้ว่า กนอ. กล่าว
ด้านนางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. กล่าวว่า GPSC มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมพลังงานและไฟฟ้าที่มีศักยภาพของประเทศ มีความพร้อมในการพัฒนาทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีความมั่นคงสูงสามารถสร้างเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้า รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นพลังงานสะอาด เพื่อสนับสนุนภาคการผลิต และมีส่วนช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายของไทยและสังคมโลก เพื่อก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) รวมถึงความพร้อมด้านแพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานแบบอัจฉริยะ ที่จะนำไปสู่การเป็นโรงไฟฟ้าต้นแบบในพื้นที่
“ความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 3 องค์กร จะร่วมกันศึกษาและคัดเลือกเทคโนโลยี รูปแบบการผลิต และรูปแบบการลงทุนธุรกิจ ซึ่งการพัฒนาโรงไฟฟ้าในพื้นที่นิคมฯ ภาคใต้ครั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ สำหรับแหล่งเชื้อเพลิงทั้งจากก๊าซธรรมชาติ ที่มีระบบโครงข่ายท่อขนส่งก๊าซของ TTM และพลังงานจากชีวมวลจากภาคการเกษตร ที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าจากภาคการผลิตที่เป็นกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในนิคมฯ ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานได้มากยิ่งขึ้น” นางรสยากล่าว
นายคมกฤช โลห์เพ็ชร์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรานส์ ไทย- มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TTM กล่าวว่า “ในฐานะเป็นผู้ให้บริการโรงแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จากแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (Thai-Malaysia Joint Development Area) เรามีความพร้อมสนับสนุนการส่งก๊าซธรรมชาติ โดยปัจจุบันมีการจัดส่งไปยังโรงแยกก๊าซธรรมชาติ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยระบบโครงข่ายท่อส่งก๊าซบนบกผ่าน 5 อำเภอของจังหวัดสงขลา รวมทั้งความสามารถที่จะต่อเชื่อมท่อโครงข่ายเพิ่มเติมไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านเชื้อเพลิงให้กับภาคใต้ของไทย หากโครงการนี้มีความเป็นไปได้ในการลงทุน บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบการผลิตไฟฟ้าและภาคการผลิต รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับพื้นที่ ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงเจเต๋าบ้อเก็งหาดใหญ่จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ตำหนักพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม
March 28, 2024
คณะผู้วิจัย จากมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เข้าร่วมนำเสนอผลงานวิจัย “มาตะ ลุ่มน้ำ” ในงาน MATTA ...
March 26, 2024
อบจ.สงขลา เปิดโครงการจัดงานรอมฎอนสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
March 25, 2024
นายกฯ ไพเจน อบจ.สงขลา ได้รางวัล “สุดยอดผู้นำท้องถิ่นแห่งปี” ประจำปี 2567
March 23, 2024