นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายถาวร เสนเนียม สส.สงขลา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมคณะ ลงพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ พร้อมเดินสำรวจจุดเชื่อมไทย-มาเลเซีย
ก่อนเดินทางไปประชุมหารือแนวทางการแก้ไขอุปสรรคการค้า ระหว่างไทย-มาเลเซีย ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนภาคใต้ ที่ อาคารด่านศุลกากรขาออก อ.สะเดา จ.สงขลา
โดยในที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน จุดเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับมาเลเซีย การขนส่งสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว เป็นต้น ภายหลังการประชุม นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นสำคัญสำคัญ 4 ประเด็น คือ
เรื่องที่ 1.ในเรื่องของด่านสะเดา ซึ่งเป็นช่องทางในการส่งสินค้าเข้า ออกระหว่างไทยมาเลเซีย และเป็นช่องทางในการที่จะแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยกับมาเลเซีย
ซึ่งด่านสะเดา ยังเป็นด่านที่มีช่องการตรวจลงตราที่จำกัดจึงเป็นคอขวด ที่ทำให้การส่งออกของไทยไปมาเลเซียก็ยังมีปัญหาอุปสรรค นักท่องเที่ยวมาเลเซียที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยผ่านด่านสะเดา โดยเฉพาะเข้ามาเที่ยวในจังหวัดใต้ก็ยังมีปัญหาความไม่สะดวกเพราะปัญหาคอขวด
วันนี้จึงมีข้อสรุปที่จะแก้ไขเบื้องต้น 2 แนวทาง คือ 1. ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จะเพิ่มบุคลากร จาก 50 คน เป็น 100 คน และจะเร่งฝึกอบรม เพื่อดำเนินการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ให้การเดินทางสะดวกโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็จะเริ่มต้นได้ทันที 2.จะเพิ่มช่องทางเดินรถ จาก 4ช่อง เป็น6 ช่อง อันนี้ก็คือสิ่งที่จะทำให้เห็นเป็นรูปธรรม
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ประเทศไทยจะส่งอาหาร สินค้าสำคัญ คือ อุตสาหกรรมอาหารไปยังมาเลเซียนั้น ก็มีปัญหาอยู่ประการหนึ่งก็คือว่าในช่วงที่มีการทดลองขยายเวลาการเปิดด่านขนส่งสินค้าเข้าออกเป็น 24 ชั่วโมง ซึ่งจะดำเนินการทดลองวิ่ง 1ปี การส่งออกอาการจากไทย ไปมาเลเซียก็ยังมีความล่าช้า
เนื่องจากว่าทาง อย. (สำนักงานอาหารและยา) ไม่มีตัวแทนประจำอยู่ในช่วงระยะเวลานอกเวลาราชการ เรื่องผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ก็เป็นผู้รับจะไปดำเนินการที่จะประสานกับสำนักงานสาธารสุขจังหวัด เพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาประจำก็จะช่วยให้การส่งออกอาหารไปมาเลเซียคล่องตัวยิ่งขึ้น
เรื่องที่ 2 เรื่องด่านสะเดาแห่งใหม่ อยู่ระหว่างก่อสร้าง จากการติดตามความคืบหน้าคาดว่าจะสร้างเสร็จทั้งหมดประมาณเดือนตุลาคม 2562 ปัญหาคือการสร้างถนนเชื่อมระหว่างไทย -มาเลเซีย อยู่ระหว่างเจรจาเนื่องจากทั้งสองฝั่งมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ขณะนี้กำลังจะได้ข้อยุติ เมื่อได้มติก็จะเร่งดำเนินการก่อสร้างทันที
เรื่องที่ 3 ในเรื่องของการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งก็เป็นหัวข้อสำคัญในการประชุมวันนี้ก็ได้ข้อสรุปว่าจะมีการจัดเวทีโดยให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพ เพื่อให้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างนักธุรกิจมาเลเซีย ใน 5 รัฐภาคเหนือตอนบน เพื่อประชุมร่วมกับนักธุรกิจของไทยรวมทั้งผู้ส่งออกของไทยใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะกำหนดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เกิดการทำสัญญาซื้อขายอย่างเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งการประชุมนี้ก็กำหนดเบื้องต้นว่าจะจัดในช่วงปลายเดือนตุลาคม หรือไม่เกินเดือนพฤศจิกายนนี้
ประเด็นที่ 4 เรื่องการจัดการกับการนำน้ำมันปาล์มผ่านแดนจากประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลฯ ผ่านประเทศไทยเพื่อส่งต่อไปยังลาวหรือเมียนม่าเป็นต้น แต่ปรากฏว่าเท่าที่ตรวจสอบโดยกรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องพบว่ามีบางกรณีที่น้ำมัน มันหกอยู่ในประเทศไทย มีผลให้ราคาปาล์มในประเทศไทยราคาตกต่ำ เรื่องนี้จะต้องมีการดำเนินการจัดการโดยเด็ดขาด โดยได้ขอให้ทางศุลกากรให้ไปดูว่าจะมีมาตรการในการดำเนินการเคร่งครัดในเรื่องนี้ได้อย่างไร
นอกจากวิธีการไล่จับเป็นรายๆ เพราะสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว เช่นให้มีการตรวจสอบเข้มงวดขึ้นในตอนนำเข้ามาว่าปริมาณที่แจ้ง ตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่.
ภาพ/ข่าว กิตติพัฒน์ พรนิมิตมงคล
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 21, 2024
November 20, 2024
November 19, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
จุรินทร์ ลุยต่อวันหยุด! ควง 2 รมช. แก้ปัญหาการค้าชายแดนไทย-มาเลย์ เร่งจัด Business matching พบปะนักธุรกิจรุ่นใหม่ 5 จังหวัดชายแดนใต้กับ 5 รัฐตอนเหนือมาเลย์ ต้นตุลา 62 จับมือนิพนธ์-ถาวร พลิกเศรษฐกิจชายแดนใต้ จี้แก้ทุกมิติใช้การค้าและพาณิชย์นำทาง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายถาวร เสนเนียม สส.สงขลา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมคณะ ลงพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ พร้อมเดินสำรวจจุดเชื่อมไทย-มาเลเซีย
ก่อนเดินทางไปประชุมหารือแนวทางการแก้ไขอุปสรรคการค้า ระหว่างไทย-มาเลเซีย ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนภาคใต้ ที่ อาคารด่านศุลกากรขาออก อ.สะเดา จ.สงขลา
โดยในที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน จุดเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับมาเลเซีย การขนส่งสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว เป็นต้น ภายหลังการประชุม นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นสำคัญสำคัญ 4 ประเด็น คือ
เรื่องที่ 1.ในเรื่องของด่านสะเดา ซึ่งเป็นช่องทางในการส่งสินค้าเข้า ออกระหว่างไทยมาเลเซีย และเป็นช่องทางในการที่จะแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างไทยกับมาเลเซีย
ซึ่งด่านสะเดา ยังเป็นด่านที่มีช่องการตรวจลงตราที่จำกัดจึงเป็นคอขวด ที่ทำให้การส่งออกของไทยไปมาเลเซียก็ยังมีปัญหาอุปสรรค นักท่องเที่ยวมาเลเซียที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยผ่านด่านสะเดา โดยเฉพาะเข้ามาเที่ยวในจังหวัดใต้ก็ยังมีปัญหาความไม่สะดวกเพราะปัญหาคอขวด
วันนี้จึงมีข้อสรุปที่จะแก้ไขเบื้องต้น 2 แนวทาง คือ 1. ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จะเพิ่มบุคลากร จาก 50 คน เป็น 100 คน และจะเร่งฝึกอบรม เพื่อดำเนินการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ให้การเดินทางสะดวกโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็จะเริ่มต้นได้ทันที 2.จะเพิ่มช่องทางเดินรถ จาก 4ช่อง เป็น6 ช่อง อันนี้ก็คือสิ่งที่จะทำให้เห็นเป็นรูปธรรม
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ประเทศไทยจะส่งอาหาร สินค้าสำคัญ คือ อุตสาหกรรมอาหารไปยังมาเลเซียนั้น ก็มีปัญหาอยู่ประการหนึ่งก็คือว่าในช่วงที่มีการทดลองขยายเวลาการเปิดด่านขนส่งสินค้าเข้าออกเป็น 24 ชั่วโมง ซึ่งจะดำเนินการทดลองวิ่ง 1ปี การส่งออกอาการจากไทย ไปมาเลเซียก็ยังมีความล่าช้า
เนื่องจากว่าทาง อย. (สำนักงานอาหารและยา) ไม่มีตัวแทนประจำอยู่ในช่วงระยะเวลานอกเวลาราชการ เรื่องผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ก็เป็นผู้รับจะไปดำเนินการที่จะประสานกับสำนักงานสาธารสุขจังหวัด เพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาประจำก็จะช่วยให้การส่งออกอาหารไปมาเลเซียคล่องตัวยิ่งขึ้น
เรื่องที่ 2 เรื่องด่านสะเดาแห่งใหม่ อยู่ระหว่างก่อสร้าง จากการติดตามความคืบหน้าคาดว่าจะสร้างเสร็จทั้งหมดประมาณเดือนตุลาคม 2562 ปัญหาคือการสร้างถนนเชื่อมระหว่างไทย -มาเลเซีย อยู่ระหว่างเจรจาเนื่องจากทั้งสองฝั่งมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ขณะนี้กำลังจะได้ข้อยุติ เมื่อได้มติก็จะเร่งดำเนินการก่อสร้างทันที
เรื่องที่ 3 ในเรื่องของการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งก็เป็นหัวข้อสำคัญในการประชุมวันนี้ก็ได้ข้อสรุปว่าจะมีการจัดเวทีโดยให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพ เพื่อให้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างนักธุรกิจมาเลเซีย ใน 5 รัฐภาคเหนือตอนบน เพื่อประชุมร่วมกับนักธุรกิจของไทยรวมทั้งผู้ส่งออกของไทยใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะกำหนดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เกิดการทำสัญญาซื้อขายอย่างเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งการประชุมนี้ก็กำหนดเบื้องต้นว่าจะจัดในช่วงปลายเดือนตุลาคม หรือไม่เกินเดือนพฤศจิกายนนี้
ประเด็นที่ 4 เรื่องการจัดการกับการนำน้ำมันปาล์มผ่านแดนจากประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลฯ ผ่านประเทศไทยเพื่อส่งต่อไปยังลาวหรือเมียนม่าเป็นต้น แต่ปรากฏว่าเท่าที่ตรวจสอบโดยกรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องพบว่ามีบางกรณีที่น้ำมัน มันหกอยู่ในประเทศไทย มีผลให้ราคาปาล์มในประเทศไทยราคาตกต่ำ เรื่องนี้จะต้องมีการดำเนินการจัดการโดยเด็ดขาด โดยได้ขอให้ทางศุลกากรให้ไปดูว่าจะมีมาตรการในการดำเนินการเคร่งครัดในเรื่องนี้ได้อย่างไร
นอกจากวิธีการไล่จับเป็นรายๆ เพราะสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว เช่นให้มีการตรวจสอบเข้มงวดขึ้นในตอนนำเข้ามาว่าปริมาณที่แจ้ง ตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่.
ภาพ/ข่าว กิตติพัฒน์ พรนิมิตมงคล
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024
อบจ.สงขลา ร่วมรับรางวัลประกาศเกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต จากโครงการ ...
November 20, 2024
อโกด้าเผย หาดใหญ่คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี
November 19, 2024