จากกรณีกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ถูกกลุ่มคู่อริประกอบอาชีพเดียวกันตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 103/1-2 แขวงและเขตบางนา กทม. ก่อเหตุใช้อาวุธปืนกราดยิงจนส่งผลให้มีผู้ถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี พนักงาน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส และได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. ที่สน.บางนา พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี โดยใช้เวลานานกว่า 2 ช.ม. ก่อนออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ และนายวัชรรินทร์ งาเฉลา อายุ 33 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์
สำหรับนายวัชรินทร์ งาเฉลา อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุและได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไทยนครินทร์ เพื่อรักษาอาการอย่างเร่งด่วนเนื่องจากถูกอาวุธไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่บริเวณศรีษะ 1 นัด และลำตัว 2 นัด โดยไม่ทราบว่าถูกลูกหลงจากกลุ่มเดียวกันหรือกลุ่มคู่อริ ก่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยหลังจากนี้จะขออำนาจศาลออกหมายจับตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งมีมากกว่า 10 ราย รวมทั้งหมด 4 ข้อหา ประกอบด้วย “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น” “ทำร้ายร่างกาย” “พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” และมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป” นอกจากนี้อาจจะแจ้งเพิ่มเติมในข้อหาทำให้เสียทรัพย์
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในจุดเกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนถึง 2 ชนิด ทั้งขนาด 9 มม. และ 11 มม. โดยเชื่อว่ามีผู้ใช้อาวุธปืนอย่างน้อย 2 กระบอก ซึ่งหลังจากนี้จะต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมกรณีที่ปรากฏภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในจุดเกิดเหตุอีกด้วย
ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่าจากการพิจารณาแล้วเล็งเห็นว่าขณะเกิดเหตุนั้นกำลังตำรวจไม่เพียงพอต่อการระงับเหตุ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีจำนวนมากจึงไม่สามารถระงับเหตุเบื้องต้นได้ โดยหลังจากนี้จะสั่งการให้เพิ่มกำลังลงพื้นที่ไปเฝ้าระวังจุดเกิดเหตุเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีกลุ่มผู้มีอิทธิในพื้นที่อยู่เบื้องหลังคอยสั่งการหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นบุคคลจริงหรือเพียงแค่กล่าวอ้าง แต่ปกติทุกวินจะมีหัวหน้าคอยดูแล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อตรวจสอบว่าหัวหน้าวินทั้ง 2 ฝ่าย มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ รวมทั้งพิจารณาเรื่องดำเนินการถึงการจัดตั้งวินของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ยังไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายแม้แต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานพบไม้กระบอง และไม้คมแฝก มากกว่า 30 อัน ซึ่งถูกทิ้งไว้ตามข้างทางบริเวณจุดเกิดเหตุ รวมทั้งยังเชิญตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ฝ่าย มากกว่า 10 คน มาสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งประสานให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝงเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป.
#ขอบคุณข้อมูลข่าว
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 21, 2024
November 20, 2024
November 19, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
ตายเพิ่มอีก 1 เซ่นวินยกพวกถล่ม พบปืน คมแฝก กระบองเพียบ ชี้ ตร.ไม่พอระงับเหตุ
จากกรณีกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ถูกกลุ่มคู่อริประกอบอาชีพเดียวกันตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 103/1-2 แขวงและเขตบางนา กทม. ก่อเหตุใช้อาวุธปืนกราดยิงจนส่งผลให้มีผู้ถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี พนักงาน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส และได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. ที่สน.บางนา พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี โดยใช้เวลานานกว่า 2 ช.ม. ก่อนออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ และนายวัชรรินทร์ งาเฉลา อายุ 33 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์
สำหรับนายวัชรินทร์ งาเฉลา อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุและได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไทยนครินทร์ เพื่อรักษาอาการอย่างเร่งด่วนเนื่องจากถูกอาวุธไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่บริเวณศรีษะ 1 นัด และลำตัว 2 นัด โดยไม่ทราบว่าถูกลูกหลงจากกลุ่มเดียวกันหรือกลุ่มคู่อริ ก่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยหลังจากนี้จะขออำนาจศาลออกหมายจับตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งมีมากกว่า 10 ราย รวมทั้งหมด 4 ข้อหา ประกอบด้วย “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น” “ทำร้ายร่างกาย” “พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” และมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป” นอกจากนี้อาจจะแจ้งเพิ่มเติมในข้อหาทำให้เสียทรัพย์
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในจุดเกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนถึง 2 ชนิด ทั้งขนาด 9 มม. และ 11 มม. โดยเชื่อว่ามีผู้ใช้อาวุธปืนอย่างน้อย 2 กระบอก ซึ่งหลังจากนี้จะต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมกรณีที่ปรากฏภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในจุดเกิดเหตุอีกด้วย
ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่าจากการพิจารณาแล้วเล็งเห็นว่าขณะเกิดเหตุนั้นกำลังตำรวจไม่เพียงพอต่อการระงับเหตุ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีจำนวนมากจึงไม่สามารถระงับเหตุเบื้องต้นได้ โดยหลังจากนี้จะสั่งการให้เพิ่มกำลังลงพื้นที่ไปเฝ้าระวังจุดเกิดเหตุเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีกลุ่มผู้มีอิทธิในพื้นที่อยู่เบื้องหลังคอยสั่งการหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นบุคคลจริงหรือเพียงแค่กล่าวอ้าง แต่ปกติทุกวินจะมีหัวหน้าคอยดูแล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อตรวจสอบว่าหัวหน้าวินทั้ง 2 ฝ่าย มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ รวมทั้งพิจารณาเรื่องดำเนินการถึงการจัดตั้งวินของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ยังไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายแม้แต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานพบไม้กระบอง และไม้คมแฝก มากกว่า 30 อัน ซึ่งถูกทิ้งไว้ตามข้างทางบริเวณจุดเกิดเหตุ รวมทั้งยังเชิญตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ฝ่าย มากกว่า 10 คน มาสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งประสานให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝงเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป.
#ขอบคุณข้อมูลข่าว
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024
อบจ.สงขลา ร่วมรับรางวัลประกาศเกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต จากโครงการ ...
November 20, 2024
อโกด้าเผย หาดใหญ่คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี
November 19, 2024