สายการบินเวียตเจ็ท รับมอบเครื่องบินแอร์บัส (Airbus) รุ่น เอ321นีโอ เอเอฟซี (A321neo ACF) เข้าสู่ฝูงบินถึงสองลำ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 เดินหน้าปรับขยายฝูงบินเต็มกำลัง
เครื่องบินขนาด 240 ที่นั่งทั้งสองลำได้รับการทำความสะอาดและฆ่าอบเชื้อตามมาตรฐานทันทีที่เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม พร้อมเหินฟ้าให้บริการเที่ยวบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน

เครื่องบินแอร์บัส รุ่น เอ321นีโอ เอเอฟซี มาพร้อมรูปแบบที่ทันสมัย พร้อมนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้นในการติดตั้งอุปกรณ์ในห้องโดยสารและความจุของที่นั่ง โดยมิได้ลดทอนสุนทรีย์ภาพในการเดินทางของผู้โดยสารอันเนื่องมาจากขนาดที่นั่งและพื้นที่ในห้องโดยสารแต่อย่างใด

เครื่องบินทั้งสองลำยังได้รับการออกแบบให้ประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยมลพิษที่ลดลงถึง 50% และอัตราการเกิดมลภาวะทางเสียงลดลงสูงสุดถึง 75%

แอร์บัส บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเผยว่า เครื่องบินรุ่น เอ321นีโอ เอเอฟซี เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจในการออกแบบเครื่องบินพิสัยบินไกลแบบช่องทางเดินเดี่ยว เช่น เครื่องบินรุ่น เอ321แอลอาร์ (A321LR)
ด้วยเครื่องบินจำนวนสองลำที่สายการบินฯ รับเพิ่มเข้าสู่ฝูงบินในครั้งนี้ ฝูงบินของเวียตเจ็ทยังคงถือเป็นหนึ่งในฝูงบินที่มีอายุน้อยและทันสมัยที่สุดในโลก โดยมีการปรับปรุงมาตรฐานการบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในราคาประหยัดแก่ผู้โดยสาร

ในปี 2563 เวียตเจ็ทได้ให้บริการเที่ยวบินถึง 78,462 เที่ยวบิน คิดเป็นชั่วโมงบินทั้งสิ้น 120,093 ชั่วโมง นำพาผู้โดยสารสู่จุดหมายปลายทางกว่า 15 ล้านคน สายการบินฯ ยังมีดัชนีชี้วัดมาตรฐานการดำเนินงานเป็นบวก เช่น อัตราบรรทุกผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบินมากกว่า 80% อัตราเที่ยวบินตรงต่อเวลา (OTP) สูงถึง 90% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานสายการบินทั่วโลก อัตราความน่าเชื่อถือทางเทคนิคสูงถึง 99.64% โดยได้รับการจัดอันดับด้านความปลอดภัยในระดับ 7 ดาว ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด ทั้งยังได้รับการจัดอันดับจาก แอร์ไลน์เรตติ้งส์ (Airlineratings) ให้อยู่ใน 10 อันดับสายการบินโลว์คอสต์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดในโลก ประจำปี 2563

เวียตเจ็ทยังเป็นหนึ่งในไม่กี่สายการบินที่ไม่มีการปรับลดจำนวนพนักงานและรายงานผลประกอบการเป็นบวกในปีที่ผ่านมา.

สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน