มรภ.สงขลา ส่ง 3 ตัวแทนนักศึกษา บินลัดฟ้าแลกเปลี่ยนด้านวิชาการ-ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เชื่อช่วยเปิดโลกทัศน์ ฝึกทักษะสื่อสาร พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ
อาจารย์จิรภา คงเขียว รองอธิการบดีฝ่ายฝ่ายยุทธศาสตร์การพัฒนานักศึกษาและคุณลักษณะบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มรภ.สงขลา คัดเลือกตัวแทนนักศึกษา จำนวน 3 คน ได้แก่ น.ส.ณัฐธิดา เมืองประชา น.ส.นูรฮาฟีซา เปาะแต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และ นายฐิติพงศ์ พันธ์ดี สาขาวิชาภาษาไทย จากคณะครุศาสตร์ เดินทางไปแลกเปลี่ยนด้านวิชาการและศิลปวัฒนธรรม และศึกษาดูงาน ณ มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์ (Southwest University) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งนอกจากจะช่วยเปิดโลกทัศน์ให้แก่นักศึกษาแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างทักษะให้นักศึกษามีความกล้าแสดงออก และสามารถสื่อสารในต่างประเทศได้ ขณะเดียวกัน มรภ.สงขลา ได้ดำเนินกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ อันจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านต่างๆ นำมาซึ่งการทำข้อตกลงความความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม และเป็นโอกาสในการกระชับความความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยต่างประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ดร.นิสิตา ฤทธาภิรมย์ รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มรภ.สงขลา ผู้เสนอโครงการ กล่าวว่า การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ระหว่างประเทศของสถาบันอุดมศึกษา มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศ เพื่อตอบสนองนโยบายการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในการสร้างและขยายพันธมิตร โดยยึดหลักการผสานประโยชน์และความชำนาญการของกันและกัน ก่อให้เกิดความร่วมมืออันดีเพื่อสนับสนุนการศึกษา ภาษา ศิลปวัฒนธรรม การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม การจัดโครงการทางวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน เพื่อพัฒนาบุคลากรและนักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา ซึ่ง มรภ.สงขลา ดำเนินกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งการส่งนักศึกษาไปอบรมเชิงปฏิบัติและศึกษาดูงานในมหาวิทยาต่างประเทศ หรือการเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักศึกษาและอาจารย์จากต่างประเทศที่มาฝึกอบรมและศึกษาดูงาน ณ มรภ.สงขลา
รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มรภ.สงขลา กล่าวอีกว่า หากเรามีการเตรียมความพร้อมทรัพยากรมนุษย์ของไทยให้สามารถแข่งขันและเท่าเทียมกับนานาประเทศได้ ย่อมเป็นการเตรียมการที่ดี เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียเปรียบชาติอื่นๆ และยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับคนไทยในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านธุรกิจและการศึกษา อีกทั้งเมื่อมีการรวมกลุ่มกันแล้วการที่จะเรียนรู้ศึกษาซึ่งกันและกัน ถือเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความได้เปรียบแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ก่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมและมีความเข้าใจในความหลากหลายของสังคมต่างวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้นด้วย
ด้าน นายฐิติพงศ์ พันธ์ดี กล่าวว่า ก่อนเดินทางศูนย์ภาษาได้จัดอบรมภาษาอังกฤษและภาษาจีนพื้นฐานให้ 1 สัปดาห์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการสื่อสาร แต่เนื่องด้วยเพื่อนอีก 2 คน เรียนทางด้านสาขาวิชาภาษาอังกฤษ จึงมีความชำนาญในระดับหนึ่งแล้ว อาจารย์จึงเพิ่มระดับในการเรียนให้สูงขึ้น ตนซึ่งเรียนทางด้านสาขาวิชาภาษาไทยจึงจำเป็นต้องทำการบ้านหนักกว่าคนอื่น เช่น ท่องคำศัพท์ ฝึกพูดประโยคสนทนาพื้นฐาน ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึง เมืองฉงชิ่งต้อนรับพวกตนด้วยแผ่นดินไหวถึง 4 รอบ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้จึงปรึกษาอาจารย์ประจำ Camp ท่านเล่าว่านานแล้วที่ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่นักศึกษาไม่ต้องเป็นห่วงตึกที่นี่แข็งแรงทุกห้องมีสัญญาณเตือนอันตราย ในความหวาดกลัวยังมีเรื่องดีๆ เพราะตนได้พูดคุยกับชาวแอฟริกาคนหนึ่ง เขากลัวเหตุการณ์นี้เช่นกัน ทำให้ได้ลองฝึกใช้ภาษาไปด้วย แม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแต่กลับรับรู้ได้ถึงการดูแลเอาใจใส่ของอาจารย์และเพื่อนร่วม Camp ทุกคนต่างเฝ้าไถ่ถามและคอยเป็นกำลังใจให้แก่กัน
“ก่อนจบค่ายมีการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ซึ่งกลุ่มของผมนำเสนอสิ่งที่เรียนและพบเจอพร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยภาษาอังกฤษและจีน วันสุดท้ายของที่นี่คือการก้าวผ่านความกลัวของผมทั้งหมด ความกดดันที่มีมาตั้งแต่ต้น ผมรับหน้าที่กล่าวความรู้สึกและถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทเพลงจีน ทำให้ผมได้พิสูจน์ตนเองว่า ทุกอย่างเราสามารถทำได้ถึงแม้จะไม่ดีเทียบเท่าผู้อื่น แต่สุดท้ายแล้วเราคือผู้ที่รู้จุดเปลี่ยนว่ามันคุ้มค่ากับความพยายามของตัวเราเอง”
น.ส.นูรฮาฟีซา เปาะแต กล่าวว่า ระยะเวลา 14 วันของการเข้าร่วมโครงการ SWU International Summer Camp 2019 ตนได้เจอกับเพื่อนๆ ต่างชาติจากหลากหลายประเทศ รวมถึงเพื่อนจากประเทศไทยที่มาจาก จ.ขอนแก่น ได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันเกือบทุกวัน ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากชีวิตประจำวันอย่างสิ้นเชิง ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร และต้องเรียนรู้ภาษาจีนเพื่อใช้สื่อสารกับพ่อค้าแม่ค้าหรือคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ การได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมของประเทศจีนเอง หรือแม้กระทั่งเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนร่วมโครงการ ถือเป็นหนึ่งท้าทายสำหรับตน รวมถึงเพื่อนๆ ที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน ช่วงแรกๆ ยังกลัวว่าจะวางตัวอย่างไร จะสื่อสารและเข้ากับกับเพื่อนๆ ได้ไหม จนเวลาผ่านไปก็ได้เรียนรู้ว่าการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
ปิดท้ายด้วย น.ส.ณัฐธิดา เมืองประชา กล่าวว่า การเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ประกอบด้วยนักศึกษาที่มาจาก 6 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา เยอรมัน อาร์เมเนีย มองโกเลีย สาธารณะรัฐเช็ก และไทย จึงใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันเป็นหลัก ซึ่งการได้มาแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรม ทำให้ได้พัฒนาตนเองเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ด้าน ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ มีความมั่นใจและกล้าที่จะลองเรียนรู้สิ่งต่างๆ ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้รับมิตรภาพที่ดีจากเพื่อนๆ ทีมงานผู้ดูแลโครงการ และชาวจีน ซึ่งความรู้สึกประทับใจระหว่างการใช้ชีวิต ณ เมืองฉงชิ่ง ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูด ตนจึงถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายและวิดีโอ ที่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วทำให้ความทรงจำที่เกิดขึ้น ณ ช่วงเวลานั้นได้หวนกลับมาเช่นเดิม.
ภาพ/ข่าว มรภ.สงขลา
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 21, 2025
November 19, 2025
November 18, 2025
November 17, 2025
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
มรภ.สงขลา ส่ง นศ. บินลัดฟ้าแลกเปลี่ยนวิชาการ-วัฒนธรรม “ม.เซาท์เวสต์” ประเทศจีน
มรภ.สงขลา ส่ง 3 ตัวแทนนักศึกษา บินลัดฟ้าแลกเปลี่ยนด้านวิชาการ-ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เชื่อช่วยเปิดโลกทัศน์ ฝึกทักษะสื่อสาร พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ
อาจารย์จิรภา คงเขียว รองอธิการบดีฝ่ายฝ่ายยุทธศาสตร์การพัฒนานักศึกษาและคุณลักษณะบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มรภ.สงขลา คัดเลือกตัวแทนนักศึกษา จำนวน 3 คน ได้แก่ น.ส.ณัฐธิดา เมืองประชา น.ส.นูรฮาฟีซา เปาะแต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และ นายฐิติพงศ์ พันธ์ดี สาขาวิชาภาษาไทย จากคณะครุศาสตร์ เดินทางไปแลกเปลี่ยนด้านวิชาการและศิลปวัฒนธรรม และศึกษาดูงาน ณ มหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์ (Southwest University) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งนอกจากจะช่วยเปิดโลกทัศน์ให้แก่นักศึกษาแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างทักษะให้นักศึกษามีความกล้าแสดงออก และสามารถสื่อสารในต่างประเทศได้ ขณะเดียวกัน มรภ.สงขลา ได้ดำเนินกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ อันจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านต่างๆ นำมาซึ่งการทำข้อตกลงความความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม และเป็นโอกาสในการกระชับความความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยต่างประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ดร.นิสิตา ฤทธาภิรมย์ รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มรภ.สงขลา ผู้เสนอโครงการ กล่าวว่า การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ระหว่างประเทศของสถาบันอุดมศึกษา มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศ เพื่อตอบสนองนโยบายการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในการสร้างและขยายพันธมิตร โดยยึดหลักการผสานประโยชน์และความชำนาญการของกันและกัน ก่อให้เกิดความร่วมมืออันดีเพื่อสนับสนุนการศึกษา ภาษา ศิลปวัฒนธรรม การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม การจัดโครงการทางวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน เพื่อพัฒนาบุคลากรและนักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา ซึ่ง มรภ.สงขลา ดำเนินกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งการส่งนักศึกษาไปอบรมเชิงปฏิบัติและศึกษาดูงานในมหาวิทยาต่างประเทศ หรือการเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักศึกษาและอาจารย์จากต่างประเทศที่มาฝึกอบรมและศึกษาดูงาน ณ มรภ.สงขลา
รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มรภ.สงขลา กล่าวอีกว่า หากเรามีการเตรียมความพร้อมทรัพยากรมนุษย์ของไทยให้สามารถแข่งขันและเท่าเทียมกับนานาประเทศได้ ย่อมเป็นการเตรียมการที่ดี เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียเปรียบชาติอื่นๆ และยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับคนไทยในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านธุรกิจและการศึกษา อีกทั้งเมื่อมีการรวมกลุ่มกันแล้วการที่จะเรียนรู้ศึกษาซึ่งกันและกัน ถือเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความได้เปรียบแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ก่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมและมีความเข้าใจในความหลากหลายของสังคมต่างวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้นด้วย
ด้าน นายฐิติพงศ์ พันธ์ดี กล่าวว่า ก่อนเดินทางศูนย์ภาษาได้จัดอบรมภาษาอังกฤษและภาษาจีนพื้นฐานให้ 1 สัปดาห์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการสื่อสาร แต่เนื่องด้วยเพื่อนอีก 2 คน เรียนทางด้านสาขาวิชาภาษาอังกฤษ จึงมีความชำนาญในระดับหนึ่งแล้ว อาจารย์จึงเพิ่มระดับในการเรียนให้สูงขึ้น ตนซึ่งเรียนทางด้านสาขาวิชาภาษาไทยจึงจำเป็นต้องทำการบ้านหนักกว่าคนอื่น เช่น ท่องคำศัพท์ ฝึกพูดประโยคสนทนาพื้นฐาน ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึง เมืองฉงชิ่งต้อนรับพวกตนด้วยแผ่นดินไหวถึง 4 รอบ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้จึงปรึกษาอาจารย์ประจำ Camp ท่านเล่าว่านานแล้วที่ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่นักศึกษาไม่ต้องเป็นห่วงตึกที่นี่แข็งแรงทุกห้องมีสัญญาณเตือนอันตราย ในความหวาดกลัวยังมีเรื่องดีๆ เพราะตนได้พูดคุยกับชาวแอฟริกาคนหนึ่ง เขากลัวเหตุการณ์นี้เช่นกัน ทำให้ได้ลองฝึกใช้ภาษาไปด้วย แม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแต่กลับรับรู้ได้ถึงการดูแลเอาใจใส่ของอาจารย์และเพื่อนร่วม Camp ทุกคนต่างเฝ้าไถ่ถามและคอยเป็นกำลังใจให้แก่กัน
“ก่อนจบค่ายมีการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ซึ่งกลุ่มของผมนำเสนอสิ่งที่เรียนและพบเจอพร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยภาษาอังกฤษและจีน วันสุดท้ายของที่นี่คือการก้าวผ่านความกลัวของผมทั้งหมด ความกดดันที่มีมาตั้งแต่ต้น ผมรับหน้าที่กล่าวความรู้สึกและถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทเพลงจีน ทำให้ผมได้พิสูจน์ตนเองว่า ทุกอย่างเราสามารถทำได้ถึงแม้จะไม่ดีเทียบเท่าผู้อื่น แต่สุดท้ายแล้วเราคือผู้ที่รู้จุดเปลี่ยนว่ามันคุ้มค่ากับความพยายามของตัวเราเอง”
น.ส.นูรฮาฟีซา เปาะแต กล่าวว่า ระยะเวลา 14 วันของการเข้าร่วมโครงการ SWU International Summer Camp 2019 ตนได้เจอกับเพื่อนๆ ต่างชาติจากหลากหลายประเทศ รวมถึงเพื่อนจากประเทศไทยที่มาจาก จ.ขอนแก่น ได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันเกือบทุกวัน ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากชีวิตประจำวันอย่างสิ้นเชิง ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร และต้องเรียนรู้ภาษาจีนเพื่อใช้สื่อสารกับพ่อค้าแม่ค้าหรือคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ การได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมของประเทศจีนเอง หรือแม้กระทั่งเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนร่วมโครงการ ถือเป็นหนึ่งท้าทายสำหรับตน รวมถึงเพื่อนๆ ที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน ช่วงแรกๆ ยังกลัวว่าจะวางตัวอย่างไร จะสื่อสารและเข้ากับกับเพื่อนๆ ได้ไหม จนเวลาผ่านไปก็ได้เรียนรู้ว่าการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
ปิดท้ายด้วย น.ส.ณัฐธิดา เมืองประชา กล่าวว่า การเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ประกอบด้วยนักศึกษาที่มาจาก 6 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา เยอรมัน อาร์เมเนีย มองโกเลีย สาธารณะรัฐเช็ก และไทย จึงใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันเป็นหลัก ซึ่งการได้มาแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรม ทำให้ได้พัฒนาตนเองเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ด้าน ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ มีความมั่นใจและกล้าที่จะลองเรียนรู้สิ่งต่างๆ ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้รับมิตรภาพที่ดีจากเพื่อนๆ ทีมงานผู้ดูแลโครงการ และชาวจีน ซึ่งความรู้สึกประทับใจระหว่างการใช้ชีวิต ณ เมืองฉงชิ่ง ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูด ตนจึงถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายและวิดีโอ ที่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วทำให้ความทรงจำที่เกิดขึ้น ณ ช่วงเวลานั้นได้หวนกลับมาเช่นเดิม.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ม.ทักษิณ เปิดสนามประลองไอเดียธุรกิจ TSU Premier Pitch 2025 ดันนิสิตสู่ธุรกิจสตาร์ทอัพ
November 21, 2025
มรภ.สงขลา เยือน มรภ.วไลยอลงกรณ์ฯ จัดอบรมใช้งานระบบ “Big Data” ครั้งที่ ...
November 19, 2025
สกสว. จัดงาน Thailand Talent Summit 2025 รวมพลนักวิจัยไทยกว่า ...
November 18, 2025
มรภ.สงขลา มอบประกาศนียบัตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ หลักสูตรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนดิจิทัลฯ ยกระดับขีดความสามารถบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาผู้เรียนอย่างยั่งยืน
November 17, 2025