สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มผู้ที่ได้ผลกระทบจากการสูญเสียเสาหลักของครอบครัวจากเหตุการณ์รุนแรงในชายแดนใต้ ที่เหมือนจะเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ แม้จะได้รับการเยียวยาในเบื้องต้น แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและการดำรงชีพ มูลนิธิรักษ์ไทย และ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสํารวจและผลิต จํากัด มองเห็นความเดือดร้อนดังกล่าว จึงได้ดำเนินโครงการเชฟรอน-ทุนเพื่อชีวิต โดยการสนับสนุนอุปกรณ์สําหรับประกอบอาชีพให้กับกลุ่มอาชีพสตรีในชุมชนจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียเสาหลักของครอบครัวและได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่

คุณปรารถนา ยามาลี ผู้จัดการฐานซ่อมบำรุงบนฝั่ง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ตัวแทนส่งมอบอุปกรณ์โครงการเชฟรอน-ทุนเพื่อชีวิต ปีที่ 7 ให้กับกลุ่มอาชีพในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กล่าวว่า เชฟรอนเล็งเห็นปัญหาและผลกระทบในการประกอบอาชีพของกลุ่มสตรี 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่นอกจากจะได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่แล้ว ยังได้รับผลกระทบซ้ำจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนหลายครอบครัวเสียโอกาสในการประกอบอาชีพหารายได้ และกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
“เชฟรอนได้ร่วมดำเนินโครงการเชฟรอน-ทุนเพื่อชีวิต ร่วมกับมูลนิธิรักษ์ไทย มาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เป็นปีที่ 7 เชฟรอนได้สนับสนุนการอบรมและอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับกลุ่มสตรีดังกล่าว อาทิ เครื่องผสมเห็ด เครื่องทำทองม้วน จักรเย็บผ้า และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย เหล่านี้เป็นอุปกรณ์ช่วยเพิ่มโอกาสในอาชีพต่างๆ ให้เกิดความมั่นคง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาชีวิตให้กับกลุ่มอาชีพของสตรีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้และเยียวยาผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ด้วย บริษัทเชฟรอนไม่ได้มุ่งหาพลังงานเพียงอย่างเดียว เราดูแลชุมชนให้มีความแข็งแกร่ง และมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาพลังคนอย่างต่อเนื่อง

ด้านนางสาวรอยฮาน เจ๊ะเด็ง เจ้าหน้าที่ภาคสนามมูลนิธิรักษ์ไทย ระบุว่า มูลนิธิรักษ์ไทยทำงานส่งเสริมด้านอาชีพให้กับกลุ่มสตรีในพื้นที่เปราะบาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ มาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นกลุ่มสตรีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิจะลงพื้นที่สำรวจความต้องการของแต่ละบุคคลว่าต้องการทำอาชีพอะไร เมื่อทราบชัดว่าต้องการทำอะไร ทางมูลนิธิจะให้เจ้าหน้าที่ไปอบรมให้ความรู้ เมื่อมีความชำนาญก็ให้เชฟรอนเข้าสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือประกอบอาชีพ สมาชิกจะมีแบบรายเดี่ยว แบบกลุ่ม สามารถเลือกตามความถนัดของตน
“นอกจากจะให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพแล้ว ทางมูลนิธิฯ ยังได้มีการอบรมการทำระบบบัญชี ทำรายรับ-รายจ่าย การขายออนไลน์ พร้อมกับการติดตามผลงานเป็นระยะ โดยจากการร่วมกับเชฟรอนดำเนินโครงการเชฟรอน-ทุนเพื่อชีวิต ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ได้ทำเกิดกลุ่มอาชีพแล้วทั้งหมด 108 กลุ่ม ชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกดีขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด กลุ่มสตรีมีอาชีพมั่นคง สามารถเป็นเสาหลักให้กับครอบครัวได้”

คุณนงเยาว์ บุญมณี กลุ่มผักปลอดสารพิษ ชุมชนบ้านโคกจันทร์ หมู่ 2 ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เล่าว่า พื้นฐานของตัวเองเป็นคนชอบทานผัก ทานอะไร ก็ปลูกผักนั้น เมื่อมีเยอะก็ขาย แต่เมื่อก่อนชีวิตลำบาก ไม่มีต้นทุน ไปขอความช่วยเหลือจากที่ไหนต่างก็ปฏิเสธ จนมาเจอมูลนิธิรักษ์ไทยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อทางมูลนิธิทราบว่าที่บ้านปลูกผัก ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้ความรู้ในการปลูกผักปลอดสารพิษที่ถูกต้อง พร้อมกับแนะนำช่องทางการขาย เมื่อได้ลงมือปลูกผักแล้วเห็นผล เราจึงแนะนำเพื่อนบ้านให้ปลูกผักด้วย กระทั่งบริษัทเชฟรอนเข้ามาสนับสนุนรถไถ ทำให้กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษหลายครัวเรือนดีใจเป็นอย่างมาก เพราะช่วยประหยัดแรงและเวลาไปได้เยอะจากเดิมที่ใช้จอบพรวนดิน เมื่อมีเวลาเพิ่มขึ้น ก็สามารถให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
“ในช่วงสถานการณ์โควิดระบาดช่วงนี้ ทางกลุ่มก็มาเพาะปลูกบอนสี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เมื่อเรามีชีวิตที่ดีขึ้น จึงชักชวนคนรู้จักเข้ามูลนิธิด้วย เพราะในอำเภอหนองจิกมีกลุ่มสตรีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ค่อนข้างเยอะ เมื่อเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักในพื้นที่ ไม่สามารถออกไปขายผักที่ตลาดได้ ทางเชฟรอนก็สนับสนุนจักรเย็บผ้ามาให้ เหมือนเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ที่ทำให้ครอบครัวมีรายได้ต่อเนื่อง ชีวิตตอนนี้คือการขึ้นมาจากหุบเหว อยากให้มูลนิธิรักษ์ไทยและบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด อยู่เคียงข้างชุมชนตลอดไป” คุณนงเยาว์ กล่าว

​ในส่วนของ คุณมาเรียม โสะ กลุ่มเกษตรพอเพียง ชุมชนบ้านท่า ตำบลตะโละกาโปร์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี บอกว่า เมื่อก่อนเป็นกลุ่มของผู้ได้รับผลกระทบแม่เลี้ยงเดี่ยว เราไม่มีอาชีพ เราชอบเกษตร ทางมูลนิธิรักษ์ไทยจึงสนับสนุนเงินทุนแบบกู้ยืม-จ่ายคืน ต่อมามีโครงการสนับสนุนอุปกรณ์จากบริษัทเชฟรอน เราได้รับการสนับสนุนเป็นรถไถ ปัจจุบันทำเกษตรพอเพียงแบบผสมผสาน การได้รับโอกาสทำให้เราได้มีความมั่นคง มีรายได้เพิ่มมากขึ้น เมื่อเราประสบความสำเร็จในอาชีพแล้ว ตอนนี้เราเป็นสะพานให้กับมูลนิธิ เชื่อมต่อกลุ่มแม่เลี้ยงเดี๋ยวในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพที่สามารถทำที่บ้านได้ โอกาสที่ได้รับจากมูลนิธิรักษ์ไทยและบริษัทเชฟรอน ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย จะรักษาและส่งต่อโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปให้ลูกหลาน

จากความร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิรักษ์ไทยและบริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด จัดโครงการเชฟรอน–ทุนเพื่อชีวิต ทำให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มสตรีและสมาชิกในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ให้มีความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการกระตุ้น ปัจจุบันกลุ่มสตรีกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่างให้ขับเคลื่อนฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปได้อย่างเข้มแข็ง.

สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน