ตามนโยบายรัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและมีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกระทำความผิดในระบบคอมพิวเตอร์ และสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นควบคู่ไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่เป็นปัญหาที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญ และเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) ,พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะ รองผู้อำนวยการ ศปอส.ตร., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.บก.สส. สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.บก.จร.บช.น.,พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 , พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ ได้สั่งการให้ ศปอส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 2 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. สืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย ซึ่งใช้สื่อสังคมออนไลน์ ขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งผู้เสียหายได้รวมตัวกันมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ ศปอส.ตร.ให้ช่วยดำเนินการสืบสวนจับกุมตัวคนร้ายรายนี้
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายว่าได้ถูกคนร้าย หลอกขายสินค้าออนไลน์โดยที่ไม่ได้มีสินค้าอยู่จริง พฤติการณ์กล่าวคือ คนร้ายจะเปิดเพจ เฟสบุ๊ค(Facebook) โดยวิธีการแสดงข้อความเชิญชวนให้สั่งซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้าที่สวยงาม แต่สินค้าที่ไม่มีอยู่จริง คือเมื่อสั่งซื้อสินค้าไปแล้วจะไม่ได้รับสินค้า เมื่อทวงถามก็จะบ่ายเบี่ยง อ้างว่าติดขัดขั้นตอนการส่งต่างๆ และเงียบหายไปจนจะติดต่อไม่ได้ รวมถึงบล็อคการติดต่อ จากนั้นก็จะปิดเพจเฟซบุ๊ค(Facebook) หนีไป แต่หลังจากนั้นไม่นานก็จะเปิดเพจเฟซบุ๊ค(Facebook)ขึ้นมาใหม่ แล้วหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นต่อไปอีก จากการสืบสวนพบว่า คนร้ายรายนี้สร้างเพจเฟซบุ๊ค(Facebook)เพื่อโกง หลอกลวงประชาชน มากกว่า 12 เพจ อาทิเช่น เพจร้าน Involves shop ตั้งแต่ เดือน มิ.ย. 2559, เพจร้าน Pop up shop ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2561, เพจร้าน Hello 250 fashion ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2561, เพจร้าน Fashion 250 shop และเพจร้าน Shop by pimmada โดยล่าสุดเปิด เพจร้าน Perorder By olaoong ม.ค. -ต้น ก.พ. 2562 (เพจล่าสุด) ซึ่งพึ่งจะปิดไปได้ไม่นาน ส่วนเหตุที่ประชาชนหลงเชื่อเนื่องจากคนร้ายเป็นผู้มีความชำนาญเรื่องการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ สามารถสร้างเพจให้ มีผู้กดติดตามหลายพันคน มีการแสดงบัตรประชาชนและเลขที่บัญชียืนยันตนเอง ผู้เสียหายจำนวนหลายรายจึงตัดสินใจสั่งซื้อสินค้ากับเพจของคนร้ายรายนี้ แต่เมื่อคนร้ายทราบว่ามีการแจ้งความ ก็จะรีบโอนเงินคืนให้ผู้เสียหาย โดยมีการหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหายนับ 100 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ตามต่างจังหวัด อีกทั้งโดยมีการแชร์และติดตาม คนร้ายรายนี้ผ่าน ทางเว็ปไซต์ ต่างๆ
ต่อมาวันที 1 มีนาคม 62 เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. ได้ร่วมกันสืบสวนขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาตัวบุคคลที่ทำหน้าที่แอดมินเพจ และหลอกลวงประชาชนดังกล่าว จนทราบว่า คนร้ายรายนี้คือน.ส.บูชิตา โพธิ์ทอง เลขประจำตัวประชาชน 1-8097-00113-47-8 ที่อยู่ 117 หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช และ นายสุวิทย์ กุลคง เลขประจำตัวประชาชน 1-6507-00034-67-9 ที่อยู่ 305/154 หมู่ที่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี เป็นผู้ร่วมกัน หลอกลวงผู้เสียหายแบ่งหน้าที่กันทำโดยทุจริตเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายว่าได้ทำการขายสินค้าเสื้อผ้าโดยเปิดเพจเฟสบุคต่อสาธารณะ จนผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าสั่งซื้อสินค้าจากกลุ่มผู้ต้องหาจึงโอนเงินให้กลุ่มผู้ต้องหาไป เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่ออนุมัติหมายจับ ต่อมาศาลจังหวัดสมุทรสาคร ได้อนุมัติหมายจับ ที่ 79 /2562 และที่ 80 /2562 ลงวันที่ 1 มีนาคม 62 ให้จับกุมบุคคลดังกล่าวในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ต่อมาวันที 4 มีนาคม 62 พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย รอง ผกก.สส.บก.น.4/ หน.ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศปอส.ตร. ร่วมกันกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. พ.ต.ท.ธนะเมศฐ์ วิจิตรจริยา สว.ชุดปฏิบัติการที่ 2 , ร.ต.อ.ไพบูลย์ สอโส รอง สว.งานสายตรวจ ๑ กก.สายตรวจ ,ร.ต.อ.ปองคุณ พร้อมบัว และ ร.ต.ท.พร้อมคุณ บัวทอง พร้อมพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัวน.ส.บูชิตา โพธิ์ทอง อายุ 30 ปี และ นายสุวิทย์ กุลคง อายุ 32 ปี หมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ดังกล่าว โดยจับกุมตัวได้ที่ ริมถนนนารายณ์มหาราช หน้า สภ.เมืองลพบุรี อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบนเพื่อดำเนินคดีตาม กฎหมายต่อไป
โดย น.ส.บูชิตา โพธิ์ทอง ให้การรับสารภาพ ว่าตนเองเป็นแอดมิน เพจดังกล่าวทั้งหมดจริง โดยตนเองมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์และโซเซียลมีเดีย เป็นอย่างดี จึงอาศัยเป็นช่องทางหารายได้ โดยเริ่มสร้างเพจ เพื่อขายสินค้าออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2556 โดยช่วงแรกมีการสั่งซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้ามาจาก ประเทศจีน เพื่อจำหน่ายจริง แต่ต่อมาเห็นว่า มีคนสั่งซื้อจำนวนมาก เมื่อสินค้าหมดแล้ว ยังมีการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่สามารถส่งสินค้าให้ได้จึงปิดเพจ ดังกล่าว เพื่อหลบหนี จึงเห็นเป็นช่องทางหารายได้ และได้ทำเรื่อยมาเพราะเนื่องจากคิดว่าคงไม่มีผู้ใดติดตาม เนื่องจากแต่ละรายมีมูลค่าความเสียหายไม่มากนัก เพียงไม่กี่ร้อยบาท
ทาง ศปอส.ตร. ขอประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนท่านใด ที่เคยตกเป็นเหยื่อหรือหลงเชื่อสั่งซื้อสินค้ากับทางเพจ ขายสินค้าออนไลน์ของผู้ต้องหาราย ดังกล่าว สามารถแจ้งความเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.กระทุ่มแบน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ศูนย์ ศปอส.ตร. หรือท้องที่เกิดเหตุต่างๆ เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ต่อไป.
ภาพ/ข่าว สตม.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
November 21, 2024
November 20, 2024
November 19, 2024
ชื่อ-สกุล*
อีเมล์*
เว็ปไซต์
แสดงความคิดเห็น
Notify me of follow-up comments by email.
Notify me of new posts by email.
Δ
“รวบแม่ค้า“ออนไลน์”โกง#หลอกขาย# เสื้อผ้า ผู้เสียหายนับ 100 เสียหายกว่า 3 แสนบาท
ตามนโยบายรัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและมีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกระทำความผิดในระบบคอมพิวเตอร์ และสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นควบคู่ไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่เป็นปัญหาที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญ และเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) ,พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะ รองผู้อำนวยการ ศปอส.ตร., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.บก.สส. สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.บก.จร.บช.น.,พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 , พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ ได้สั่งการให้ ศปอส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 2 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. สืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย ซึ่งใช้สื่อสังคมออนไลน์ ขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งผู้เสียหายได้รวมตัวกันมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ ศปอส.ตร.ให้ช่วยดำเนินการสืบสวนจับกุมตัวคนร้ายรายนี้
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายว่าได้ถูกคนร้าย หลอกขายสินค้าออนไลน์โดยที่ไม่ได้มีสินค้าอยู่จริง พฤติการณ์กล่าวคือ คนร้ายจะเปิดเพจ เฟสบุ๊ค(Facebook) โดยวิธีการแสดงข้อความเชิญชวนให้สั่งซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้าที่สวยงาม แต่สินค้าที่ไม่มีอยู่จริง คือเมื่อสั่งซื้อสินค้าไปแล้วจะไม่ได้รับสินค้า เมื่อทวงถามก็จะบ่ายเบี่ยง อ้างว่าติดขัดขั้นตอนการส่งต่างๆ และเงียบหายไปจนจะติดต่อไม่ได้ รวมถึงบล็อคการติดต่อ จากนั้นก็จะปิดเพจเฟซบุ๊ค(Facebook) หนีไป แต่หลังจากนั้นไม่นานก็จะเปิดเพจเฟซบุ๊ค(Facebook)ขึ้นมาใหม่ แล้วหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นต่อไปอีก จากการสืบสวนพบว่า คนร้ายรายนี้สร้างเพจเฟซบุ๊ค(Facebook)เพื่อโกง หลอกลวงประชาชน มากกว่า 12 เพจ อาทิเช่น เพจร้าน Involves shop ตั้งแต่ เดือน มิ.ย. 2559, เพจร้าน Pop up shop ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2561, เพจร้าน Hello 250 fashion ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2561, เพจร้าน Fashion 250 shop และเพจร้าน Shop by pimmada โดยล่าสุดเปิด เพจร้าน Perorder By olaoong ม.ค. -ต้น ก.พ. 2562 (เพจล่าสุด) ซึ่งพึ่งจะปิดไปได้ไม่นาน ส่วนเหตุที่ประชาชนหลงเชื่อเนื่องจากคนร้ายเป็นผู้มีความชำนาญเรื่องการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ สามารถสร้างเพจให้ มีผู้กดติดตามหลายพันคน มีการแสดงบัตรประชาชนและเลขที่บัญชียืนยันตนเอง ผู้เสียหายจำนวนหลายรายจึงตัดสินใจสั่งซื้อสินค้ากับเพจของคนร้ายรายนี้ แต่เมื่อคนร้ายทราบว่ามีการแจ้งความ ก็จะรีบโอนเงินคืนให้ผู้เสียหาย โดยมีการหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหายนับ 100 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ตามต่างจังหวัด อีกทั้งโดยมีการแชร์และติดตาม คนร้ายรายนี้ผ่าน ทางเว็ปไซต์ ต่างๆ
ต่อมาวันที 1 มีนาคม 62 เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. ได้ร่วมกันสืบสวนขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาตัวบุคคลที่ทำหน้าที่แอดมินเพจ และหลอกลวงประชาชนดังกล่าว จนทราบว่า คนร้ายรายนี้คือน.ส.บูชิตา โพธิ์ทอง เลขประจำตัวประชาชน 1-8097-00113-47-8 ที่อยู่ 117 หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช และ นายสุวิทย์ กุลคง เลขประจำตัวประชาชน 1-6507-00034-67-9 ที่อยู่ 305/154 หมู่ที่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี เป็นผู้ร่วมกัน หลอกลวงผู้เสียหายแบ่งหน้าที่กันทำโดยทุจริตเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายว่าได้ทำการขายสินค้าเสื้อผ้าโดยเปิดเพจเฟสบุคต่อสาธารณะ จนผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าสั่งซื้อสินค้าจากกลุ่มผู้ต้องหาจึงโอนเงินให้กลุ่มผู้ต้องหาไป เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่ออนุมัติหมายจับ ต่อมาศาลจังหวัดสมุทรสาคร ได้อนุมัติหมายจับ ที่ 79 /2562 และที่ 80 /2562 ลงวันที่ 1 มีนาคม 62 ให้จับกุมบุคคลดังกล่าวในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ต่อมาวันที 4 มีนาคม 62 พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย รอง ผกก.สส.บก.น.4/ หน.ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศปอส.ตร. ร่วมกันกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. พ.ต.ท.ธนะเมศฐ์ วิจิตรจริยา สว.ชุดปฏิบัติการที่ 2 , ร.ต.อ.ไพบูลย์ สอโส รอง สว.งานสายตรวจ ๑ กก.สายตรวจ ,ร.ต.อ.ปองคุณ พร้อมบัว และ ร.ต.ท.พร้อมคุณ บัวทอง พร้อมพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัวน.ส.บูชิตา โพธิ์ทอง อายุ 30 ปี และ นายสุวิทย์ กุลคง อายุ 32 ปี หมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ดังกล่าว โดยจับกุมตัวได้ที่ ริมถนนนารายณ์มหาราช หน้า สภ.เมืองลพบุรี อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบนเพื่อดำเนินคดีตาม กฎหมายต่อไป
โดย น.ส.บูชิตา โพธิ์ทอง ให้การรับสารภาพ ว่าตนเองเป็นแอดมิน เพจดังกล่าวทั้งหมดจริง โดยตนเองมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์และโซเซียลมีเดีย เป็นอย่างดี จึงอาศัยเป็นช่องทางหารายได้ โดยเริ่มสร้างเพจ เพื่อขายสินค้าออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2556 โดยช่วงแรกมีการสั่งซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้ามาจาก ประเทศจีน เพื่อจำหน่ายจริง แต่ต่อมาเห็นว่า มีคนสั่งซื้อจำนวนมาก เมื่อสินค้าหมดแล้ว ยังมีการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่สามารถส่งสินค้าให้ได้จึงปิดเพจ ดังกล่าว เพื่อหลบหนี จึงเห็นเป็นช่องทางหารายได้ และได้ทำเรื่อยมาเพราะเนื่องจากคิดว่าคงไม่มีผู้ใดติดตาม เนื่องจากแต่ละรายมีมูลค่าความเสียหายไม่มากนัก เพียงไม่กี่ร้อยบาท
ทาง ศปอส.ตร. ขอประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนท่านใด ที่เคยตกเป็นเหยื่อหรือหลงเชื่อสั่งซื้อสินค้ากับทางเพจ ขายสินค้าออนไลน์ของผู้ต้องหาราย ดังกล่าว สามารถแจ้งความเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.กระทุ่มแบน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ศูนย์ ศปอส.ตร. หรือท้องที่เกิดเหตุต่างๆ เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ต่อไป.
ภาพ/ข่าว สตม.
สำนักข่าวบ้านข่าว รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง สร้างความสุขทั่วอำเภอขนอม
November 21, 2024
โรงไฟฟ้าขนอม ร่วมส่งเสริมสุขภาพชุมชน สนับสนุนอบรม อสม.ใหม่/ทดแทน
November 21, 2024
อบจ.สงขลา ร่วมรับรางวัลประกาศเกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต จากโครงการ ...
November 20, 2024
อโกด้าเผย หาดใหญ่คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี
November 19, 2024