สุราษฎร์ธานี – รอง.ผบ.ตร. พร้อม ผบช.ทท. รอง.ผบช.ภ. 8 ลงพื้นที่เกาะสมุย ตรวจสอบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนใช้เป็นฐานหลอกคนจีนด้วยกันให้โอนเงิน ภายหลังตำรวจท่องเที่ยวสมุยจับกุมไว้ได้ยกแก๊ง รอง.ผบ.ตร. เผยมีคนไทยเอี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ด้วย ส่วนความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ ( 5 ธ.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8.พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รอง.ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม. จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ธงชนะ หาญกิตติกาญจนา ผกก.สภ.บ่อผุด ตำรวจ พิสูจน์หลักฐาน 8 และ ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบอพาร์ทเม้นท์ แห่งหนึ่งภายในซอยลานทอง หมู่ 1 ตำบลบ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อตรวจสอบของกลาง จากกรณี พ.ต.ท.ภูวดล วิริยนรางกูล สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 ร.ต.ท.วินิจ บุญชิต รอง.สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 พร้อมกำลังตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้นำกำลังบุกเข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่บนเกาะสมุย ที่ใช้อพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว เปิดเป็นสำนักงานและเป็นที่พัก จำนวน 21 ห้อง มีผู้ต้องหาที่เป็นชาวจีนทั้งชายและหญิงจำนวน 59 คน แยกเป็นชายจำนวน 47 คน หญิง 12 คน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 71 เครื่อง โทรศัพท์มือถือจำนวน 289 เครื่อง ซิมโทรศัพท์ประเทศจีนอีกจำนวน 123 ชิ้น และบัตรเครดิตการ์ด จำนวน 114 ใบ ยึดเงินสกุลไทยไว้ได้จำนวน 203,566 บาท เเละเงินสกุลดอลล่าร์ จำนวน 704 ดอลล่าร์ ซึ่งทางตำรวจท่องเที่ยวได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดเอาไว้ได้ พร้อมยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ซึ่งคาดว่ามียอดเงินหมุนเวียนผ่านเเก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งชาวจีนแก๊งนี้จำนวนมหาศาล
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า ต้องขอชื่นชมตำรวจท่องเที่ยวที่ร่วมกันบูรณาการกวาดล้างกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในครั้งนี้ไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหา ที่มาใช้เกาะสมุย เป็นฐาน ในการหลอกลวงชาจีนด้วยกัน โดยใช้วิธีการพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เเก๊งนี้ จะหลอกชักชวนให้ ชาวจีนเล่นหุ้น และเล่นเกมส์ออนไลน์ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ซึ่งตนได้ประสานพร้อมอธิบายไปที่ทางรัฐบาลจีนให้ทราบเรื่องแล้ว เนื่องจากแก๊งนี้ไม่ได้หลอกคนไทยแต่ใช้เกาะสมุยเป็นฐานเพื่อหลอกคนจีนด้วยกัน ในเรื่องของความเสียหายในขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอตรวจรายละเอียดและข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน อิเล็กทรอนิกส์ มาตรวจสอบ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ เผยอีกว่า ทาง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร ได้กำชับเป็นนโยบายหลักอยู่แล้ว ในเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองท่องเที่ยว เราต้องการนักท่องเที่ยว ที่มีคุณภาพ นักท่องเที่ยวมาแล้วต้องปลอดภัย ท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและประทับใจ และไม่ต้องการนักท่องเที่ยวที่มาประกอบอาชญากรรมเข้าชาติแบบนี้ ซึ่งในเรื่องนี้ ทางรัฐบาลไทยได้พูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ตลอดเวลา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งประเทศไทยเราเองไม่ต้องการให้มีแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ เดินทางเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นที่ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ซึ่งทางรัฐบาลไทยก็ได้เร่งกวดขันจับกุมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในเรื่องนี้ ต้องขอฝากไปถึงผู้ประกอบการ ที่ให้ที่พักพิงกับคนกลุ่มนี้ หากเห็นผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที ขอให้ผู้ประกอบการอย่าละเลยในเรื่องของความมั่นคง
ทั้งนี้ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ เผยอีกว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มนี้มีคนไทยเข้าไปมีเอี่ยวด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจรู้ตัวแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบหาข้อเท็จจริง ว่ากลุ่มคนไทยเข้าไปมีส่วนร่วมได้ผลประโยชน์ประมาณไหน ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและหลักฐาน ที่ทางตำรวจท่องเที่ยวกำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ ซึ่งอีกหลายปัจจัยที่ต้องคลี่คลายคดีนี้ให้ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องขออาชญากรรมข้ามชาติ
ขณะเดียวกันทางเจ้าของที่พัก ทางตำรวจก็ต้องเรียกตัวมาสอบ เนื่องจากพบข้อมูลว่า มีการทำสัญญาเช่ากันเป็นรายปี โดยแก๊งนี้ จะมาพักประมาณครั้งละ 1 เดือน และให้ชุดใหม่เข้ามาอยู่ โดยจะสลับหมุนเวียนกันไป คือชุดเก่าไปชุดใหม่มา และมาใช้ที่พักแห่งนี้เป็นฐาน ในการทำผิดกฎหมาย และประการสำคัญ จะทำการตรวจสอบในเรื่องการขออนุญาตในการต่อเติมดัดเเปลงที่พักอีกด้วย โดยทางตำรวจ ท่องเที่ยว ตำรวจ ภาค 8 ตำรวจ สุราษฎร์ธานี และตำรวจ สภ.บ่อผุด และ ตม. และตำรวจที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาข้อมูลเพื่อเอาผิดกับเจ้าของที่พัก ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน
ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดี ในเบื้องต้น ได้ให้ ทางตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายไว้ก่อน.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
December 5, 2025
December 4, 2025
December 3, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่สมุย ตรวจสอบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ใช้สมุยหลอกเงินคนชาติเดียวกัน เผยมีคนไทยเอี่ยวด้วย
สุราษฎร์ธานี – รอง.ผบ.ตร. พร้อม ผบช.ทท. รอง.ผบช.ภ. 8 ลงพื้นที่เกาะสมุย ตรวจสอบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนใช้เป็นฐานหลอกคนจีนด้วยกันให้โอนเงิน ภายหลังตำรวจท่องเที่ยวสมุยจับกุมไว้ได้ยกแก๊ง รอง.ผบ.ตร. เผยมีคนไทยเอี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ด้วย ส่วนความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ ( 5 ธ.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8.พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รอง.ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม. จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ธงชนะ หาญกิตติกาญจนา ผกก.สภ.บ่อผุด ตำรวจ พิสูจน์หลักฐาน 8 และ ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบอพาร์ทเม้นท์ แห่งหนึ่งภายในซอยลานทอง หมู่ 1 ตำบลบ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อตรวจสอบของกลาง จากกรณี พ.ต.ท.ภูวดล วิริยนรางกูล สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 ร.ต.ท.วินิจ บุญชิต รอง.สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 พร้อมกำลังตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้นำกำลังบุกเข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่บนเกาะสมุย ที่ใช้อพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว เปิดเป็นสำนักงานและเป็นที่พัก จำนวน 21 ห้อง มีผู้ต้องหาที่เป็นชาวจีนทั้งชายและหญิงจำนวน 59 คน แยกเป็นชายจำนวน 47 คน หญิง 12 คน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 71 เครื่อง โทรศัพท์มือถือจำนวน 289 เครื่อง ซิมโทรศัพท์ประเทศจีนอีกจำนวน 123 ชิ้น และบัตรเครดิตการ์ด จำนวน 114 ใบ ยึดเงินสกุลไทยไว้ได้จำนวน 203,566 บาท เเละเงินสกุลดอลล่าร์ จำนวน 704 ดอลล่าร์ ซึ่งทางตำรวจท่องเที่ยวได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดเอาไว้ได้ พร้อมยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ซึ่งคาดว่ามียอดเงินหมุนเวียนผ่านเเก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งชาวจีนแก๊งนี้จำนวนมหาศาล
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า ต้องขอชื่นชมตำรวจท่องเที่ยวที่ร่วมกันบูรณาการกวาดล้างกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในครั้งนี้ไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหา ที่มาใช้เกาะสมุย เป็นฐาน ในการหลอกลวงชาจีนด้วยกัน โดยใช้วิธีการพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เเก๊งนี้ จะหลอกชักชวนให้ ชาวจีนเล่นหุ้น และเล่นเกมส์ออนไลน์ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ซึ่งตนได้ประสานพร้อมอธิบายไปที่ทางรัฐบาลจีนให้ทราบเรื่องแล้ว เนื่องจากแก๊งนี้ไม่ได้หลอกคนไทยแต่ใช้เกาะสมุยเป็นฐานเพื่อหลอกคนจีนด้วยกัน ในเรื่องของความเสียหายในขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอตรวจรายละเอียดและข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน อิเล็กทรอนิกส์ มาตรวจสอบ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ เผยอีกว่า ทาง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร ได้กำชับเป็นนโยบายหลักอยู่แล้ว ในเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองท่องเที่ยว เราต้องการนักท่องเที่ยว ที่มีคุณภาพ นักท่องเที่ยวมาแล้วต้องปลอดภัย ท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและประทับใจ และไม่ต้องการนักท่องเที่ยวที่มาประกอบอาชญากรรมเข้าชาติแบบนี้ ซึ่งในเรื่องนี้ ทางรัฐบาลไทยได้พูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ตลอดเวลา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งประเทศไทยเราเองไม่ต้องการให้มีแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ เดินทางเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นที่ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ซึ่งทางรัฐบาลไทยก็ได้เร่งกวดขันจับกุมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในเรื่องนี้ ต้องขอฝากไปถึงผู้ประกอบการ ที่ให้ที่พักพิงกับคนกลุ่มนี้ หากเห็นผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที ขอให้ผู้ประกอบการอย่าละเลยในเรื่องของความมั่นคง
ทั้งนี้ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ เผยอีกว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มนี้มีคนไทยเข้าไปมีเอี่ยวด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจรู้ตัวแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบหาข้อเท็จจริง ว่ากลุ่มคนไทยเข้าไปมีส่วนร่วมได้ผลประโยชน์ประมาณไหน ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและหลักฐาน ที่ทางตำรวจท่องเที่ยวกำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ ซึ่งอีกหลายปัจจัยที่ต้องคลี่คลายคดีนี้ให้ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องขออาชญากรรมข้ามชาติ
ขณะเดียวกันทางเจ้าของที่พัก ทางตำรวจก็ต้องเรียกตัวมาสอบ เนื่องจากพบข้อมูลว่า มีการทำสัญญาเช่ากันเป็นรายปี โดยแก๊งนี้ จะมาพักประมาณครั้งละ 1 เดือน และให้ชุดใหม่เข้ามาอยู่ โดยจะสลับหมุนเวียนกันไป คือชุดเก่าไปชุดใหม่มา และมาใช้ที่พักแห่งนี้เป็นฐาน ในการทำผิดกฎหมาย และประการสำคัญ จะทำการตรวจสอบในเรื่องการขออนุญาตในการต่อเติมดัดเเปลงที่พักอีกด้วย โดยทางตำรวจ ท่องเที่ยว ตำรวจ ภาค 8 ตำรวจ สุราษฎร์ธานี และตำรวจ สภ.บ่อผุด และ ตม. และตำรวจที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาข้อมูลเพื่อเอาผิดกับเจ้าของที่พัก ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน
ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดี ในเบื้องต้น ได้ให้ ทางตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายไว้ก่อน.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธินายช่างไทยฯ ผนึกกำลังจิตอาสา กฟผ. ระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.สงขลา
December 5, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) จัดการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ...
December 4, 2025
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ส่งต่อถุงยังชีพ AOT ให้ชุมชนรอบสนามบิน
December 3, 2025
โรงเรียน นานาชาติ The American School of Bangkok ...
December 3, 2025